เราทุกคนคงเคยมีชีวิตที่
“ลื่นไถล หรือ ก้าวพลาดพลั้ง” บางครั้ง
“เสียหลัก” ต้องหยุดนิ่งแล้วตั้งหลักใหม่
แต่บางครั้งก็ลมหกคะเมนลงไปอย่างไม่เป็นท่า ในสถานการณ์ชีวิตเช่นนั้น เราต้องไม่ลืม
“ความรักอันมั่นคงของพระเจ้าที่จะค้ำจุนชีวิตของเราไว้”
18เมื่อ... “เท้าของข้าลื่นไถลพลาดลง”
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ความรักมั่นคงของพระองค์ค้ำจุนข้าพระองค์ไว้
19เมื่อความกังวลทับถมจิตใจข้าพระองค์
การปลอบโยนของพระองค์ก็ทำให้จิตใจข้าพระองค์ปีติยินดี
(สดุดี 94:18-19 สมช.)
แต่บางครั้งเราวิตกกังวล และการวิตกกังวลนั้นมันต่อเนื่องยืดยาว มันพันกันจนยุ่งวุ่นวาย จนเป็นภาระหนักทับอก สับสนจนไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับชีวิต เรากำลังตกใน
“วงจรอุบาทว์แห่งความวิตกกังวล” เราทุ่มเทเวลาชีวิตอย่างสุดกำลังจนเหนื่อยอ่อนหมดแรง ไม่ต่างอะไรกับหนูที่วิ่งติดจั่น แต่ไม่มีสิ่งดีอันใดเกิดขึ้นในชีวิต
ในเวลาเช่นนี้
ไม่รู้จะหันไปหาใคร...อย่าลืมว่า...
พระเจ้าเคียงข้างเราอยู่พร้อมที่จะ
“ปลอบโยน” ให้จิตใจเราสงบ
ช่วยให้เรามองใหม่ คิดใหม่ ตัดสินใจใหม่
พบทางใหม่ ลงมือทำใหม่
เราได้รับประสบการณ์ใหม่
ในเวลาเช่นนี้จิตใจที่ห่อเหี่ยวหมดแรงก็จะค่อยกลับคลายสู่
“จิตใจที่ปีติยินดี”
พระเจ้าทรงฉุดช่วยเราให้หลุดรอดออกจาก “วงจรอุบาทว์แห่งความวิตกกังวล” สู่ชีวิตที่แช่มชื่นปีติอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น ฐานเชื่อกรอบคิดของเรา (Mindset) ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาหยั่งรากลึกด้วย
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น