1.
เราใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในการติดสนิทกับพระเจ้าและการแสวงหาน้ำพระทัย?
เราแต่ละคนต่างตั้งใจที่จะอธิษฐานติดสนิทกับพระเจ้า และ
อ่านพระวจนะแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใดในแต่ละวันหลังจากที่ตื่นนอน แต่ความจริงที่เราต้องปล้ำสู้ไม่น้อยเลยคือ
เราจะยืนหยัดมีวินัยชีวิตกระทำเช่นนั้นเป็นประจำได้อย่างไร?
ดังนั้น ในแต่ละวันจึงจำเป็นที่เราจะต้องถามตนเองว่า เราได้มีเวลาติดสนิทกับพระเจ้า
และ แสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์มากน้อยแค่ไหน? ส่วนใหญ่ต่างพบความจริงว่า เราใช้เวลาไม่เพียงพอเลยสำหรับเรื่องนี้ในแต่ละวัน
ถ้าแต่ละวัน เราไม่เข้าหาใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วชีวิตของเราจะติดสนิทกับพระองค์ได้อย่างไร?
ถ้าเราไม่แสวงหาและเข้าถึงพระวจนะ แล้วเราจะรู้ถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร?
2. อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราในวันนี้?
อะไรคือ เป้าหมาย หรือ สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต? ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง?
มีอิทธิพลต่อผู้คน? เป็นคนทันสมัย? มีชีวิตที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน? หรือ มีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า?
มีชีวิตที่เป็นพยานอย่างมีประสิทธิภาพถึงพระคริสต์?
สำหรับผมแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือการดำเนินชีวิตประจำวันที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ดังนั้น ในทุกเช้าวันใหม่ ให้เราถามตนเองว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราในวันนี้?
3.
อะไรคือพันธกิจในชีวิตประจำวัน-วันนี้?
พันธกิจชีวิตของเราที่สำคัญที่สุดคือ การสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์บนแผ่นดินโลกนี้
เพื่อบรรลุตามพระประสงค์ของพระคริสต์คือ ให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ น้ำพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นเช่นไร ให้เป็นเช่นนั้นบนแผ่นดินโลกนี้ และ
พันธกิจรองลงมาคือ พันธกิจครอบครัว ถ้าจะอภิบาล
จัดการดูแลคริสตจักรได้ คน ๆ นั้นจะต้องสามารถดูแล
จัดการครอบครัวของตนได้อย่างดี ใน 1ทิโมธี 3:4-5 เขียนไว้ว่า
“เขาต้องดูแลจัดการครอบครัวของตนได้ดี
อบรมบุตรหลานให้เชื่อฟังและเคารพเขาอย่างที่ควร (ถ้าใครไม่รู้วิธีดูแลจัดการครอบครัวของตนเอง
เขาจะมาดูแลคริสตจักรของพระเจ้าได้อย่างไร?) และ “มัคนายกต้องเป็นสามีของภรรยาคนเดียว
และต้องดูแลบุตรหลานและครัวเรือนได้เป็นอย่างดี” (ข้อ 12)
ในเมื่อการสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ คือการที่เราแต่ละคนจะต้องอภิบาลชีวิตของคนอื่น
ๆ ให้เราอภิบาลชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพในครอบครัวของเราก่อน
ให้เป็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมเพื่อคนอื่นจะมั่นใจในการอภิบาลของเราในชีวิตของเขา
4. วันนี้อธิษฐานเผื่อคนอื่นแล้วหรือยัง?
เป็นการง่ายที่เราจะบอกกับคนอื่นว่า “แล้วผมจะอธิษฐานเผื่อคุณ”
หลังจากนั้นก็ลืมที่จะอธิษฐานเผื่อ แต่ละวัน เราต้องถามตนเองว่า เราได้อธิษฐานเผื่อคนที่เราเคยบอกเขาว่าเราจะอธิษฐานเผื่อเขาแล้วหรือยัง?
เรารับผิดชอบต่อคำคำพูดของเราที่จะอธิษฐานเผื่อเขาหรือยังในวันนี้? ซามูเอลกล่าวต่อชนอิสราเอลว่า “ส่วนข้าพเจ้านั้นขออย่าให้ข้าพเจ้าทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการหยุดอธิษฐานเพื่อท่าน...”
(1ซามูเอล 12:23 อมธ.) การที่เราบอกใครบางคนว่า เราจะอธิษฐานเผื่อเขา แต่เรากลับไม่ได้อธิษฐานเผื่อเขา
การกระทำเช่นนี้เป็นความบาป
เป็นการพูดโกหก-หลอกลวง
5. วันนี้เราจะควบคุมจัดการการใช้ลิ้นอย่างไร?
การควบคุมเรื่อง “ลิ้น” เป็นเรื่องที่ยากในการจัดการ วันนี้ฉันใช้คำพูดอย่างไร?
ฉันใช้ลิ้นในการตีตราตัดสินคนอื่นหรือเปล่า? คำพูดของฉันเสริมสร้างให้กำลังใจแก่คนอื่น
หรือ ทำร้ายทำลายจิตใจผู้คน? ลิ้นเป็นอวัยวะเล็ก แต่ “ลิ้นก็เป็นเช่นไฟ เป็นโลกแห่งความชั่วร้ายท่ามกลางอวัยวะทั้งหลาย
ลิ้นทำให้คนทั้งคนเสื่อมทรามไป
ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตลุกเป็นไฟและตัวมันเองก็ลุกเป็นไฟโดยนรก” (ยากอบ 3:6 อมธ.) ลิ้นทำได้ทั้งสิ่งที่ดี
แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้เกิดสิ่งที่ชั่วร้ายด้วย ด้วยลิ้นของเรา เราอวยพรผู้คน และด้วยลิ้นเดียวกันนี้เองที่เราก็แช่งด่าคนอื่นด้วย
(ยากอบ 3:9-12)
ดังนั้น ในแต่ละวันให้เราระมัดระวังในการใช้คำพูด
และคอยกระตุ้นถามตนเองว่า เราใช้คำพูดที่สร้างเสริมหนุนช่วย หรือ
ใช้คำพูดที่ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดเกิดบาดแผลในชีวิต?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น