เมื่อศิษยาภิบาล ผู้นำ
และสมาชิกคริสตจักร มีโอกาสพูดคุยกันถึงเรื่องการทำพันธกิจชุมชน
ผมพบว่าเกือบทั้งหมดต่างบอกว่าเป็นพันธกิจที่สำคัญ
และเป็นพันธกิจที่คริสตจักรทุกแห่งต้องทำ
แต่ในความเป็นจริงคริสตจักรส่วนใหญ่ที่พบเห็นในปัจจุบันยังอ่อนด้อยในการทำพันธกิจบริการรับใช้ชุมชน
และเมื่อถามศิษยาภิบาล คณะธรรมกิจ และ สมาชิกคริสตจักรว่า
ทำไมคริสตจักรอ่อนด้อยในการทำพันธกิจชุมชนทั้ง ๆ ที่เห็นว่าเป็นพันธกิจที่สำคัญ? ผมขอรวบรวมประมวลเหตุผลที่ได้มา
มีดังนี้ครับ...
1.
สมาชิกคริสตจักรมองว่าในคริสตจักรคือสถานที่ปลอดภัยจากสังคมโลก ในเวลาช่วงสั้น ๆ ที่สมาชิกคริสตจักรนมัสการพระเจ้าและสามัคคีธรรมร่วมกัน
เป็นช่วงเวลาที่หลบออกจากสังคมโลกที่คริสตชนมองว่า “เลวร้าย-วุ่นวาย”
เข้าไปเขตที่รู้สึกปลอดภัยที่อยู่ร่วมกันของบรรดาสมาชิกคริสตจักร
เพราะเราคาดหวังว่าเป็นชุมชนที่ให้กำลังใจ ปลอบประโลมกันและกัน
2.
การที่ทำให้ชุมชนคริสตจักรเติบโตขึ้น
เป็นสาเหตุที่ทำให้สมาชิกคริสตจักรมุ่งเน้นชีวิตพันธกิจในคริสตจักรเท่านั้น
เมื่อคริสตจักรมีการให้บริการต่าง ๆ แก่คนที่เข้ามาร่วมในคริสตจักร
มีนโยบายที่ชัดเจน มีโบสถ์ที่เป็นศูนย์กลางของสมาชิกคริสตจักร มีคนทำงานเต็มเวลา
มีผู้นำกลุ่มเล็กต่าง ๆ กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เราสนใจแต่พันธกิจในคริสตจักร
แม้บางอย่างเราไม่อยากจะทำก็ตาม
ถ้าจะไม่ให้สมาชิกคริสตจักรคุ้นชินแต่พันธกิจภายในคริสตจักร
ผู้นำคริสตจักรจะต้องป้องกัน และ
กระตุ้นสมาชิกของตนให้สนใจและตระหนักถึงความสำคัญของการทำพันธกิจนอกคริสตจักร หรือ
พันธกิจในชุมชนอย่างตั้งใจ และ จงใจด้วย
3.
ไม่มีใครเป็นแบบอย่างของการทำพันธกิจนอกคริสตจักร หรือ การทำพันธกิจในชุมชน
ศิษยาภิบาลอาจจะมีการพูดถึงความสำคัญของการทำพันธกิจนอกคริสตจักร
แต่ขาดการกระทำให้เห็นเป็นแบบอย่างที่เป็นรูปธรรม บางคริสตจักร
ศิษยาภิบาลมีการกระตุ้นความสนใจของสมาชิกให้ใส่ใจพันธกิจนอกคริสตจักร
แต่สิ่งที่ศิษยาภิบาลทำเป็นพันธกิจในคริสตจักรทั้งสิ้น ทำพันธกิจใน “ฝูงแกะ”
ที่ตนเลี้ยงดูเท่านั้น จึงไม่มีใครนำสมาชิกเข้าไปทำพันธกิจในชุมชน
4. ในบางคริสตจักร
เคยเกิดความขัดแย้งจากการออกไปทำพันธกิจนอกคริสตจักร ดังนั้น
จึงไม่ได้ออกไปทำพันธกิจนอกคริสตจักรอีก เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งใหม่ ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
และบางคริสตจักรอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ล้มเหลวในการทำพันธกิจนอกคริสตจักร
5.
บางคริสตจักรยังมีชีวิตที่ขัดแย้งกันเองในคริสตจักร ทำให้ศิษยาภิบาล และ
ผู้นำคริสตจักรไม่มีแรงและเวลาเหลือพอที่จะออกไปทำงานพันธกิจในชุมชน
6.
บางคริสตจักรมีความขัดแย้งกับชุมชน เกิดการต่อต้านจากชุมชน ดังนั้น
จึงมุ่งที่รวมตัวกันเฉพาะในคริสตจักรเพื่อให้กำลังใจกันและกัน
และรู้สึกว่าในคริสตจักรคือแหล่งปลอดภัยสำหรับพวกเขาที่จะทำกิจกรรมพันธกิจของตน
7.
เป็นคริสตจักรที่ขาดการสอน และ
เสริมหนุนฝีกหัดให้สมาชิกตระหนักว่าการทำพันธกิจในชุมชนในชีวิตประจำวันของแต่ละคนเป็นหน้าที่
ความรับผิดชอบของการเป็นสาวกพระคริสต์ กล่าวคือคริสตจักรขาดการสอน
และฟูมฟักสมาชิกให้เติบโตขึ้นในการรับใช้พระคริสต์ในชีวิตประจำวัน และ
ที่สำคัญคือไม่มีการฝึกฝนอบรมสมาชิกในการทำพันธกิจในชุมชน
ในการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
และขาดการติดตามเสริมหนุนจากศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักร
8.
เป็นคริสตจักรที่สมาชิกวัยแรงงาน และ หนุ่มสาว เข้าไปทำงาน และ ศึกษาต่อในเมืองใหญ่
สมาชิกคริสตจักรที่เหลืออยู่จะเป็นผู้สูงอายุ และ เลี้ยงดูหลาน-เหลนเล็ก ๆ
ที่ลูกหลานนำมาฝากเลี้ยง ดังนั้น คริสตจักรจึงไม่มีใครที่จะออกไปทำพันธกิจในชุมชน
9.
เป็นคริสตจักรที่สมาชิกส่วนใหญ่อ่อนด้อยในพระวจนะ
มาร่วมคริสตจักรในวันอาทิตย์เพื่อประกอบศาสนพิธีมากกว่าที่จะนมัสการพระเจ้า
และคริสตจักรขาดการสอน ฝึกหัด
และติดตามหนุนเสริมสมาชิกในการเรียนรู้และดำเนินชีวิตตามพระวจนะ ดังนั้น
สมาชิกจึงมิได้มีชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์ประจำวันในสังคมชุมชน
และไม่สนใจการทำพันธกิจในชุมชน
แล้วท่านล่ะครับ
มีประสบการณ์เพิ่มเติมอะไรบ้างในเรื่องนี้ ผมขอร่วมเรียนรู้ด้วยครับ!
และแบ่งปันผู้อ่านท่านอื่น ๆ
เพื่อช่วยกันพัฒนาพันธกิจในชุมชนของคริสตจักรด้วยกันครับ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น