ถ้าเราตัดสินใจตามพระเยซูคริสต์ เราจะต้องลาออกจากงานเดิมหรือไม่?
คำตอบคือบางรายอาจจะใช่ แต่ไม่แน่เสมอไปสำหรับทุกคน ขึ้นอยู่ว่าเราได้รับการทรงเรียกจากพระคริสต์ให้ต้องเปลี่ยนงานใหม่หรือไม่มากกว่า
แต่คนส่วนใหญ่แล้ว เมื่อตัดสินใจตามพระเยซูคริสต์ไปจะไม่ต้องเปลี่ยนงานใหม่
แต่พระคริสต์จะหนุนเสริมให้เราเปลี่ยนมุมมองงานที่เราทำใหม่ ด้วยการเปลี่ยนฐานเชื่อกรอบคิด
(mindset) ของเราใหม่ ซึ่งเดิมเราประกอบอาชีพเพื่อมีรายได้ เพื่อจะยังชีพ
เพื่อร่ำรวยมั่นคง แต่หลังจากติดตามพระคริสต์ฐานเชื่อกรอบคิดการทำอาชีพเปลี่ยนไป
ตัวอย่างที่ชัดเจน เราสามารถเห็นได้จากเปาโล อาชีพและความชำนาญของท่านคือการเย็บเต็นท์ขาย
เมื่อท่านกลับใจและตัดสินใจตามพระคริสต์ไปในชีวิตประจำวันของท่านประกาศถึงสัจจะความจริงของข่าวประเสริฐ
ท่านยังไม่ทิ้งอาชีพเย็บเต็นท์ แต่ฐานเชื่อกรอบคิดในการเย็บเต็นท์ของท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่จากพระคริสต์
ท่านเย็บเต็นท์เพื่อที่จะมีชีวิตประกาศสัจจะความจริงของข่าวประเสริฐให้แผ่กว้างออกไปให้กว้างไกลที่สุด
เพื่อสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์บนแผ่นดินโลกนี้ตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์
อีกคนหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ศักเคียส เขาเป็นคนเก็บภาษีให้รัฐบาลโรมัน หลังจากที่เขาพบกับพระเยซู
พระองค์มีโอกาสใช้เวลากับเขาในบ้านของเขา ทำให้ฐานเชื่อกรอบคิดในชีวิตของเขาเปลี่ยนไป
และมีผลกระทบต่อฐานเชื่อกรอบคิด (mindset) ในงานอาชีพเก็บภาษีของเขาอย่างมากด้วย
ศักเคียส
ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า
ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนยากจนครึ่งหนึ่ง
และถ้าข้าพระองค์โกงอะไรของใครมา ก็ยอมคืนให้เขาสี่เท่า” (ลูกา 19:8 มตฐ.)
น่าสังเกตว่า เขาไม่ได้กล่าวว่าเขาจะเลิกทำอาชีพเก็บภาษี
แต่เขาได้เปลี่ยนมุมมองกรอบคิดในอาชีพเก็บภาษีใหม่
ประการแรก เก็บภาษีด้วยความสัตย์ซื่อ
ประการที่สอง แบ่งปันทรัพย์สินที่ตนมีครึ่งหนึ่งให้กับคนยากคนจน
เพราะเขาต้องการสำแดงพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน และได้เห็นคุณค่าของผู้ต่ำต้อยเล็กน้อยเหล่านี้
และนี่เป็นพระประสงค์ของพระคริสต์คือ “ให้คนอื่น”
(อย่างที่พระเยซูคริสต์บอกเศรษฐีหนุ่มให้กระทำเช่นนี้แล้วจะได้ชีวิตนิรันดร์
แต่เขาทำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าควรกระทำ)
ประการที่สาม
ยังชดใช้ผู้ที่ตนเคยคดโกง 4 เท่า ถ้าพูดภาษาง่าย ๆ คือ ตั้งแต่นี้ต่อไปเขาจะเก็บภาษีอย่างสัตย์ซื่อ
ทำอาชีพบนรากฐานพระวจนะ มิใช่ทำอย่างเอาเปรียบ
คดโกง เพื่อตนจะร่ำรวยต่อไป
ศักเคียส ใช้อาชีพการงานของตนในการสำแดงชีวิตสาวกที่ติดตามพระคริสต์ด้วยการปฏิบัติ
เพื่อเป็นการสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ที่ได้เริ่มต้นไว้แล้วผ่านการงานอาชีพในชีวิตประจำวันของเขา
เพื่อเป็นการเสริมสร้างชุมชนแห่งแผ่นดินของพระเจ้าบนโลกนี้ด้วยรักเมตตา เสียสละ ตามแบบอย่างของพระคริสต์ที่ยอมให้ชีวิต เพื่อคนอื่นจะได้พบกับโอกาสใหม่ชีวิตใหม่
พระเยซูคริสต์มิได้ต่อต้านการทำงานอาชีพในสังคมโลกนี้
แต่พระองค์ปรับเปลี่ยนฐานเชื่อกรอบคิด (mindset) การทำงานอาชีพของเราใหม่
เพื่อใช้งานอาชีพในการรับใช้แผ่นดินของพระเจ้าผ่านการดำเนินชีวิตประจำวัน
เพื่อให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่บนโลกนี้ ในสวรรค์เป็นอย่างไร ให้เป็นเช่นนั้นบนแผ่นดินโลก
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น