วันเพ็นเทคอสต์ เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติที่อันตรายและรุนแรงต่อกลุ่มผู้เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์ในเวลานั้น และยิ่งสร้างความหวั่นไหวมากยิ่งขึ้นเมื่อพระคริสต์ได้เสด็จสู่สวรรค์แล้ว ท่ามกลางวิกฤติที่หนักหนาสาหัสเช่นนี้เอง พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เสด็จลงมาอยู่ท่ามกลางเป็นกำลังชีวิตแก่พวกเขา ที่จะรับมือกับวิกฤติด้วยการทำให้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์แพร่ขยายอย่างทรงพลังในวงกว้างออกไป
“แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ
เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน
และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย
ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” (กิจการ 1:8 มตฐ.)
แล้วในวิกฤติการแพร่ระบาดของ
โควิด 19 คริสตจักรจะรับมือกับวิกฤตินี้ด้วยการทำให้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์แพร่ขยายอย่างทรงพลังในวงกว้างออกไป
เฉกเช่นในเหตุการณ์วันเพ็นเทคอสต์อย่างไร?
ในวันเพ็นเทคอสต์
ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาเหนือเหล่าสาวกของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเริ่มแรกมีประมาณ
120 คน พวกเขาพบปะกันที่ห้องชั้นบน
ในวันนั้นภายหลังการเทศนาของเปโตรมีผู้กลับใจเชื่อในพระเยซูคริสต์ประมาณ 3,000
คน เกิดคำถามว่า แล้วสาวกเหล่านี้เอาใจใส่เลี้ยงดู
ผู้กลับใจเชื่อใหม่เหล่านี้อย่างไร?
แน่นอนครับ พวกสาวกที่เคยติดตามพระเยซูคริสต์ได้ร่วมกันใช้ประสบการณ์ที่พระเยซูคริสต์กระทำเสริมสร้างพวกตนมาประยุกต์ใช้ในการเอาใจใส่เลี้ยงดูผู้เชื่อใหม่จำนวนมากมายเหล่านี้ ในที่นี้ผมหมายรวมถึงประสบการณ์ที่พวกเขาถกถาม
เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ จากพระอาจารย์ของตน
การเอาใจใส่เยียวรักษาคนเจ็บป่วย การขับไล่วิญญาณชั่ว และอีกประสบการณ์หนึ่งคือ
การบริหารจัดการมวลชนจำนวนมากจากการเลี้ยงอาหาร 5,000
คนที่แบ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในการแจกจ่ายอาหารแห่งพระพรที่พระเยซูคริสต์ทูลขอจากพระบิดา
เราเรียนรู้การบริหารจัดการเอาใจใส่ชีวิตและความเชื่อของผู้เชื่อใหม่เหล่านี้ได้จาก
กิจการ 2:46-47 “ทุก ๆ วันพวกเขามาประชุมกันที่ลานพระวิหาร
หักขนมปังตามบ้านของตน และรับประทานร่วมกันด้วยความยินดีและจริงใจ พวกเขาพากันสรรเสริญพระเจ้าและเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งปวง
ในแต่ละวันองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คนทั้งหลายที่กำลังจะได้รับความรอดมาเข้ากับพวกเขา”
(อมธ.)
ผู้เชื่อในพระเจ้าเหล่านี้รวมตัวและพบกันที่ลานพระวิหาร
แล้วแบ่งเป็นกลุ่มเล็กพบปะกันตามบ้าน “เขาทั้งหลายอุทิศตนในคำสอนของเหล่าอัครทูตและในการร่วมสามัคคีธรรม
ในการหักขนมปัง และในการอธิษฐาน” (กิจการ 2:42
อมธ.) คนในชุมชนนี้พวกเขาเอาใจใส่หนุนเสริมกันและกัน และเลี้ยงดู สั่งสอนผู้เชื่อใหม่แบบตัวต่อตัว และพระคัมภีร์บอกเราชัดเจนว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรับความรอดมาเข้ากับพวกเขา
ในกิจการ 20:20 เปาโลกล่าวแก่สมาชิกในคริสตจักรเอเฟซัสว่า “ท่านรู้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้รีรอที่จะเทศนาสิ่งใด
ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อท่านแต่ได้สั่งสอนทั้งในที่สาธารณะและตามบ้านต่าง ๆ” (อมธ.)
จดหมายของเปาโลที่เขียนถึงคริสตชนผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ที่โรมที่พบปะกันในบ้าน
ในจดหมายนี้เปาโลระบุถึงกลุ่มคริสตชนที่พบปะกันที่คริสตจักรบ้านของปริสสิลลา และ อาควิลลา “ขอฝากความคิดถึงมายังปริสสิลลา
กับอาควิลลาเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าในพระเยซูคริสต์ ทั้งสองเสี่ยงชีวิตเพื่อข้าพเจ้า
ไม่เพียงข้าพเจ้าเท่านั้น
แต่คริสตจักรทั้งปวงของคนต่างชาติก็สำนึกในบุญคุณของพวกเขาด้วย ขอฝากความคิดถึงมายังคริสตจักรซึ่งมาประชุมกันที่บ้านของทั้งสองด้วย” (โรม 16:3-5 อมธ.)
เปาโลได้ส่งคำทักทายคิดถึงผู้คนที่อยู่ในบ้านของอาริสโทบูลลัส
และผู้คนที่อยู่ในครัวเรือนของนารซิสซัสผู้อยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า (โรม 16:10-11) และเราพบอีกว่า
เปาโลได้ทักทายและฝากความคิดถึงไปยัง “อารคิปปัสเพื่อนทหารของเรา
และถึงคริสตจักรซึ่งมาประชุมกันที่บ้านของท่าน” (ฟีเลโมน 1:2 อมธ.)
คริสตจักรในยุคแรกเน้นความสำคัญที่กลุ่มผู้เชื่อที่มาพบปะ
เสริมหนุน เรียนรู้ถึงพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ พระวจนะของพระเจ้า และพระประสงค์ของพระองค์ร่วมกัน
ในสถานที่ที่จะพอหาได้ ไม่ว่าในบ้าน หรือ
ที่ทำงาน หรือ มุมใดมุมหนึ่งที่สะดวกในการพบปะพบกัน
บิลลี่ ซันเดย์ กล่าวไว้ว่า “การไป(อาคารและบริเวณ)โบสถ์ไม่ได้ทำให้คุณเป็นคริสตชนมากไปกว่าการไปอู่ซ่อมรถทำให้คุณเป็นรถยนต์”
หรือขยายความได้ว่า “การไปรวมกันที่อาคารโบสถ์ไม่ได้ทำให้คุณเป็นคริสตชน
เฉกเช่นการไปอู่ซ่อมรถไม่ได้ทำให้คุณเป็นรถยนต์” หรือการที่เราไปในที่ที่มีคริสตชนมารวมตัวกันมาก
ๆอย่างเช่นที่อาคารคริสตจักร ไม่ได้ทำให้เราเป็นคริสตชน เฉกเช่นที่เราไปอู่ซ่อมรถซึ่งมีรถยนต์มากมายก็ไม่ทำให้เรากลายเป็นรถยนต์ไปได้
“พันธกิจในอาคารโบสถ์” มีประโยชน์สำหรับการนมัสการร่วมกันของคนกลุ่มใหญ่
เพื่อการสั่งสอน และ งานเฉลิมฉลองร่วมกันในจำนวนคนมาก ๆ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์ให้พวกเรามุ่งมอง
“คริสตจักร” ว่าเป็นคนมิใช่สถานที่ที่คริสตชนรวมตัวพบปะกัน ไม่ว่าในบ้านของเรา หรือมุมหนึ่งมุมใดในที่ทำงาน
หรือที่หนึ่งที่ใดในโรงเรียน หรือโรงพยาบาล ย่อมเป็นที่ที่เหมาะสมยิ่งที่คริสตชนหรือผู้เชื่อสามารถใช้ในการพบปะรวมตัวกันเพื่อซึมซับเอาพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เข้าในชีวิตของเราและมีอิทธิพลต่อฐานเชื่อ
กระบวนคิด มุมมอง และ การตัดสินใจในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น