อ่าน
อพยพ 2:11-15
พระเจ้าทรงเรียกครั้งสำคัญในความนึกคิดและจิตใจของโมเสส
ที่มีจิตวิญญาณต้องการปลดปล่อยชนอิสราเอลประมาณ 2
ล้านคนออกจากแอกแห่งการเป็นทาสในอียิปต์
ดูภายนอกแล้วดูเหมือนโมเสสเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับภารกิจอันสำคัญนี้ เพราะเขาเป็นถึงหลานชายบุญธรรมของฟาโรห์ เขาผ่านการศึกษาระดับสูงทางการทหาร และ
การปกครองจากทางราชสำนัก มีทั้งอำนาจ
พร้อมทั้งความรู้!
นอกจากนั้นแล้ว
โมเสสเป็นคนที่มีจิตวิญญาณที่เป็นตัวของตัวเอง
เป็นคนที่มีความมั่นใจในความสามารถของตนเอง
แต่สิ่งดีนี้อาจทำให้เขาขาดการที่จะสนใจและเชื่อฟังในแผนการของพระเจ้า เพราะเขาคิดว่าตนมีความรู้ ความสามารถ
มีศักยภาพ มีอำนาจ โมเสสต้องเรียนรู้ถึงชีวิตของเขาที่จะทำงานใหญ่นี้ว่า
จะต้องพึ่งพิงในพระปัญญา พระกำลัง และแผนการจากเบื้องบน
เขาไม่สามารถสำเร็จด้วยการพึ่งตนเองหรือมั่นใจในตนเองเท่านั้น
จากการที่โมเสสพึ่งพิง ความรู้ ความสามารถ
กำลังของตนเองในการจัดการกับปัญหาการกดขี่ข่มเหง และ เพื่อจะปลดปล่อยชนอิสราเอล
(อพยพ 2:11-12) โดยเขามิได้พึ่งพิงในพระเจ้า ความคิดของเขาคือ “กำจัด” คนที่เป็นศัตรู คนที่ข่มเหง
เขาฆ่าคนที่ทำร้ายแรงงานทาสอิสราเอล
แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ
เขาต้องหลบลี้หนีออกจากแผ่นดินอียิปต์
จากการไล่ล่าของฟาโรห์ที่เห็นว่าเขาคือคนที่เป็นภัยร้ายคุกคามความมั่นคงของชาติ โมเสสต้องระเหเร่ร่อนไปในทะเลทราย และนี่ดูเหมือนว่าคือจุดจบในชีวิตของเขา
ในเวลาที่ชีวิตโมเสสกำลังแตกหัก ตกระกำลำบาก
ไร้ที่พึ่งพิง อนาคตมืดมน สับสน
คือโอกาสที่พระเจ้าจะช่วยให้โมเสสได้เรียนรู้ถึงความจริงอีกด้านหนึ่งของชีวิต ที่เขาจะต้องพึ่งพิงพระปัญญา แผนการจากเบื้องบน และพระกำลัง
ที่เขาจะเดินหน้าไปตามแผนการที่ยิ่งใหญ่ตามการทรงเรียกของพระเจ้า
เราท่านก็เป็นเหมือนโมเสส เราเกิดมา เติบโตขึ้น ถูกหล่อหลอมจากกระแสสังคมปัจุบันที่มีแนวโน้มเป็นคนที่เห็นแก่ตัว และ ดื้อรั้น เราต้องการให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามความคิด
ความต้องการ ตามใจปรารถนาของเราเอง
แต่พระเจ้าให้โอกาสแก่เราที่เรียนรู้ว่า
เราจะต้องมอบกายถวายชีวิตทุกมิติทุกด้านแด่พระองค์ เพื่อพระองค์จะพัฒนา แก้ไข
เสริมสร้างใหม่เพื่อให้ใช้ได้ตามแผนการของพระองค์
เป็นความจริงว่า น้อยคนนักที่พระเจ้าทรงเรียกให้รับงานใหญ่อย่างโมเสส
แต่พระเจ้าก็ยังทรงเรียกในความคิดจิตใจของผู้เชื่อแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการทรงเรียกให้เราดูแลครอบครัวของตนให้เป็นครอบครัวของพระเจ้า หรือเอาใจใส่ผู้คนที่เราเกี่ยวข้องในที่ทำงานเพื่อก่อเกิดชุมชนที่พระเจ้าต้องการ การเข้าถึงชีวิตของเพื่อนฝูง เพื่อเขาจะได้เห็นพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของเรา
เพื่อเสริมสร้างที่ทำงานให้เป็นชุมชนที่รักเมตตาที่มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางชีวิต หรือ
แม้แต่การที่เราจะเข้าถึงคนในชุมชนเพื่อสำแดงชีวิตของพระคริสต์แก่เพื่อนบ้านที่เราพบเห็น แต่เราต้องไม่ลืมว่า พระเจ้าประสงค์ให้เราทำตามแผนงานการทรงเรียกของพระองค์ ด้วยพึ่งพิงพระกำลัง พระปัญญาของพระองค์ด้วย
แน่นอนว่า
จะมีเวลาที่พระเจ้าทรงเตรียม
เสริมสร้าง ให้เราเข้าใจแผนการของพระเจ้า
ประทานวิธีการ ความรู้
ทักษะในการทำตามแผนงานของพระองค์แก่เรา ส่วนใหญ่ที่เราพบ
มักพบว่าจุดเริ่มต้นที่พระองค์ทรงใช้ และ ทรงเตรียมเรา
มักเป็นเวลาที่ชีวิตของเราพบกับทางตัน
พบกับจุดจบ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่พระเจ้าจะทรงใช้เราตามแผนการของพระองค์
ไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรที่ใหญ่โตมีงบประมาณมากมาย มีอาจารย์ศิษยาภิบาลที่เก่งมีชื่อเสียง โรงพยาบาลคริสเตียนที่ทำเงินมากมาย
โรงเรียนคริสเตียนที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศ มหาวิทยาลัยของคริสเตียนที่เคยเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแนวหน้า หรือ มีองค์กรพัฒนาสังคมระดับโลก มีแนวโน้มที่มั่นใจในตนเอง มั่นใจในการทำงานของตนเอง และห่างไกลจากการพึ่งพิงและทำตามแผนการของพระเจ้า
แต่เมื่อถึงเวลาตกอับ ถึงจุดจบ
ถึงทางตัน
นั่นจะเป็นเวลาที่พระเจ้าจะเริ่มต้น
พลิกฟื้นซากปรักหักพังให้เป็นเครื่องมือในการทำงานตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะ “ความตกอับ”
พระเจ้าจะใช้เป็นยาแก้ความภาคภูมิใจ
ความเห็นแก่ตัว ความหยิ่งยโสในตนเองของผู้คน ของสถาบัน
หน่วยงาน และของประเทศชาติ
เราจะเป็นเหมือน
อิสราเอลที่รุ่งเรืองสุดยอดแล้วต้องตกลงต่ำสุด
แพ้สงคราม
ถูกกวาดต้อนให้ไปเป็นเชลยศึกที่บาบิโลน
แล้วพระเจ้าทรงเริ่มต้นการทรงเรียกพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แล้วเตรียม และ
เสริมสร้างพวกเขาให้กลับมาทำตามแผนการของพระองค์
หรือเราจะเป็นเหมือนกษัตริย์โยสิยาห์
ที่ตัดสินใจหันกลับมาหาพระเจ้า แล้วนำสังคมอิสราเอลได้รับการทรงพลิกฟื้นปฏิรูปขึ้นใหม่จากพระเจ้า
ด้วยการพลิกฟื้นปฏิรูปจากชีวิตภายในของทั้งกษัตริย์ และ ประชาชน?
พระเจ้าเปิดโอกาสให้เราเลือกได้ครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น