“เพราะท่านไม่เคยเดินผ่านทางนี้มาก่อน
ฉะนั้นเขา(หีบพันธสัญญาของพระเจ้า”)จะนำท่านไป...”
(โยชูวา 3:4 อมตธรรม)
ฉะนั้นเขา(หีบพันธสัญญาของพระเจ้า”)จะนำท่านไป...”
(โยชูวา 3:4 อมตธรรม)
คนเรากลัวในหลายเรื่องด้วยกัน แต่ความกลัวอย่างหนึ่งที่มีมาในทุกยุคทุกสมัยคือ กลัวสิ่งที่เราไม่รู้จัก สิ่งที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน ไม่รู้แน่ว่าจะเป็นอย่างไร เช่น กลัวว่าอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร? กลัวสุขภาพของเราจะแข็งแรงหรืออ่อนแอ? กลัวเกี่ยวกับสวัสดิภาพ ความปลอดภัยในชีวิตของลูกหลาน อนาคตของลูกหลาน ลูกหลานยังจะติดตามพระเจ้า หรือ จะติดตามเพื่อน? กลัวว่าชีวิตของเราต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายที่เราไม่คาดคิด ทั้งภัยธรรมชาติ ภัยทางสงคราม การเมือง และเศรษฐกิจ ความกลัวลักษณะที่กล่าวข้างบนนี้มีสาเหตุของความกลัวจากประการใหญ่ๆ 2 ประการคือ
- อนาคตเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้น เราจึงไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร คิดตัดสินใจไม่ได้
- อนาคตเป็นสิ่งที่นอกเหนือความสามารถในการควบคุมของเรา
เป็นความจริงว่า อนาคตเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความสามารถที่เราแต่ละคนจะควบคุมมันได้ อนาคตมิได้อยู่ในกำมือของเราก็จริง แต่เราสามารถที่จะเชื่อไว้วางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้าได้ เพราะพระองค์ทรงสามารถควบคุมและจัดการกับอนาคตทั้งสิ้นในชีวิตของเรา เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคตข้างหน้า ให้เราพิจารณามุ่งมองไปที่ชีวิตของโยชูวาเป็นตัวอย่าง ว่าโยชูวาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ล่อแหลม คลุมเครือ สุ่มเสี่ยง โดยมีชีวิตของอิสราเอลเป็นเดิมพัน ด้วยความไว้วางใจในพระสัญญาของพระเจ้าอย่างไร
โมเสสได้เตรียมโยชูวาให้สืบทอดการนำอิสราเอลต่อจากท่าน โยชูวาได้เรียนรู้ ได้ฝึกฝน ได้รับการเตรียมพร้อมในช่วงที่อิสราเอลเดินวนเวียนในถิ่นทุรกันดาร 40 ปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ที่โยชูวาจะนำอิสราเอลต่อจากโมเสสนั้นเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากเดิมมากมาย โยชูวาต้องเผชิญและจัดการกับสิ่งใหม่ๆ เช่น ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์การเป็นทาสในอียิปต์ได้ล้มหายตายจากไปเกือบหมดสิ้น คนหนุ่มแน่นในประชากรอิสราเอลเป็นชนรุ่นใหม่ที่เกิดในถิ่นทุรกันดาร ภารกิจในการขับเคลื่อนประชากรอิสราเอลเป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จากการเดินวนเวียนเรียนรู้และการบ่มเพาะชีวิตที่เชื่อฟังพระเจ้า เพื่อเตรียมคุณภาพชีวิตของอิสราเอลในความเชื่อศรัทธาไว้วางใจในพระเจ้า กำลังมุ่งหน้าสู่ความเชื่อศรัทธาที่จะต้องแสดงออกมาด้วยการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ในการสร้างชาติ ในการยึดครองแผ่นดินแห่งพระสัญญา ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และนี่คือบทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากโยชูวา ผู้นำที่พระเจ้าทรงใช้ในภาวะวิกฤติแห่งชาติ
วิกฤติแห่งชาติอิสราเอลในช่วงเวลานั้น เป็นวิกฤติใหม่วิกฤติที่ผู้นำอย่างโยชูวาไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร เป็นวิกฤติที่กว้างลึกกว่าประสบการณ์การเป็นผู้นำอย่างโมเสส แต่อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงเตรียมโยชูวา ภารกิจใหม่ของอิสราเอลในช่วงเวลานั้นคือ การบุกยึดดินแดนแห่งพระสัญญาซึ่งจะต้องใช้การทำศึกสงคราม ทั้งในรูปแบบและนอกรูปแบบ พระเจ้าทรงเตรียมโยชูวาในฐานะผู้นำกองทัพอิสราเอลในสมัยของโมเสส แต่โยชูวาไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
การเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติของโยชูวาได้ให้บทเรียนที่สำคัญแก่เราในปัจจุบันนี้ที่สำคัญคือ
1. ภาวะผู้นำในสถานการณ์วิกฤติ ความเข้มแข็ง กล้าหาญ และมั่นคง ตั้งอยู่บนรากฐานการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า (มิใช่ความเข้มแข็ง กล้าหาญ เก่งกาจของผู้นำ) “ไม่มีใครยืนหยัดต่อสู้เจ้าได้ตลอดชีวิตของเจ้า เพราะเราอยู่กับเจ้า... เราจะไม่ละจากเจ้าหรือทอดทิ้งเจ้าเลย จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด...”(โยชูวา 1:5-6) “...จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าหวาดกลัว อย่าท้อใจ เพราะไม่ว่าเจ้าไปที่ไหน พระยาเวห์พระเจ้าของเจ้าจะอยู่กับเจ้าที่นั่น” (1:9)
2. เมื่ออิสราเอลรวมพลตั้งค่ายบนฝั่งแม่น้ำจอร์แดนด้านตะวันออก ทำให้ระลึกถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำที่ทะเลแดงครั้งเมื่ออิสราเอลเคลื่อนพลออกจากอียิปต์ แต่ในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนคือ ที่ทะเลแดง วิกฤติและหายนะกำลังไล่ล่าตามหลังมา กองกำลังอิสราเอลข้ามทะเลแดงเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยในชีวิตของตน แต่ในครั้งนี้ ไพล่พลประชาชนอิสราเอลต้องตัดสินใจว่าจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนหรือไม่ ที่ต้องเสี่ยงเผชิญหน้ากับวิกฤติที่ขวางอยู่ข้างหน้าเพื่อบุกยึดแผ่นดินแห่งพระสัญญา ในภาวะเช่นนี้ โยชูวา และ ประชาชนอิสราเอลต้องการความเข้มแข็ง และความกล้าหาญ แน่นอนว่า ความเข้มแข็งและความกล้าหาญนั้นมาจากการไว้วางใจในการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้า แต่ในภาวะวิกฤติที่เราไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรนั้น ความมั่นใจ ยืนหยัด และกล้าหาญมาจากพระสัญญาที่ว่า พระองค์จะเป็นผู้นำในภาวะวิกฤตินี้เอง “เพราะท่าน(อิสราเอล)ไม่เคยเดินผ่านทางนี้มาก่อน ฉะนั้นเขา(หีบพันธสัญญาของพระเจ้า”)จะนำท่านไป...”(3:4)
ในภาวะวิกฤติที่ผู้นำไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ที่อิสราเอลยังเข้มแข็ง กล้าหาญ และมั่นใจได้นั้น เพราะทั้งผู้นำและประชาชนอิสราเอลเชื่อมั่นและไว้วางใจในการทรงนำของพระเจ้าไปบนเส้นทางที่เขาไม่รู้จัก และไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น การให้อิสราเอลติดตาม “หีบพันธสัญญา” คือติดตามการทรงสำแดงของพระเจ้า ให้พระประสงค์ของพระองค์นำหน้า และติดตามการทรงสำแดงพระประสงค์ของพระองค์ในทุกช่วงเวลาและสถานการณ์
3. ผู้นำในภาวะวิกฤติ เป็นผู้นำที่จะต้องถ่อมใจและมอบความไว้วางใจในการทรงเปิดเผยทีละขั้นทีละตอนจากพระเจ้า และเป็นผู้นำที่เอื้ออำนวยกระบวนการให้ประชาชนสามารถติดตาม ไว้วางใจ เชื่อฟัง และปฏิบัติตามการทรงเปิดเผยและการทรงนำของพระองค์ “...บรรดาเจ้าหน้าที่ออกไปทั่วค่าย แจ้งคำสั่งแก่ประชาชนว่า “เมื่อเห็นปุโรหิตซึ่งเป็นชนเลวีหามหีบพันธสัญญาของพระยาเวห์พระเจ้าของท่าน จงเคลื่อนออกจากที่ของท่านตามไป เพราะท่านไม่เคยเดินผ่านทางนี้มาก่อน ฉะนั้น เขา(หีบพันธสัญญา)จะนำท่านไป....”” (โยชูวา 3:2-4) ในภาวะวิกฤติ ทั้งผู้นำและประชาชนต่างต้องมุ่งมองที่การทรงสำแดงของพระเจ้าเพื่อสามารถเดินผ่าน “หุบเหวชีวิตที่ตนไม่รู้จักมาก่อน” และอะไรที่จะยิ่งใหญ่สำคัญไปกว่าการที่พระเจ้าผู้ทรงรู้ถึงภาวะข้างหน้าชีวิต ผู้ทรงกำหนดแผนการในการจัดการกับภาวะที่เราเองไม่รู้ และทรงเป็นผู้นำชีวิตของเราให้ฝ่าข้ามหุบเหวเงามัจจุราชนั้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
พระเจ้าทรงเข้าพระทัยในความกลัวของเราแต่ละคนต่อสิ่งที่เราไม่รู้จักคุ้นชิน พระองค์ทรงรู้ว่าชีวิตของเราต้องเข้าไปสู่สถานการณ์ที่เราไม่เคยผ่านพบมาก่อน...เราจึงกลัว อาจจะเป็นครั้งแรกที่ท่านต้องเข้ามารับผิดชอบในงานที่ไม่เคยรับมือมาก่อน หรือเป็นครั้งแรกที่ท่านตกงานมึนจนไม่รู้ว่าจะจัดการกับตนเองอย่างไร ท่านหรือคนสนิทของท่านตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย ท่านอาจจะได้รับข่าวร้ายที่ลูกต้องติดยาเสพติด บนเส้นทางชีวิตเหล่านี้ที่ท่านยังไม่เคยผ่านพบมาก่อน ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันอย่างไร จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิดเพราะพระเจ้าพร้อมที่จะนำท่านในภาวะวิกฤติชีวิตของท่าน
ชีวิตของโยชูวานั้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เหมือนกับชีวิตของท่านและข้าพเจ้า แต่โยชูวาสามารถต้านทานความกลัวด้วยการมุ่งมองแน่วแน่ไปที่พระเจ้า มากกว่าการมองจดจ่ออยู่ที่สถานการณ์แวดล้อมด้วยความหวาดหวั่น พระเจ้าเคยนำอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินและอาณาจักรที่พวกเขาไม่เคยรู้จักและผ่านพบมาก่อนอย่างไร พระองค์จะทรงนำชีวิตของเราไปสู่เป้าประสงค์ที่พระองค์กำหนดไว้
เมื่อชีวิตจะต้องฝ่าเข้าสถานการณ์ที่เราไม่รู้จัก เกิดวิกฤติในชีวิต ขอให้เราระลึกถึงพระสัญญาในพระธรรมอิสยาห์ 43:2-3ก ที่ว่า “เมื่อเจ้าลุยน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อเจ้าลุยข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ซัดท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ ไฟจะไม่ไหม้ เปลวไฟจะไม่เผาผลาญเจ้า เพราะเราคือพระยาเวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล พระผู้ช่วยให้รอดของเจ้า”
ถึงแม้ว่า ประชากรอิสราเอลมิได้รับการอธิบายจากผู้นำของพวกเขาว่า พวกเขาจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนอย่างไร แต่ประชาอิสราเอลมุ่งหน้าเดินข้ามแม่น้ำจอร์แดนด้วยความเชื่อศรัทธาและไว้วางใจในการทรงนำของพระเจ้า มุ่งมองไปที่การทรงสำแดงของพระเจ้าตลอดเส้นทางที่เสี่ยงไม่แน่นอนและไม่รู้ว่าในที่สุดอะไรจะเกิดขึ้น
ให้เราเชื่อมั่นและขอบพระคุณในพระสัญญาของพระเจ้าที่ทรงให้ไว้กับเรา
ให้เราเชื่อมั่นและขอบพระคุณว่าเรามิได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวคนเดียว
ให้เราเชื่อมั่นและขอบพระคุณที่พระเจ้าทรงนำเราฝ่าผ่านเส้นทางชีวิตที่เราไม่เคยรู้จักคุ้นชินมาก่อน
ให้เราเชื่อมั่นและขอบพระคุณที่พระเจ้าสำแดงเส้นทางที่เราควรเดินไปเป็นขั้นเป็นตอนในเวลาเหมาะสม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น