ไม่ใช่ทุกคริสตจักรที่จะมีบทบาทในชุมชน
จากการลงพื้นที่ผมได้เรียนรู้จากคริสตจักรต่าง ๆ พอประมวลได้ว่า
คริสตจักรที่จะมีบทบาทต่อชีวิตในชุมชนจะมีลักษณะดังนี้
1.
เป็นคริสตจักรที่มีการสอน และ เชื่อบนรากฐานพระกิตติคุณ
และสิ่งที่กระตุ้นหนุนเสริมให้คริสตจักรมีบทบาทรับใช้ชุมชนในลักษณะต่าง ๆ ก็เพราะคริสตจักรนี้ต้องการให้คนในชุมชนรู้จักพระเยซูคริสต์
2.
ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคริสตจักรที่ใหญ่เสมอไป
ส่วนมากแล้วเป็นคริสตจักรขนาดย่อมถึงขนาดกลาง
ถึงจะเป็นคริสตจักรขนาดเล็กแต่ก็มีนิมิตที่ยิ่งใหญ่ได้
3.
เขาจะถามชุมชนเสมอว่า “ถ้าคริสตจักรนี้ย้ายออกไปจากชุมชน
ชุมชนจะรู้สึกสูญเสียเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่?
ถ้าคำตอบจากชุมชนคือ “ไม่” หรือ “เฉย ๆ” หรือ “ก็ไม่เป็นไร”
คริสตจักรจะต้องรีบมาช่วยกันพิจารณาว่า
คริสตจักรจะมีบทบาทที่หนุนเสริมรับใช้ชุมชนที่มีคุณค่าความหมายต่อชุมชนมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้อย่างไร
4. คริสตจักรจะใส่ใจ
และ
ค้นหาว่าอะไรคือความจำเป็นต้องการที่แท้จริงของชุมชนโดยถามจากผู้นำและผู้คนในชุมชน
คริสตจักรจะไม่คาดเดาเอาเองว่า ชุมชนมีความจำเป็นต้องการอะไร
คริสตจักรจะใส่ใจสอบถามจากคนที่รู้ข้อมูลเหล่านี้
การที่คริสตจักรสอบถามจากแกนนำและคนในชุมชนย่อมแสดงออกถึงความใส่ใจต่อชุมชน
5.
คริสตจักรนำประเด็นที่ค้นหาได้ไปปรึกษาหาแนวทางในการที่จะตอบสนองต่อความจำเป็นต้องการของชุมชน
คริสตจักรจะไม่เป็น “พระเอกขี่ม้าขาว”
ลงไปตอบสนองความจำเป็นต้องการดังกล่าวด้วยตนเอง แต่คริสตจักรจะปรึกษากับแกนนำชุมชนที่เกี่ยวข้อง
และ คนในชุมชนที่รู้ในเรื่องนั้น
แสวงหาความร่วมมือในการตอบสนองความจำเป็นต้องการของชุมชนร่วมกันกับชุมชน
6.
คริสตจักรที่อ้าแขนต้อนรับคนทุกเพศวัย ทุกฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ และทุกชนชาติ เช่น
แรงงานข้ามชาติ พี่น้องชาติพันธุ์ คนที่มีปัญหาในชีวิตทั้งด้านยาเสพติด ติดการพนัน
คนไม่มีหัวนอนปลายตีน ขอทาน คนเจ็บป่วยด้วยโรคสังคมรังเกียจ และ ฯลฯ
7.
เป็นคริสตจักรที่ตั้งใจลงไปรับใช้คนในชุมชนในลักษณะต่าง ๆ
คริสตจักรมิได้ลงไปรับใช้เพราะมีโครงการเท่านั้น แต่เพราะต้องการสำแดงความรักเมตตาของพระคริสต์อย่างเป็นรูปธรรมให้ประจักษ์จริงในชีวิตของชุมชน
8.
เป็นคริสตจักรที่ใส่ใจ และ เอาใจใส่ ครอบครัวบ้านใกล้เรือนเคียงล้อมรอบตัวโบสถ์
คริสตจักรสร้างสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านรอบโบสถ์
คริสตจักรแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้เป็นโอกาสในการรับใช้ เมื่อทำเช่นนี้แล้วจะเป็นการเปิดโอกาสเชิญชวนเพื่อนบ้านรอบโบสถ์เข้ามาร่วมงานต่าง
ๆ ของคริสตจักรได้มากขึ้น
9. คริสตจักรมีผู้ที่รับผิดชอบประจำในพันธกิจชุมชน
และ การสำแดงข่าวดีของพระเยซูคริสต์
เมื่อมีผู้นำที่รับผิดชอบประจำทำให้แต่ละปีมีแผนงานที่ชัดเจน และมีการบริหารจัดการขับเคลื่อนพันธกิจชุมชนอย่างเป็นระบบ
10.
คริสตจักรฝึกหัดเสริมสร้าง กลุ่มสมาชิกคริสตจักรที่อยู่โซนเดียวกัน
ในการทำพันธกิจรับใช้ชุมชน เพื่อให้กลุ่มสมาชิกที่อยู่อาศัยในโซนเดียวกันปรึกษา
ร่วมมือกันในการทำพันธกิจชุมชน โดยมีแกนนำ หรือ ผู้หนุนเสริมของคริสตจักร
ออกไปเยี่ยมและหนุนเสริมในการขับเคลื่อนพันธกิจในชุมชนที่กลุ่มนั้น ๆ อาศัยอยู่
11.
มีการรายงานและขอบพระคุณพระเจ้าในการขับเคลื่อนพันธกิจชุมชนของกลุ่มโซนต่าง ๆ
ในวันอาทิตย์ในการนมัสการพระเจ้า โดยให้รายงานและขอบพระคุณพระเจ้าเดือนละครั้ง
ครั้งละกลุ่ม แล้วให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าร่วมกัน
12. ก่อนสิ้นปี
จะมีการถอดบทเรียนรู้ในการทำพันธกิจชุมชนจากทุกกลุ่มร่วมกัน
ก่อนการวางแผนงานคริสตจักรในปีใหม่ ให้ทุกกลุ่มมาร่วมกัน ทบทวน และถอดบทเรียนรู้
การทำพันธกิจชุมชนใน 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อแสวงหาจุดแข็งและจุดอ่อนของพันธกิจนี้ เพื่อหาทางแก้ไข
ปรับปรุง และพัฒนาการทำพันธกิจชุมชนที่มีประสิทธิภาพและเกิดผลดียิ่งขึ้น
แล้วนำข้อมูลและบทเรียนรู้ที่ได้ทั้งหมดสำหรับใช้วางแผนงานคริสตจักรในปีใหม่ต่อไป
แล้วคริสตจักรของท่านทำพันธกิจบริการรับใช้ชุมชนอย่างไรบ้างครับ?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น