อ่าน อิสยาห์ 7:10-16 และ มัทธิว 1:18-25
“ไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อเราตัดสินใจติดตามพระคริสต์ชีวิตเราต้องเสี่ยงต่อทุกอย่างเพื่อจะได้ทุกอย่าง ชีวิตของเราเดิมพันด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น และเสี่ยงต่อทุกสิ่งที่เราเห็น รู้รส และรู้สึก แต่เราก็รู้ว่า
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีความเสี่ยง แต่ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง เพราะไม่มีอะไรที่ไม่มั่นคง
และ ไม่ปลอดภัยเท่ากับโลกที่ชั่วคราวใบนี้”
(โธมัส เมอตัน Thoughts in Solitude)
เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่สุดที่เคยเล่าขานกันมา
เริ่มต้นด้วยเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรม มารีย์ได้หมั้นกับโยเซฟ และทั้งสองได้รักษาความบริสุทธิ์และความดีงามไว้อย่างดี
แต่ต่อมาพบว่ามารีย์ตั้งครรภ์ ฝ่ายชายจะคิดอย่างไรในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้?
เมื่อคนเราถูกสภาพแวดล้อมกดดันอย่างหนัก
ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของคน ๆ นั้นก็แสดงออกมา และนี่ก็เกิดขึ้นกับโยเซฟด้วย ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกมองว่า
ได้เกิดการ “เล่นไม่ซื่อ” “การสวมเขา” “การทรยศหักหลัง” และคนที่จะต้องรับผลร้ายในเรื่องนี้คือมารีย์
มิใช่โยเซฟเอง
ตัวโยเซฟเองตั้งใจที่จะใช้จิตใจที่ดีงามในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้
เขาคิดว่าเขาจะหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ แทนที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากพฤติกรรมของฝ่ายหญิงตามสิ่งที่ปฏิบัติกันในสังคมเวลานั้น
แต่เพราะพระคุณของพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ท่ามกล่างสถานการณ์นี้และในชีวิตจิตใจของโยเซฟ
พระเจ้าได้ทรงใช้ทูตสวรรค์มา เพื่อทำให้ความวุ่นวายใจของโยเซฟสงบลง
และประทานสมาธิและปัญญาแก่เขาเพื่อรู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายซับซ้อนนี้เช่นไร
แผนการของโยเซฟที่จะทิ้งมารีย์ไปอย่างเงียบ
ๆ ในสายตาของคนทั่วไปต้องบอกว่าเป็นแผนการของคนมีธรรมะธัมโม แต่นั่นเป็นแผนการที่วางตามมุมมองของมนุษย์
วิถีตามความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า
โยเซฟต้องตื่นขึ้นจากการมองการคิดอย่างมนุษย์ปุถุชน เขาต้องมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
พระเจ้าทรงกำลังทำอะไรอยู่ในสถานการณ์นั้น แล้วปรับเปลี่ยนวิธีมองและแผนการของตนตามพระราชกิจที่พระเจ้ากำลังกระทำอยู่ในขณะนั้น
เช่นกัน...
เมื่อเราต้องพบกับสถานการณ์ที่ดี
หรือเลวร้ายในชีวิต เราจะไม่ไปติดยึดกับสถานการณ์แวดล้อมนั้น แต่เราจะต้องมองให้เห็นว่า
พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจอะไรในเหตุการณ์นั้น แล้วเปลี่ยนแผนการของเราให้เป็นแผนการที่สอดคล้องกับแผนการของพระเจ้า
โยเซฟต้อง “ยกเลิก”
แผนการของเขาเอง และตอบสนองต่อแผนการของพระเจ้าที่ได้ทรงเปิดเผยให้เขา รับและร่วมในแผนการของพระเจ้าที่กระทำท่ามกลางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
เมื่อเราสามารถมองเห็นวิถีแห่งความเชื่อศรัทธาของเราชัดเจนขึ้นเราก็จะรู้ว่า
เราจำเป็นต้องเดินบนเส้นทางความเชื่อนี้อย่างไร เราต้องพบกับสิ่งที่เราจะต้องคัดสินใจ
เราต้องเลือกที่จะตอบสนองตามที่พระเจ้าทรงชี้นำหรือไม่?
การที่เราเพียงรู้ว่าอะไรคือน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นไม่เพียงพอ
แต่เมื่อรู้แล้วจะต้องทำตามต่างหากเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
บางครั้งเราเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า
เราสามารถจาริกไปบนเส้นทางแห่งความเชื่อ โดยไม่มีความเชื่อที่แท้จริงและความเชื่ออย่างสุดจิต
สุดใจ สุดชีวิต ที่เชื่อด้วยการกระทำ เรื่องราวของโยเซฟในตอนนี้ชี้ชัดแก่เราว่า
...การดำเนินไปบนวิถีแห่งความเชื่อศรัทธาต้องการบางสิ่งบางอย่างจากชีวิตของเราที่มากกว่า
“ความสามารถ” และยังบอกเราอีกว่า การตอบรับการจาริกไปบนเส้นทางชีวิตแห่งความศรัทธายังเป็นการตอบรับว่าเราจะจาริกไปตามการทรงชี้นำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
และเราจะพบว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
แผนการของพระเจ้าที่ทรงทำงานในชีวิตและผ่านชีวิตประจำวันของเรา
เราจะได้รับประสบการณ์สัมผัสกับการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เข้ามาในชีวิตในจิตใจของเรา
ทางองค์ อิมมานูเอล
พระเจ้าผู้บังเกิด อยู่ และ เติบโตในชีวิตของเรา
ให้เราเรียกนามท่านว่า “เยซู”
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น