ทุกวันนี้เราสร้างสาวกพระคริสต์บนรากฐานอะไร?
ทำไมเราถึงต้องสร้างสาวกบนรากฐานพระกิตติคุณ? และขอถามตรง ๆ เถอะ อะไรคือพระกิตติคุณสำหรับเรา?
แล้วที่ว่าสร้างสาวกบนรากฐานพระกิตติคุณ เป็นการสร้างสาวกพระคริสต์อย่างไรกันแน่?
นักพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า
พระเยซูคริสต์พูดถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้ามากกว่าเรื่องอื่น ๆ ในช่วงเวลาที่พระองค์ทำพระราชกิจของพระองค์บนโลกใบนี้
กล่าวคือมากกว่า 100 ครั้ง พระองค์กล่าวถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าด้วยการใช้เรื่องเล่า/คำอุปมา
พระองค์สอนเรื่องนี้ด้วยการเปรียบเทียบที่จะอธิบายให้ผู้ฟังในสมัยนั้นเห็นภาพชัดถึงสิ่งที่ล้ำลึกเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
แต่ผู้อ่านคำอุปมา
หรือ คำสอนเปรียบเทียบเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ในปัจจุบันนี้ หลายเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกสับสน
มีความเข้าใจคลุมเครือ เลอะเลือนไม่สามารถเห็นภาพชัดเจนต่างจากผู้ฟังของพระเยซูในสมัยนั้น
เพราะในหลายเรื่องมิใช่ประสบการณ์ตรงของผู้อ่านในปัจจุบัน เพราะวัฒนธรรมทางสังคม
และ วิถีการดำเนินชีวิตของผู้ฟังในสมัยนั้นกับสมัยนี้แตกต่างกันในหลาย ๆ เรื่อง ยิ่งถ้าเป็นคนในโลกตะวันตกแล้วยิ่งแตกต่างกันอย่างมากมาย
ในที่นี้ขอเน้นโดยเฉพาะอย่างในเรื่องที่พระคริสต์เรียกร้องให้ประชาชนที่ได้ยินได้ฟังคำประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแล้วว่า
“ให้ติดตามเป็นสาวกของพระองค์”
สิ่งที่พระคริสต์ทรงเรียกร้องคนที่จะดำเนินไปบนวิถีแห่งแผ่นดินของพระเจ้านั้นเป็นเรื่องใหญ่
กล่าวคือคน ๆ นั้นจะต้องสารภาพความบาปผิดของตน เชื่อศรัทธาและไว้วางใจว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเมสิยาห์
และติดตามพระองค์ในฐานะครู หรือ อาจารย์ คนในปัจจุบันนี้จำเป็นที่จะต้องสารภาพถึงความผิดบาปของตน
เชื่อในข่าวดีเรื่องพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และดำเนินชีวิตประจำวันติดตามพระองค์ในฐานะที่เป็นอาจารย์
และ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ในการเข้ามีชีวิตร่วมในแผ่นดินของพระเจ้า
เราจะต้องเป็นสาวกของพระคริสต์ หรือ การที่ฝีกฝนดำเนินชีวิตของตนให้มีชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์
“สาวก”
ก็คือคนที่ดำเนินชีวิตตามอย่างชีวิตของอาจารย์ที่เขาติดตาม และนี่เองที่เราเรียก
“ข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า” ว่าเป็น “ข่าวดีของการมีชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์”
ในที่นี้หมายความว่า “สาวก” หรือ “ผู้มีชีวิตติดตามพระคริสต์” เป็นหัวใจที่สำคัญของข่าวดี หรือ
ข่าวประเสริฐที่พระคริสต์ได้ประกาศ
ข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระจ้าเป็นเรื่องของชีวิตนิรันดร์ที่เริ่มต้นเดี๋ยวนี้
คือเริ่มตั้งแต่คน ๆ นั้นยอมสารภาพความบาปผิดของตน เชื่อในข่าวดีของพระเยซูคริสต์ รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเริ่มต้นมีชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน
การสารภาพ
สำนึกในความบาปผิดของตน เชื่อและไว้วางใจในพระคริสต์ และ
การเชื่อฟังที่เปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่ไปด้วยกัน พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ที่จะแยกทั้งสามสิ่งนี้ออกจากกัน
แผ่นดินของพระเจ้าเป็นชีวิตแบบ “องค์รวม” เพราะการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าคือการที่เราเข้ารับการทรงสร้างใหม่จากพระคริสต์
ให้เป็นคนใหม่ และก้าวไปสู่สิ่งใหม่ทั้งหมด (2โครินธ์ 5:17) เมื่อเราเริ่มติดตามพระคริสต์ เราเริ่มพิสูจน์ถึงความเชื่อของเราที่พระองค์พูดถึง
นี่คือความแตกต่างจากคำสอนเกี่ยวกับพระกิตติคุณที่เราสอนกันโดยทั่วไปที่ว่า
“เราได้รับความรอดเมื่อเราเชื่อในข้อเท็จจริงของสัจจะในคริสต์ศาสนา เรารับบัพติสมา
เราได้รับความรอดแล้ว และนี่คือปมปัญหาจากความเชื่อแบบนี้ หลังจากที่ได้รับบัพติสมา
ได้รับความรอดแล้ว ก็มีชีวิตรอจนถึงวันตายเพื่อจะได้ไปอยู่สวรรค์ ส่วนเรื่องการมีชีวิตประจำวันที่จะติดตามพระคริสต์
หรือ มีชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์ เป็นเพียงเรื่องที่แต่ละคนเลือกได้(?)
เพราะเป็นเรื่องของชีวิตหลังจากที่เราได้รับความรอดแล้ว คนกลุ่มนี้บอกว่า เพราะเราไม่ได้รอดด้วยการกระทำ
แต่สิ่งที่เราจะต้องสอนคือ
พระเยซูคริสต์เริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้สาวกของพระองค์ติดตามพระองค์ไป และบนวิถีชีวิตที่สาวกติดตาม
หรือ อยู่กับพระองค์นั้น สาวกเริ่มมีประสบการณ์ เริ่มมีความเชื่อศรัทธาในพระองค์ และจิตวิญญาณของพวกเขาจะเติบโตขึ้นเป็นลำดับ
จนสำแดงออกให้เห็นเป็นรูปธรรม จากประสบการณ์ชีวิตติดตามและมีชีวิตตามแบบพระคริสต์ เราได้พบชีวิตที่ค่อย ๆ เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จนมีจิตวิญญาณที่เข็มแข็งในพระคริสต์ และนี่คือ “ชีวิตในพระคริสต์” หรือ
“ชีวิตที่อยู่กับพระคริสต์”
“ชีวิตในพระคริสต์”
ไม่ได้เริ่มต้นเมื่อมีวุฒิภาวะชีวิตแบบพระคริสต์แล้ว หรือ เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
แต่เริ่มต้นด้วยสารภาพสำนึกในความบาปผิดของตน เชื่อวางใจในการทำพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ในชีวิตของเรา
และดำเนินชีวิตประจำวันติดตามพระเยซูคริสต์ ตามคำสอนและแบบอย่างของพระองค์ และชีวิตสาวกพระคริสต์เริ่มเติบโตขึ้นอย่างเป็นกระบวนการ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น