เราต้องฝึกฝนความคิดจิตใจของเราให้มุ่งมองไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราต้องต่อกรรับมือกับปัญหาที่เผชิญหน้าอยู่ เพราะถ้าเรามุ่งเน้นไปที่ตัวปัญหา ความคิดความรู้สึกในชีวิตของเราจะจมดิ่งลงในทะเลแห่งความทุกข์ระทม ยากลำบาก สิ้นหวัง ดั่งเช่นเปโตร เมื่อเขามุ่งมองไปที่พระคริสต์เขาสามารถเดินเหินบนคลื่นทะเลได้อย่างมั่นคง
องค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์ที่จะกอบกู้เราให้หลุดรอดออกจากทะเลแห่งความนึกคิดที่มุ่งไว้วางใจในตนเอง ภูเขาแห่งความสำคัญของตัวตนจะต้องถูกเคลื่อนย้ายขจัดออกจากเส้นทางการดำเนินชีวิตของเรา ไม่เช่นนั้นแล้วเรามักที่จะหลงเลือกเดินทางลัดจากการขับเคลื่อนไปบนเส้นทางชีวิตประจำวันที่พระองค์เรียกให้เราดำเนิน ไปเป็นเส้นทางที่เราเลือกเอง และด้วยพลังของตนเอง แทนพลังขับเคลื่อนชีวิตประจำวันจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ทางที่จะช่วยเราให้หลุดรอดออกจากการพึ่งพิงและไว้วางใจในกำลังของตนเองสู่การพึ่งพิงในพระเจ้า
คือการที่จะรับเอาพระวจนะของพระเจ้าเข้ามาเป็นพลังในการปรับเปลี่ยนความนึกคิดจิตใจของเรา ให้เราคิด ใคร่ครวญ
สัจจะความจริงในพระวจนะของพระเจ้า อย่างเช่น พระธรรมมีคาห์ 7:8
เป็นหลักคิดหลักเชื่อหนึ่งที่เมื่อชีวิตเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาลักษณะต่าง ๆ เราจะมีหลักคิดหลักเชื่อว่า
...ถึงแม้ข้าล้มลง
ข้าจะลุกขึ้นมาอีก
ถึงแม้ข้านั่งอยู่ในความมืด
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นความสว่างของข้า
(อมธ.)
จากการดูดซับเอาสัจจะและพลังชีวิตจากพระวจนะข้อนี้
ทำให้เรามั่นใจในความชัดเจนการขับเคลื่อนไปของชีวิตประจำวันของเรา ที่รู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นที่พึ่งและกำลังชีวิตของเราในเวลาที่ยากลำบาก นอกจากที่เราจะรับมือและจัดการ “ปัญหา”
ที่เราเผชิญด้วยพลังแห่งพระวจนะข้อนี้แล้ว
สัจจะความจริงในพระวจนะนี้ยังเสริมสร้างรากฐานความเชื่อศรัทธาให้แข็งแกร่ง
เจริญเติบโต และเข้มแข็งยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ให้เรามีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้นทุกวัน
ในเวลาที่เราเผชิญกับวิกฤติชีวิต ชีวิตพลาดพลั้งล้มลง สิ่งแรกคือมุ่งมองใส่ใจไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อมั่นในพระเมตตาและพระกำลังของพระองค์ว่า เราจะลุกขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง หรือ แม้ชีวิตประจำวันของเรา
อาชีพการงานของเราจะอยู่ในภาวะที่มืดครึ้ม โดดเดี่ยว มีแต่ความเย็นชา คลอนแคลน เราเชื่ออย่างมั่นคงว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้เรามีประสบการณ์ถึงพระราชกิจแห่งพระเมตตาของพระองค์ พระองค์จะเป็นแสงสว่างแห่งชีวิต และ
ความอบอุ่นแห่งชีวิตแก่เรา
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเราได้ประสบการณ์ครั้งนี้ จะทำให้เรามีความเชื่อศรัทธาที่มั่นคงขึ้น ทรงเปลี่ยนและเสริมสร้างหลักคิดของเราขึ้นใหม่ ชีวิตมีความมั่นคงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา/วิกฤติชีวิตที่ร้ายแรงกว่านี้ได้
ตลอดวันนี้ในทุกสถานการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นให้เราระลึกถึง
ท่อง ทบทวน ไตร่ตรอง และดูดซับเอาพลังแห่งพระวจนะข้อนี้เข้าในความคิด จิตใจ
และทุกอณูของชีวิตเรา
เพื่อเป็นพลังที่จะรับมือและจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกขณะของวันนี้ด้วยพระเมตตาและพลังแห่งพระวจนะนี้ แล้วเมื่อค่ำคืนก่อนพักผ่อนหลับนอน ขอท่านไตร่ตรอง ใคร่ครวญ และสะท้อนคิดถึง พระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำงานผ่านชีวิตในวันนี้ของท่านอย่างไรบ้าง
ทั้งในความคิด ความเชื่อ ความสัมพันธ์
ความอดทน จิตใจที่สงบนิ่ง
เยือกเย็นลง และ ฯลฯ
แล้วให้บันทึกไว้
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับแสงสว่างแห่งชีวิตที่ท่านเริ่มได้รับจากพระองค์ในวันนี้
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น