“เราพยายามที่จะเป็นคริสตจักรที่เน้นการทำพันธกิจ... นั่นเป็นการเน้นลักษณะภายนอกของคริสตจักร... และดูเหมือนเราไม่ประสบความเสร็จ” ศิษยาภิบาลในเมืองใหญ่ที่ผมคุยด้วยกล่าว
คริสตจักรของศิษยาภิบาลท่านนี้ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ เขาและคริสตจักรพยายามที่จะมีโปรแกรมต่างๆ ที่จะเข้าไปถึงชีวิตชุมชนเพื่อตอบสนองความต้องการด้านต่างๆ
ของชุมชน แต่เมื่อดูดีๆ แล้วกลุ่มเป้าหมายที่คริสตจักรพยายามรับใช้กับสมาชิกคริสตจักรไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้นเลย
ศิษยาภิบาลท่านนี้ได้เล่าถึงตัวอย่างที่เกิดขึ้นในคริสตจักรของท่านเรื่องหนึ่งว่า
ครั้งหนึ่ง คริสตจักรได้จัดทำอาหารมื้อเย็นให้กับคนที่ยากจนและคนที่มีรายได้ต่ำที่อยู่ในละแวกรอบคริสตจักร
“มีผู้คนมารับประทานอาหารเต็มห้องประชุมเลย” ศิษยาภิบาลเล่า “แต่สมาชิกคริสตจักรของเราสาละวนอยู่กับการทำอาหารในห้องครัว อาหารในเย็นวันนั้นดีมาก แต่ผมสังเกตเห็นว่า ในขณะที่คนจากชุมชนกำลังรับประทานอาหารในห้องประชุม
สมาชิกของเราวุ่นวายกับการจัดทำอาหารในห้องครัว มันเป็นภาพที่แบ่งแยกให้เห็นชัดเจนว่า คนยากคนจนกินอาหารในห้องประชุม สมาชิกคริสตจักรกำลังทำอาหารในห้องครัว”
หลายคริสตจักรจะจัดงบประมาณเลี้ยงอาหารผู้คนในชุมชนในวันสำคัญของคริสตจักรอาจจะปีละครั้งสองครั้ง
แล้วอาจจะมีรายการพิเศษที่เตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวสำหรับคนยากคนจน หรือส่งไปให้ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่สูงที่มีอากาศหนาวจัด หรือบ้างก็เตรียมน้ำ เครื่องดื่ม
ขนม และ ฯลฯ ใส่ถุงเพื่อไปแจก แล้วติดตราของคริสตจักร พร้อมที่อยู่
หรืออาจจะมีข้อพระคัมภีร์
หรือมีข้อความว่า “พระเจ้ารักคุณ”
บ่อยครั้งหลายคริสตจักร
ต้องการแสดงให้เห็นว่าตนมาจากคริสตจักรไหน และห่วงใยคนที่ทุกข์ยาก
แต่ของแจกเหล่านี้ก็เป็นเพียงสิ่งของและยื่นแจกให้เท่านั้น
สิ่งสำคัญที่ขาดหายไปจากการทำพันธกิจแบบนี้คือ ความสัมพันธ์ครับ
ถ้าพันธกิจของคริสตจักรในชุมชนคือการอาสาช่วยเหลือและรับใช้ผู้คน เพื่อช่วยให้เขาได้รู้ รัก
และติดตามพระคริสต์
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้กระทำพันธกิจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้คนเหล่านั้น มิใช่ฉลากที่ติดข้างถุงของขวัญ ไม่ใช่การโฉบเฉี่ยวผ่านผู้คนแล้วยื่นถุงของขวัญให้กับคนในชุมชนเท่านั้น
ความเชื่อศรัทธาเป็นเรื่องความสัมพันธ์
และเป็นความพยายามของเราที่จะช่วยผู้คนให้ได้มีโอกาสสัมผัสสัมพันธ์กับความรักของพระคริสต์ ดังนั้น
สิ่งสำคัญในการทำพันธกิจชุมชนคือการที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่เราทำพันธกิจด้วย
การทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักรมิใช่การใช้เงินและให้เวลาที่มี แล้วเข้าไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนในชุมชนอย่างฉาบฉวย หลายคริสตจักรได้กระตุ้น เตรียม
และเสริมสร้างให้สมาชิกของตนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อเนื่องจนเกิดผลกระทบเชิงสร้างสรรค์กับคนที่ตนไปทำพันธกิจด้วย เช่น
ผมพบกับศิษยาภิบาลหนุ่มท่านหนึ่งทำงานในพื้นที่ชนบทที่มีเด็กนักเรียนชนเผ่าจากพื้นที่สูงลงมาเรียนในโรงเรียนของชุมชน ท่านได้เตรียมสมาชิก และ
อนุชนในคริสตจักรของตนช่วยสอนการพูดภาษาไทยให้ชัดแก่นักเรียนชนเผ่าแบบตัวต่อตัว
และยังช่วยสอนการทำการบ้านในตอนเย็นแก่นักเรียน (เพราะเรียนไม่ทัน
และทำการบ้านไม่ได้) และผู้ใหญ่จากคริสตจักรบางท่านช่วยทำหน้าที่เอาใจใส่การกินการอยู่ของเด็กนักเรียนเหล่านี้ที่ต้องอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่ คริสตจักรเตรียมสมาชิกให้การช่วยเหลือการเรียนของเด็ก
แต่ที่สำคัญคือการที่จะมีความสัมพันธ์และเอาใจใส่ชีวิตของเด็กแบบสัมพันธ์ใกล้ชิดและกระทำอย่างต่อเนื่องต่างหากที่สำคัญกว่า
คริสตจักรที่กระทำพันธกิจชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลได้นั้น
คริสตจักรต้องเสริมสร้างความเข้าใจแก่สมาชิกที่จะทำพันธกิจให้รู้ว่า การทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักรคือการยื่นมือยื่นชีวิตออกสร้างความสัมพันธ์กับชีวิตผู้คนที่ตนทำพันธกิจด้วย
เพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นได้สัมผัสกับความรักของพระคริสต์ที่ตนยื่นออกไปสัมผัสชีวิตของผู้คนผ่านการอาสารับใช้ในลักษณะต่างๆ
และหนุนเสริมให้ผู้คนเติบโตขึ้นในความรักของพระคริสต์ และให้ความรักของพระคริสต์แผ่ขยายไปทั่วชุมชน
นี่คือการขยายแผ่นดินของพระเจ้าตามพระมหาบัญญัติ และ
พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์
การทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักร
จึงเป็นสร้างเสริมสัมพันธภาพของสมาชิกคริสตจักรกับผู้คนในชุมชนโดยมีพลังแห่งความรักเมตตาของพระคริสต์เป็นตัวขับเคลื่อนในชีวิตของสมาชิกคริสตจักรเหล่านั้น
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499