ในปีใหม่นี้
ท่านสามารถที่จะตัดสินใจเลือกที่จะให้ชีวิตเป็นอย่างที่เป็นมาแล้ว
หรือท่านจะตัดสินใจที่จะก้าวไปข้างหน้า และนี่คือจุดที่เราจะต้องตัดสินใจเลือก!
ผมบอกกับตนเองว่า ในปี
2020 ตนเองต้องการมีชีวิตที่แตกต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มา
ผมเชื่อมั่นว่าปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดที่พระเจ้าประทานแก่ผม
และเชื่ออีกว่าเป็นปีที่ดีเยี่ยมสำหรับคริสตจักรของเรา หน่วยงาน สถาบัน
และองค์กรของเรา สิ่งที่ดีที่สุดจากพระเจ้ากำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
จากประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของผม
ผมจำเป็นที่จะต้องไว้วางใจในพระเจ้าสำหรับสิ่งที่ผมเห็นแล้วว่า “เป็นไปไม่ได้”
และนั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงตระเตรียมเพื่อเราถ้าเราใส่ใจแน่วแน่ที่จะฟังเสียงของพระองค์
เพราะชีวิตของเรา คริสตจักรของเรา สถาบัน/หน่วยงานที่เรารับผิดชอบยังมิได้มีชีวิตที่ดีที่สุด
สิ่งสำคัญคือเราจำเป็นต้องการเป้าหมาย-แผนการจากพระเจ้าสำหรับปี
2020 เราต้องการที่จะได้ยินเสียงตรัสของพระองค์ที่ตรัสกับเรา
และเราจำเป็นที่จะต้อง กำหนดเป้าหมายที่เราไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนให้สำเร็จเอง
ถ้าปราศจากพลังของพระองค์
เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่เราลงมือจัดการขับเคลื่อนด้วยกำลังของเราเองไม่ได้
เราจะล้มเหลวถ้าพระเจ้ามิได้เข้ามาแทรกแซงและหนุนเสริมเรา
และนี่คือความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงของการกำหนดเป้าหมายชีวิต
คริสตจักร องค์กร หน่วยงานตามหลักการที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ปกติแล้วเราพยายามจะกำหนดเป้าหมายที่เราจะทำสำเร็จได้
นั่นเป็นจริงสำหรับเป้าหมาย-แผนการของเราเอง
ที่เราสามารถจัดการขับเคลื่อนด้วยตนเอง
แต่เป้าหมาย-แผนการชีวิตปี
2020 นี้ ผมต้องการเป้าหมาย-แผนการของพระเจ้าที่มีสำหรับตนเอง คริสตจักร หน่วยงาน
และสถาบันองค์กรของเราที่ผมไม่สามารถทำให้สำเร็จด้วยตนเองได้
แต่เป็นเป้าหมาย-แผนการจากพระเจ้า ที่พระองค์พร้อมที่จะเข้ามาแทรกแซง
หนุนเสริมเราให้เราสามารถจัดการขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้
ขอตั้งข้อสังเกตว่า เป้าหมายและแผนการจากพระเจ้าต่างหากที่กระตุ้นหนุนเสริมให้เรา
คริสตจักร หน่วยงาน สถาบันองค์กรของเราเติบโตเข้มแข็งขึ้น
และนี่คือเป้าหมาย-แผนการปีใหม่ในชีวิตของเราที่ต้องหยั่งรากลงลึกในความเชื่อ
ตามที่พระธรรมฮีบรู 11:6 ได้กล่าวไว้ว่า
“ถ้าไม่มีความเชื่อก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย...” (อมธ.)
เราต้องการที่จะมีชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัยในปี 2020 นี้
ต้องเป็นชีวิตที่หยั่งรากลงในความเชื่อ นั่นหมายความว่า
ชีวิตที่จะประสบความสำเร็จในปี 2020 นี้ (1)
ต้องเป็นเป้าหมายและแผนการที่พระเจ้าได้จัดเตรียมสำหรับเรา (2)
ต้องเป็นการจัดการขับเคลื่อนของเราด้วยพลังและการหนุนเสริมจากพระเจ้าตลอดเส้นทางปี
2020 (3) เป็นเป้าหมาย-แผนการปี 2020
ที่ตัวเราเองได้รับการเสริมสร้างให้มีชีวิตที่เติบโตแข็งแรงสำหรับการขับเคลื่อนชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับปีต่อ
ๆ ไปในอนาคตด้วย
ชีวิตส่วนตัวของเรา
คริสตจักรของเรา หน่วยงาน สถาบันของเราจะไม่เติบโตและแข็งแรงเลย
ถ้าเรามิได้วางเป้าหมาย-แผนการที่เราต้อง “ไว้วางใจในพระเจ้า”
ที่พระองค์จะต้องเข้ามาแทรกแซง-หนุนเสริมเรา เราจะซอยเท้ามีชีวิตอย่างปีเดิม ๆ ที่ผ่านมา
หมายความว่าเราไม่เติบโต คริสตจักรของเราไม่เติบโตและแข็งแรงขึ้น
แต่การกำหนดเป้าหมาย-แผนงานที่เราทำเองสำเร็จไม่ได้เพราะเป็นเป้าหมายแผนการจากพระเจ้า
เราหลายคนจะเกิดความ “กลัว” ว่าพระเจ้าจะเข้ามาแทรกแซงหนุนเสริมเราหรือไม่? แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวยืนยันว่า
พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อพระองค์ใส่ใจและพระองค์มีแผนการหนุนเสริมและเสริมสร้างเราเสมอ
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ
เราจะยอมให้พระเจ้าเข้ามาแทรกแซงหนุนเสริมจัดการขับเคลื่อนชีวิต และ
การงานที่เราทำหรือไม่? และจะยอมเปลี่ยนให้เป็นไปตามแผนการที่พระองค์จะกระทำในชีวิตของเราหรือไม่?
ส่วนมากเราจะกำหนดให้พระเจ้าช่วยเราตามเป้าหมายและแผนการของเราเองมากกว่า
เราจึงกลัวว่าพระเจ้าจะไม่ได้จัดการและหนุนเสริมการขับเคลื่อนตามแผนงานที่เราต้องการใช่ไหม?
ดังนั้น
เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการเริ่มต้นปีใหม่ 2020
ที่เราต้องเริ่มต้นจากเป้าหมายและแผนการที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับเรา
มิใช่เป้าหมาย-แผนการที่เรากำหนดที่จะจัดการขับเคลื่อนเองได้
ปี 2020
เราเริ่มต้นกำหนดเป้าหมาย-แผนการจากพระเจ้าสำหรับเรา
ที่เรารู้แน่แก่ใจแล้วว่าเราไม่สามารถจัดการขับเคลื่อนให้สำเร็จด้วยตนเองได้
แต่พร้อมที่จะเปิดชีวิตให้พระเจ้าเข้าแทรกแซง-หนุนเสริม
และทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของเราตลอดปี 2020 นี้
การที่เราจะมีเป้าหมายและแผนการชีวิตแบบนี้ได้เราต้อง “ไว้วางใจในพระเจ้า”
อย่างไร้เงื่อนไข ถ้าเราขาดความไว้วางใจในพระเจ้าเราจะเกิดความกลัว และ
เราจะเกิดความสงสัย และ นำไปสู่ความรู้สึกว่า เป้าหมายนี้-แผนการนี้เป็นไปไม่ได้
สำเร็จไม่ได้ เมื่อเกิดภาวะเช่นนี้ขึ้นในตัวเรา ในคริสตจักร หรือ ในองค์กรของเรา
เราต้องตระหนักใหม่ว่า นี่เป็นเป้าหมาย-แผนการจากพระเจ้าสำหรับเรา
และพระองค์จะไม่ปล่อยให้เรา “ลุย” ไปเอง
แต่พระองค์จะทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตเรา ในองค์กรเรา
พระองค์จะเข้ามาแทรกแซง-หนุนเสริม จัดการขับเคลื่อนในชีวิตและองค์กรของเรา
มิใช่เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายและแผนการที่วางไว้เท่านั้น
แต่เสริมสร้างชีวิตของเรา องค์กรให้เจริญเติบโต แข็งแรง
และเกิดผลมากเกินความคาดหวังของเรา
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น