ในพระคัมภีร์ทั้งฉบับ มีถึง 1,524 ข้อที่พูดถึงเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แสดงว่าเรื่องเงินทองเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตและสังคมมนุษย์
และที่สำคัญคือพระคัมภีร์ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
หลายคนถามในใจว่า แล้วพระเจ้าใส่ใจและเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องเงินทองในชีวิตของมนุษย์หรือไม่?
เมื่อเรามีวิกฤติการเงินในชีวิต ในครอบครัว ในธุรกิจ เราจะปรึกษาพระองค์ในเรื่องเงินทองหรือเศรษฐกิจได้ไหม?
อย่างไร?
พระธรรมฟีลิปปี 4:19 บันทึกไว้ว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้า จะประทานทุกสิ่งที่จำเป็น
แก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 4:19)
เปาโลยืนยันถึงพระสัญญาของพระเจ้าว่า
พระเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่เป็นเรื่องที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันแก่เรา นี่เป็นคำยืนยันถึงพระสัญญาที่เขียนชัดเจนว่า
“พระเจ้าจะประทานสิ่งที่จำเป็นในชีวิต” มิได้เขียนไว้ว่า “พระเจ้าอาจจะ..” หรือ
“พระเจ้าน่าจะ...” แต่ยืนยันว่า “พระเจ้าจะประทาน...” พระองค์จะเป็นผู้ประทาน สิ่งที่จำเป็น
ในชีวิตประจำวันของเรา และนี่คืออัตลักษณ์ และ เกียรติคุณของพระองค์ ให้เราระลึกถึงคำอธิษฐานที่พระเยซูคริสต์สอนสาวกที่ว่า
...ขอประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ในวันนี้... (มัทธิว 6:11)
เมื่ออิสราเอลต้องเดินรอนแรมในถิ่นทุรกันดาร
ต้องใช้ชีวิตจาริกไปในทะเลทราย พวกเขาไม่มีเวลาจะเพาะปลูก และฟ้าฝนไม่อำนวย พระเจ้าจึงประทาน
“มานา” เป็นอาหารประจำวันแก่พวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับประชากรอิสราเอลในช่วงเวลานั้น
(อพยพ 16:31-35; เฉลยธรรมบัญญัติ 8:16)
แต่เมื่อเขาเริ่มเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา “มานา” มิใช่สิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของชนอิสราเอลต่อไป
เพราะพวกเขาสามารถหาอาหารกินจากพืชผล บนแผ่นดินแห่งพระสัญญา ดังนั้น พระเจ้าจึงยุติการประทาน “มานา”
แก่คนอิสราเอลตั้งแต่เวลานั้น โยชูวา 5:12 เขียนไว้ว่า “ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นมานา ก็ขาดไป คือเมื่อเขาได้รับประทานผลจากแผ่นดิน
ประชาชนอิสราเอลไม่มีมานา อีกเลย” (มตฐ.)
ดังนั้น
เราต้องเข้าใจชัดเจนในความแตกต่างระหว่าง “สิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน” กับ
“ความอยากได้ใคร่มี” “ความโลภ” “การไม่รู้จักพอ” ลองใคร่ครวญดูเถิด อะไรจะเกิดขึ้นถ้าอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญาแล้ว
พระเจ้ายังประทาน “มานา” หล่นลงมาจากฟ้า คนอิสราเอลกลุ่มหนึ่งก็จะ “งอตีนงอมือ”
ไม่ทำมาหากินบนแผ่นดินพระสัญญา รอ “มานา”
มาป้อนใส่ปากทุกเช้า ถ้าเป็นเช่นนั้น...พระเจ้ากำลังทำให้อิสราเอลเสียนิสัย ขาดความรับผิดชอบ
ไม่รู้จักหน้าที่ของตนใช่ไหม? ดังนั้น เราจะต้องตระหนักชัดในความแตกต่างของ
“ความจำเป็นในชีวิตประจำวัน” กับ “ความอยากได้ใคร่มี” “ความโลภ” “เกียจคร้าน
งอตีนงอมือ”
พระเจ้าจะไม่ประทานทุกอย่างที่ท่านอยากได้ใคร่มี
หรือ “ต้องการ” แต่พระองค์จะประทานทุกอย่างที่จำเป็นในชีวิตประจำวันแก่ท่าน
และนี่คือพระสัญญาของพระเจ้า เมื่อเราปรึกษา
ทูลขอพระเจ้าในเรื่องเงินทอง ความจำเป็นในชีวิตประจำวัน เศรษฐกิจในครัวเรือน ในธุรกิจ
(ทำมาค้าขาย) หรือ ในการทำมาหากินของเรา
พระเจ้าจะทรงกระทำหน้าที่ และตามความรับผิดชอบในส่วนของพระองค์ แต่เราต้องรับผิดชอบในส่วนของตนเองด้วย เฉกเช่น
ความรับผิดชอบของอิสราเอลเมื่อเดินทางในถิ่นทุรกันดาร กับ
การดำรงชีวิตในแผ่นดินพระสัญญา มีความแตกต่างกัน ก็มีความรับผิดชอบในส่วนของตนที่แตกต่างไปด้วย
ในแผ่นดินพระสัญญา เขาต้องเพาะปลูก ดูแล บำรุง รักษา และเก็บเกี่ยว เขาจะรับผิดชอบแบบชีวิตในถิ่นทุรกันดาร
ที่เพียงออกไปเก็บมานาตอนเช้าเท่านั้นไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีมานาหล่นจากฟ้าอีกแล้ว
เมื่อเราทูลขอหรือปรึกษาพระเจ้าเกี่ยวกับการเงิน
เศรษฐกิจของเรา พระเจ้าพร้อมเสมอที่จะประทานสิ่งที่จำเป็นสำหรับท่านในชีวิตประจำวันในเวลานั้น
ๆ พระองค์ใส่ใจและต้องการประทานสิ่งดีสำหรับชีวิตของเรา แต่เราต้องไม่ลืมที่จะปรึกษา
ทูลขอ และฟังพระองค์ว่า พระองค์เห็นว่า
เราจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง? รับผิดชอบอย่างไร? และรับผิดชอบต่อใคร?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ข้าตามหาปรางค์แห่งโฆษะของพระศิวะ
ตอบลบพระองค์บอกกับข้าว่า ปรางค์แห่งโฆษะนั้นกำลังจะตื่น
และพระแม่ไพรระวีกับพิธีสำคัญมาก ข้าไม่รู้ว่าอยู่ที่ใหน