อ่านเอเฟซัส
4:1-3
เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น
(เอเฟซัส 4:1 มตฐ.)
เมื่อเราอ่านเอเฟซัส 4:1
เรารู้สึกว่าพระธรรมข้อนี้กำลังพูดกับเราเป็นการส่วนตัว
เป็นการกระตุ้นร้องขอให้เราดำเนินชีวิตอย่างสมค่ากับการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเรา
และเรารู้สึกได้ว่านี่เป็นการร้องขอของอาจารย์เปาโลจากก้นบึ้งแห่งจิตใจของท่าน แล้วก็เป็นการที่ท่านพูดกับเราแต่ละคนโดยตรงด้วยความรู้สึกที่สนิทสนม พระธรรมเอเฟซัส 4:1
ได้กระตุ้นร้องขอให้ท่านและข้าพเจ้าให้ดำเนินชีวิตที่สมค่ากับการทรงเรียกของพระเจ้าในฐานะผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์แต่ละคน
แต่ถ้าเราศึกษาเจาะลึกลงในข้อเขียนจดหมายของเปาโลในข้อนี้ ในต้นฉบับภาษากรีก เราจะสังเกตสิ่งที่เด่นพิเศษที่มีรายละเอียดของข้อความในรูปประโยคในทำนองนี้ว่า
“ดังนั้น
ในฐานะที่เป็นนักโทษเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอร้องวิงวอนให้ ท่านทุกคน
ให้ดำเนินชีวิตให้สมค่ากับการทรงเรียกที่ ท่านทั้งหมด ได้รับ” ในภาษากรีกคำว่า “ท่าน” คำแรกในประโยคนี้กับ
“ท่านคำที่สองต่างเป็นพหูพจน์ เปาโลมิได้กระตุ้นวิงวอนกับคริสตชนเป็นการส่วนตัวแต่ละคน แต่เป็นการกล่าวกับชุมชนคริสตชนหรือผู้เชื่อ
แน่นอนครับ คำว่าท่านในพระธรรมตอนนี้อาจจะหมายถึง
“ท่านทั้งหลายแต่ละคน” ก็เป็นไปได้
ตัวอย่างเช่นก่อนเลิกเรียนคุณครูบอกกับนักเรียนว่า
“นักเรียนต้องล้างมือก่อนรับประทานอาหาร”
คุณครูหมายถึงว่านักเรียนแต่ละคน ต้องล้างมือก่อนรับประทานอาหาร แต่ในเวลาเดียวกันท่านก็หมายความว่านักเรียนทุกคน
ต้องล้างมือก่อนรับประทานอาหารด้วย จึงเป็นไปได้ว่า
เปาโลกำลังพูดกับคริสตชนแต่ละคนแม้คำว่าท่านจะเป็นพหูพจน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้พิจารณาใน 4:7 ที่ว่า
“แต่ว่าพระคุณนั้นประทาน แก่เราแต่ละคน ตามขนาดที่พระคริสต์ประทาน” เราไม่ปฏิเสธความจริงที่ว่า เราแต่ละคนได้รับการทรงเรียกจากเบื้องบน แต่ในเอเฟซัส 4:1
ก็กำลังพูดกับคริสตจักร หรือ ชุมชนคริสตชนที่อยู่ด้วยกันที่เป็นหนึ่งเดียวกันว่าเราได้รับการทรงเรียกร่วมกันจากองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย
แล้วการทรงเรียกนี้เป็นอะไรกันแน่?
ที่สำคัญที่สุดคือเป็นการทรงเรียกเราทุกคนให้เป็นของพระคริสต์ และมีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งการเสริมสร้าง การกอบกู้ไถ่ถอน และการพลิกฟื้นสร้างใหม่ในโลกนี้ เราได้รับการทรงเรียกแล้วตอบสนองร่วมกัน
ต่อการทรงเรียกขององค์พระผู้เป็นเจ้า
มิใช่การทรงเรียกและตอบสนองการทรงเรียกเป็นการส่วนตัวเท่านั้น แต่หัวใจหรือแก่นแท้ในที่นี้คือ
เราแต่ละคนที่เข้ามาร่วมกันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในพระวรกายของพระคริสต์
ในฐานะที่เป็นสมาชิกในพระวรกายของพระคริสต์จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องเชื่อมต่อสัมพันธ์กัน พึ่งพาอาศัยกัน และหนุนเสริมกันและกัน เฉกเช่นอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานอย่างสอดคล้องและหนุนเสริมกัน
เมื่อเราอ่านพระธรรมเอเฟซัส
4:1-3
เราจะเห็นถึงสัจจะแก่นสารที่ว่า พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนให้ตอบสนองร่วมกันในฐานะชุมชนคริสตชน(ชุมชนคริสตจักร)
อย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร
แต่ประเด็นที่เชิญชวนท่านโปรดพิจารณาใคร่ครวญในวันนี้คือ ท่านเคยมีความคิดความเข้าใจที่ว่า...
1. “การทรงเรียกของตนก็เป็นการทรงเรียกของเราทั้งหลาย
ด้วย” หรือไม่?
2. ทำไมท่านถึงคิดและเข้าใจเช่นนั้น?
3. ความคิดและความเข้าใจที่แตกต่างกันนี้
(พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนเป็นการส่วนตัวเท่านั้น กับ การทรงเรียกเราเป็นส่วนหนึ่งในการทรงเรียกคนทั้งหลายด้วย)
มีผลต่อพฤติกรรมที่ท่านสำแดงออกในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499