ท่านเข้าใจว่า...ชีวิตที่มีศานติสุข เป็นชีวิตแบบไหนกันแน่?...
เมื่อเวลาที่ชีวิตของท่านดำเนินไปอย่างราบเรียบ สงบ
เมื่อชีวิตดูเหมือนไม่มีอะไรที่ผิดปกติ
เมื่อทุกคนต่างอดทนต่อกันและกัน...
นั่นเป็นชีวิตที่มีสันติสุข เช่นนั้นหรือ?
พระองค์ทรงลุกขึ้นห้ามลมและคลื่นว่า
“เงียบ! จงสงบนิ่งเดี๋ยวนี้!”
แล้วลมก็หยุดพัด
ทุกอย่างก็สงบนิ่งอย่างสิ้นเชิง (มาระโก 4:39 อมธ.)
ท่านคิดอย่างไร... ถ้าจะบอกว่า
พระเจ้ามิเพียงแต่จะให้ท่านมี “ชีวิตที่มีสงบสุข” เท่านั้น
แต่เป็นชีวิตที่มีความสงบศานติ
ที่แม้ชีวิตจะต้องเผชิญกับพายุแห่งความระทมยากลำบาก
ปั่นป่วน วุ่นวาย
... แต่ท่านก็ยังสามารถหลับสนิทได้!
ท่านที่รักครับ
ให้เราอ่านใน มาระโก 4:38
เมื่อเรือที่สาวกและพระเยซูใช้ในการเดินทางกำลังเผชิญกับพายุโหมรุนแรงเรือกำลังจะล่ม
พระเยซูทรงหนุนหมอนบรรทมอยู่ท้ายเรือ
เหล่าสาวกมาปลุกพระองค์และทูลว่า
“พระอาจารย์
พระองค์ไม่ทรงห่วงว่าเราจะจมน้ำตายหรือ?” (อมธ.)
พระคัมภีร์ตอนนี้มิได้บอกว่าพระเยซูนั่งหลับ แต่บอกว่าหนุนหมอนนอนหลับ
ท่ามกลางพายุโหมกระน่ำ เรือกำลังวิกฤติ
พระเยซูคริสต์หลับสนิทได้!
แต่สาวกกลับตระหนกตื่นผวา
ตรงมาโวยวาย ต่อว่า พระเยซู
“พระอาจารย์ พระองค์ไม่ทรงห่วงว่าเราจะจมน้ำตายหรือ?”
ปกติธรรมดาครับ
ในความเป็นคน ๆ หนึ่ง
เราท่านต่างกลัวลานเมื่อชีวิตจะอับปาง จบสิ้น
เช่นกัน เพราะสาวกมุ่งมองสนใจจดจ่ออยู่กับปัญหา
ติดแหงก จมปลักอยู่กับวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น
(เขาจึงเกิดความกลัว)
...จนมองข้ามไปว่ามีใครอยู่ในเรือกับพวกเขา (เขาจึงไม่ได้ไว้วางใจพระคริสต์)
หรือ
พวกสาวกไม่ได้คิดว่า...พระเยซูจะช่วยพวกเขาในวิกฤติเรือล่มได้?
ท่านที่รักครับ ถ้าท่านจะมีความสงบศานติในชีวิต
ท่านจะต้องมีชีวิตที่ไว้วางในพระคริสต์
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตของท่าน
ท่านต้องไว้วางใจพระคริสต์ที่อยู่เคียงข้างท่านตลอดเวลา
เมื่อท่านตระหนักรู้ชัดว่าพระองค์อยู่เคียงข้างท่าน
...ท่านก็จะมีชีวิตที่ไว้วางใจในพระองค์
...ท่านก็จะมีจิตใจที่สงบศานติ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับนาวาแห่งชีวิตของท่าน
ท่านมั่นใจได้เลยว่า
ท่านจะสามารถข้ามไปถึงอีกฝั่งหนึ่งได้
เมื่อท่านเกิด “ความกลัว” สิ่งใด ๆ ในชีวิตประจำวัน
มิใช่ ให้ท่าน “เลิกกลัว” แล้วกลับมามี
“ความกล้า”
เพราะท่าน “เลิกกลัว” ไม่ได้ ตราบใดยังเห็นภัยวิกฤติทนโท่
จนกว่าท่านจะตระหนักรู้ชัดว่า
พระคริสต์อยู่เคียงข้างท่านในเวลาที่เลวร้ายนั้น
พระองค์ช่วยท่านได้!
และเมื่อนั้นท่านถึงจะ “มั่นใจ” และเกิด “ความไว้วางใจ”
ในพระองค์
และ...เมื่อนั้น
พลังแห่งความกล้าจึงจะเกิดขึ้นได้
เพราะท่านรู้ว่าแม้อะไรจะเกิดขึ้น พระคริสต์จะกอบกู้ท่านในวิกฤตินั้นได้
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น