“อยู่คริสตจักรนี้มีแต่อดอยากปากแห้งทางจิตวิญญาณ”
นี่คือข้ออ้างหรือเหตุผลส่วนใหญ่ของคนที่คิดจะออกจากคริสตจักรที่ตนเป็นสมาชิก
หรือ ที่ตนร่วมอยู่ในตอนนี้ เหตุผลที่เขาจะออกจากคริสตจักรนี้คือ คำสอนคำเทศน์ของศิษยาภิบาลไม่ได้หนุนเสริมให้ชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังเติบโตและเข้มแข็งขึ้น
และส่วนมากคำสอนคำเทศน์เป็นเหมือนอาหารสำเร็จรูป หรือ “มาม่าทางจิตวิญญาณ”
แน่นอนครับคงมีศิษยาภิบาลไม่กี่ท่านกระมังที่เลี้ยงดูสมาชิกในคริสตจักรด้วย
“มาม่า” เสียทุกมื้อไป? แต่ก็มีนักเทศน์ที่เทศนาแบบโชว์พาวด้านวาทศิลป์ หรือไม่ก็ตลกโปกฮาจนคนฟังหัวเราะน้ำตาไหล
แทนที่จะเป็นการเทศน์ถึงพระวจนะของพระเจ้าในพระคัมภีร์
แท้จริงแล้วที่กล่าวว่า
“ฉันไม่ได้รับอาหารจิตวิญญาณเพียงพอ” นั้น ผู้พูดประโยคนี้ส่วนใหญ่ลึก ๆ มักหมายความว่า
ศิษยาภิบาลไม่ได้สอนไม่ได้เทศน์อย่างที่ฉันต้องการ อย่างที่ฉันชอบ หรือไม่ก็อย่างที่ฉันคิดฉันคาด หรือพูดอย่างไม่ต้องเกรงใจกันก็คือ
“ศิษยาภิบาลมิได้เชื่ออย่างที่ฉันเชื่อ” ถ้าสังเกตให้ดีเราจะเห็นว่า สมาชิกประเภทนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ไม่แตกต่างจากกระแสสังคมที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เลยขอเรียกสมาชิกกลุ่มนี้ว่า
“สมาชิกบริโภคนิยม” ในคริสตจักร
แล้วทำไมพวกสมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยม
หรือ สมาชิกที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางในคริสตจักร
ถึงมักพูดถึงเรื่องที่ตนจะออกจากคริสตจักร?
1. เพราะไม่เคยได้รับในสิ่งที่ตนพึงพอใจ
นี่เป็นธรรมดาหนึ่งของพวกบริโภคนิยม
สมาชิกกลุ่มนี้มักถามหาว่าคริสตจักรได้ทำอะไรเพื่อสมาชิกของตนบ้าง? แม้ว่าที่ผ่านมาคริสตจักรอาจจะเคยตอบสนองความต้องการของเขาแล้ว แต่ถ้าตอนนี้หยุดที่จะให้สิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะพูดถึงเรื่องการออกจากคริสตจักรอีก
2. เพราะคนกลุ่มนี้ไม่มีเป้าหมายสูงสุดในความเชื่อ
เราท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า
คุณลักษณะ บทบาทหลักสำคัญของสมาชิกคริสตจักรคือ การให้ การรับใช้ การสละตนเองเพื่อพระคริสต์
สมาชิกคริสตจักรอยู่เพื่อเป้าหมายตามพระประสงค์ของพระคริสต์ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าเป้าหมายเพื่อตนเองที่สมาชิกกลุ่มนี้มีอยู่
คุณลักษณะของสมาชิกคริสตจักรแสวงหาทางที่จะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการรับใช้คนอื่นรอบข้าง
สมาชิกที่มีคุณลักษณะเหล่านี้จะไม่ถามว่า “คริสตจักรได้ทำอะไรเพื่อฉัน?” เพราะพวกเขามุ่งและทุ่มเทอยู่กับการรับใช้คนอื่น
ๆ พวก “สมาชิกประเภทบริโภคนิยม” ไม่มีเป้าหมายที่สูงไปกว่าสิ่งที่ตนเองชอบ
สิ่งที่ตนเองต้องการ แล้วก็ไม่มีเป้าหมายเพื่อรับใช้พระประสงค์พระคริสต์
3. เพราะคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่สร้างการแบ่งแยก
สมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยมแสวงหาสิ่งต่าง
ๆ เพื่อตนเอง และถ้าพวกเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเขาก็จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจนทำให้ชุมชนคริสตจักรเกิดการแตกแยกแบ่งขั้วได้ และเขาจะออกจากคริสตจักรไปก็ต่อเมื่อเขาเริ่มรู้ตัวว่า
ไม่มีผู้คนในคริสตจักรที่สนับสนุนความคิดของเขา
4. เพราะเขาคิดว่าตนเองรู้ดีกว่าคนอื่น ๆ ในคริสตจักร
ในบางคริสตจักรสมาชิกประเภทบริโภคนิยม
อาจจะส่งคลิป หรือ ลิงค์ของการเทศน์ การออกอากาศของศิษยาภิบาลคริสตจักรอื่นมาให้ศิษยาภิบาลหรือคนในคริสตจักรเพื่อแสดงให้เห็นว่า
ศิษยาภิบาลในคริสตจักรอื่นทำได้ดีกว่าศิษยาภิบาลคริสตจักรนี้มากแค่ไหน เขาจะอวดและชื่นชมคริสตจักรอื่นว่าเป็นคริสตจักรที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารด้านชีวิตจิตวิญญาณ
5. เพราะคนกลุ่มนี้ขาดความเข้าใจถึงความหมายของการเป็นสมาชิกคริสตจักรบนรากฐานของพระคัมภีร์
จากคุณลักษณะของสมาชิกคริสตจักรที่กล่าวใน
1โครินธ์ บทที่ 12 เป็นการกล่าวถึงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายที่ทำงานร่วม ประสาน
และหนุนเสริมกันและกันเพื่อให้เกิดสิ่งดีแก่ร่างกาย หรือ
พระกายของพระคริสต์คือคริสตจักร และใน 1โครินธ์ บทที่ 13 ซึ่งเป็นบทที่ว่าด้วย “ความรักเมตตา”
แต่แท้จริงแล้วบทนี้กล่าวถึงความโยงใยสัมพันธ์กันและกันในคริสตจักร และ
กับสังคมโลก
พวกสมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยมยังไม่รู้ซึ้งถึงความสัมพันธ์ของสมาชิกคริสตจักรบนรากฐานพระวจนะของพระเจ้ากับการเป็นคริสตชนที่อุทิศและสละตนเอง
และ การรับใช้คนอื่น
ศิษยาภิบาลครับ ท่านมิใช่เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกสมาชิกประเภทบริโภคนิยมตีตราว่าร้ายว่า
พวกเขาไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีจากศิษยาภิบาล เราพบได้ในหลายคริสตจักรถึงพิษร้ายของสมาชิกที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของคริสตจักร
ให้เราชื่นชมยินดีกับสมาชิกคริสตจักรที่อุทิศตน รับใช้ ที่หนุนเสริมเพิ่มพลังกัน ที่รักเมตตาตามพระประสงค์ของพระคริสต์
ที่พวกเขายอมตนเป็นเครื่องมือของพระคริสต์ในคริสตจักร
สมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยมนั้นเป็นเหมือนเสียงของ
“ฉาบ ฉิ่ง ฆ้อง และกลอง” ที่ส่งเสียงดังที่ไร้ความหมายและคุณค่า และถ้าสมาชิกประเภทบริโภคนิยมออกไปจากคริสตจักรจริง
ๆ ก็คงทำให้คริสตจักรเกิดความสงบ สันติบ้างกระมัง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น