ในการทนทุกข์ของเปาโล ท่านทนทุกข์อย่างมีเป้าหมายชัดเจนและด้วยความชื่นชมยินดี และนี่คือการทำพันธกิจแห่งพระกิตติคุณ เปาโลได้ส่งต่อพันธกิจนี้มายังทิโมธี และ
มายังเราแต่ละคนให้สานต่อพันธกิจแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในสังคมโลกนี้
นั่นเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าทนทุกข์อย่างที่เป็นอยู่
กระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอายเพราะข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าเชื่อ
และมั่นใจว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาสิ่งที่ข้าพเจ้ามอบไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้ (ในภาษาต้นฉบับ “สิ่งที่ข้าพเจ้ามอบไว้กับพระองค์”
สามารถแปลได้ว่า “สิ่งที่พระองค์ทรงมอบไว้กับข้าพเจ้า” ปรากฏใน มตฐ.)
เมื่อเปาโลเขียนจดหมายถึงทิโมธีฉบับที่สอง ท่านรู้ว่าชีวิตของท่านกำลังจะถึงจุดจบ
ถ้าเราอ่านความหมายระหว่างบรรทัด เราจะสัมผัสได้ชัดเจนว่า เปาโลมีความรู้สึกว่า ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิตของท่าน
เปาโลไม่ได้ให้กำลังใจแก่ทิโมธีแบบลม ๆ แล้ง
ๆ ว่า สถานการณ์หรือวิกฤติกาลสำหรับคริสตชน และ ทิโมธีในเวลานั้นจะดีขึ้น แต่เราพบในคำอธิษฐานของเปาโลว่า
ผู้ประกาศพระกิตติคุณจะต้องพบปัญหา พบวิกฤติในชีวิตอย่างแน่นอน
เปาโลบอกความจริงแก่ทิโมธีแทนที่จะปลอบใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ยิ่งกว่านั้น
เปาโลแนะนำทิโมธีว่า อย่าละอายที่จะเป็นพยานชีวิต เฉกเช่นชีวิตของเปาโลที่ต้องติดคุก(คนขี้คุก
กบฏสังคม) และท้าชวนให้ทิโมธีร่วมในการทนทุกข์กับเปาโลเพราะพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า
ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความเชื่อคำสอนของคริสตชนบางกลุ่ม
ที่มุ่งสอนว่าเป้าหมายของพระกิตติคุณคือ เราจะได้ไปอยู่สุขสบายในสวรรค์ ไม่ต้องไปสนใจกับความทุกข์ยากในชีวิตบนโลกนี้
แต่เป้าหมายของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ที่เปาโลประกาศ คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน
และ สังคมชุมชนในโลกนี้ ให้มีคุณภาพชีวิตเป็นชุมชนแห่งแผ่นดินของพระเจ้า
ที่จะก้าวไปสู่การมีชีวิตอยู่ร่วมกับพระคริสต์ตามที่พระองค์ทรงเตรียมไว้
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีเป้าหมายชัดเจนถึง
“ชีวิตในปัจจุบันนี้” และเคลื่อนต่อไปสู่ “ชีวิตในอนาคต” ด้วย พระคัมภีร์ได้แสดงให้เราเห็นชัดว่า
พระคริสต์ทำงานหนักเยี่ยงสามัญชน
“มือถือค้อน หน้าสู้ไฟ” เหมือนผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย มือของพระองค์หยาบกร้านเพราะงานช่างไม้
เมื่อออกทำพันธกิจพระองค์เยียวยารักษาคนเจ็บป่วย ถ้าเปรียบกับชาวนาของเรา
“มือถือคันไถ สองขาย่ำในโคลน” และทั้งสองมือต้องหลั่งเลือดบนกางเขนเพื่อเป็นค่าไถ่สำหรับชีวิตมากมาย
แต่ดวงใจของพระองค์
ละเอียดอ่อนชุ่มชื้นไปด้วยความรักเมตตาที่เสียสละ เพื่อชีวิตทั้งหลายบนโลกนี้ที่หัวใจกำลังแตกและฉีกขาด
เพื่อดวงจิตที่ฟกช้ำ
การติดตามพระเยซูคริสต์ มือของเราจะหยาบกร้านจนชินชา
และหัวใจจะอ่อนนิ่มนวลเมื่อจิตใจของเราไวต่อสภาพชีวิตของคนอื่น เราทำในสิ่งที่ตอบสนองต่อความจำเป็นต้องการของชีวิตผู้คน
และเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตแห่งโลกนี้
พระคริสต์ผู้มีมือที่หยาบกร้าน เต็มด้วยบาดแผล จะเป็นชีวิตที่ยุติความป่วยเจ็บของมนุษยชาติ
และ เยียวยาฟื้นฟูโลกที่ทรงสร้างให้เป็นสังคมโลกใหม่ และพระคริสต์ได้เข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเราแต่ละคน
เพื่อขจัดยุติชีวิตข้างในของเราที่เจ็บป่วยและแตกหัก ฟื้นฟูชีวิตของเรากลับสู่ศักยภาพที่ทรงพลังตามที่พระเจ้าประทานแก่เราแต่ละคน
แน่นอนว่า
ในชีวิตของเราจะต้องพบกับความทุกข์ยากลำบาก
ความตายจะเข้ามาในชีวิตของเรา
เราจะต้องเผชิญกับการทำร้ายทำลายกัน
ความจริงก็คือว่า มิใช่ว่าพระคริสต์จะขจัดความทุกข์ยากลำบากออกจากชีวิตของเรา แต่ที่เป็นกำลังใจของเราคือ พระคริสต์อยู่เคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุขในทุกสถานการณ์ชีวิตของเรา เราจะมีชีวิตเหมือนเปาโล และ ทิโมธี คือเราจะทำงานเคียงข้างไปกับพระเยซูคริสต์
และเราก็เป็นผู้ที่หยั่งรากความเชื่อและไว้วางใจในพระเยซูคริสต์
เมื่อเราเดินไปกับพระคริสต์
เราจะไม่อับอายที่ต้องเป็นคนที่ตกอยู่ในความทุกข์
ที่เรามั่นใจเช่นนี้เพราะเราเชื่อมั่นในพระองค์
เรามั่นใจว่า
ด้วยพระกำลังของพระคริสต์ต่างหากที่ทำให้เราเผชิญกับความเลวร้ายในชีวิตได้ ชีวิตในแต่ละวันของเราได้รับการปกป้องคุ้มครองจากพระเยซูคริสต์
“...ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าเชื่อ
และมั่นใจว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาสิ่งที่ข้าพเจ้ามอบไว้กับพระองค์จนถึงวันนั้นได้”
(2 ทิโมธี 1:12)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น