ท่านครับ...องค์กรของเรากำลังย่ำแช่ติดหล่มใน
“หล่มโคลนขี้ควาย” อยู่นะครับ!
เราจะนำองค์กรของเราออกจากการย่ำอยู่ในหล่มโคลนขี้ควายได้อย่างไร? จะต้องมีความจำเป็นในการนำการเปลี่ยนแปลงในเรื่องอะไรบ้าง? หรือเราจะต้องนำการเปลี่ยนแปลงองค์กรในเมื่อเรายังไม่ชัดว่าองค์กรของเราจะมุ่งไปสู่ทิศทางไหนหรือเปล่า?
หรืออาจจะเพราะบางคนในทีมงานทำงานแบบไม่มีข้อผูกพันหรือผูกมัดกับองค์กร
หรือเมื่อผู้ที่ควรจะนำองค์กรกลับไม่มีความชัดเจนในหน้าที่ความรับผิดชอบของตน
หรือองค์กรเผชิญหน้ากับความตกต่ำมาเป็นช่วงเวลายาวนานจนจำไม่ได้ว่า ความสำเร็จนั้นเป็นอย่างไรกันแน่
หรือ ฯลฯ
ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนองค์กรของเรากำลังตกอยู่ในโคลนตมขี้ควาย
แล้วกำลังหาทางที่จะหลุดออกจากการตกแช่อยู่ในหล่มโคลนขี้ควายอย่างไร
Ron Edmondson ได้ให้กระบวนการการหลุดออกจากหล่มโคลนขี้ควายไว้
7 ประการคือ
1. วิเคราะห์สภาพจริงของน้ำ
น้ำโคลนที่เรายืนอยู่นี้จริง
ๆ แล้วมีสภาพเช่นไร? โคลนดินร่วน หรือ โคลนดินเหนียว
ยังมีกลิ่นเหม็นเยี่ยวและขี้ควายด้วยใช่ไหม? แล้วใต้โคลนเป็นดินดานที่น้ำยากที่จะซึมลงไปหรือเปล่า?
มันทั้งข้นคลัก และลื่นหรือไม่? ยืนไปนาน ๆ จนขาคันเกาจนเป็นแผลใช่ไหม?
สิ่งแรกที่เราจะต้องรู้คือสภาพโคลนตมที่เรายืนจมปลักอยู่
กระบวนการวิเคราะห์สภาพ
“น้ำโคลน” ที่เรายืนแช่อยู่อาจจะใช้เวลาเพียงวันเดียว หรือ หนึ่งสัปดาห์
หรือหนึ่งเดือน หรือมากกว่านั้น เราต้องให้เวลากับเรื่องนี้
เราต้องเรียนรู้ความจริงว่าองค์กรของเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์อะไรจริง ๆ ในตอนนี้
แล้วคนของเราในองค์กรเป็นอย่างไรบ้าง มีทักษะ
ความรู้ที่จะรับมือกับกับสถานการณ์ที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่ได้หรือไม่?
2. สัตย์ซื่อจริงใจ
“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะสร้างผลกระทบต่อทั้งตัวท่าน
และเป็นกระบวนการที่ยาก” แล้วเราจะให้สิ่งนี้เป็นเรื่องเปิดเผยโปร่งใสได้อย่างไร? อาจจะฟังดูเหมือนจะล้ำหน้าไปหน่อย
แต่คนในทีมงานรู้ว่าจะมีสิ่งใหม่บางอย่างเกิดขึ้น
พวกเขาอาจจะยังไม่สามารถที่จะยอมรับได้ พวกเขาอาจจะยังไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง
หรือพวกเขาอาจจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น
ให้เราก้าวไปข้างหน้าและยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น
เราในฐานะผู้นำ
เราควรหนุนเสริมให้กำลังใจแก่ทีมงานและคนที่เกี่ยวข้องว่า สิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น
ซึ่งพวกเขารู้แล้วว่ามันกำลังมีปัญหา องค์กรของเรายืนติดในปลักโคลนขี้ควาย
พวกเขาเห็นกับตาสัมผัสกับชีวิตประจำวันของเขา
ให้เรารับความเป็นจริงที่เรากำลังเผชิญอยู่
ผู้คนและทีมงานในองค์กรจะไว้วางใจเราในฐานะผู้นำเมื่อเราทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความสัตย์ซื่อจริงใจ
3.
มองเห็นวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
เราต้องชัดเจนว่าองค์กรของเราจะมุ่งไปสู่ที่ใด? แล้วเราจะจัดการอย่างไรที่จะหลุดออกจากหล่มตมขี้ควายนี้? แล้วเราจะต้องเตรียมคนของเราให้พร้อมมุ่งหน้าไปสู่ที่ที่เราจะมุ่งไปให้ถึงในด้านใด?
แล้วเราเสนอย่างก้าวอะไรและอย่างไรบ้างที่จะไปให้ถึงที่ที่เราจะมุ่งไป?
แล้วมีตารางเวลาอะไรบ้างของย่างก้าวดังกล่าว?
ให้ผู้นำแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ที่ท่านมีอยู่ในวันนี้แก่ทีมงาน
ทีมงานและผู้คนในองค์กรต้องการมั่นใจว่า ย่างก้าวที่ดีดังกล่าวได้มีการวางแผน
เป้าหมายมองเห็นได้อย่างชัดเจน ผู้คนในองค์กรได้รับการเตรียมพร้อม
4. มีการสื่อสารที่ดี
การสื่อสารเป็นเรื่องที่สำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาวิกฤติ สับสน และว้าวุ่นเช่นนี้
เมื่อสถานการณ์โดยรอบขององค์กรมีสภาพที่เลวร้าย ผู้คนในองค์กรเกิดความวุ่นวาย
สับสน พวกเขาต้องการรู้ชัดเจนว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้น
และกำลังจัดการอย่างไรที่จะช่วยให้องค์กรหลุดออกจากโคลนตมขี้ควายนี้
โปรดตระหนักชัดว่า
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทั้งการพูดและการฟัง ทั้งสองเรื่องต้องมีประสิทธิภาพ
องค์กรต้องมีสิ่งนี้เสมอ
คำเทศนาของศิษยาภิบาลบางครั้งต้องช่วยให้คนในองค์กรมองเห็นวิสัยทัศน์ และ
จุดหมายปลายทางที่องค์กรของเราจะมุ่งไปให้ถึง
5. ยืนหยัดให้มั่น
สถานการณ์องค์กรที่จมปลักในโคลนตมขี้ควาย
ถ้าใครไม่ยืนหยัดให้มั่นคง คนนั้นอาจจะลื่นล้มลงคลุกในโคลนตมขี้ควายทั้งตัว
นอกจากกลิ่นเหม็นแล้ว สิ่งที่ยากลำบากยิ่งคือ การที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่ง
เพราะมันจะลื่น และ ดูดตัวเราในขณะที่พยายามดึงตัวเองให้ยืนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ในฐานะผู้นำต้องแน่ใจว่า
เรายังมีสุขภาพกาย ใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณที่แข็งแรง
เพื่อจะสามารถนำผู้คนขับเคลื่อนออกจากโคลนตมขี้ควายดังกล่าว
6. ท้าทายเมื่อจำเป็น
ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตกลงในสถานการณ์โคลนตมขี้ควายเช่นนี้ จะมีบางคนที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกนี้
ในฐานะผู้นำเราจะต้องท้าทายคนที่ต้องการกวนน้ำโคลนให้ขุ่นข้นเหนี่ยวลื่นยิ่งกว่าเดิม
เราอาจจะต้องขจัดคนที่ต้องการอยู่เฉย ๆ ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ
ในที่สุดเราจะต้องนำคนที่เต็มใจที่จะหยิบพลั่วขึ้นตักโคลนออกจากองค์กร
และชะล้างองค์กรจากโคลนขี้ควายนั้นให้ใสสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
7.
ชำระรักษาให้น้ำล้อมรอบแห่งสถานการณ์องค์กรใสสะอาดขึ้น
เราในฐานะผู้นำองค์กร
จะต้องให้กำลังใจแก่ทีมงานและคนในองค์กรถึงวิสัยทัศน์ที่เป็นประโยชน์ซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
ในช่วงเวลาเช่นนี้
ผู้นำจะเป็นบุคคลที่ผู้คนและทีมงานในองค์กรสามารถพบเห็นเสมอ
และแต่ละคนสามารถเข้าถึงผู้นำได้สะดวก ผู้คนในองค์กร
ต้องการรู้และมั่นใจว่ามีผู้ที่จะนำในการชำระจัดการให้สถานการณ์โคลนตมขี้ควายกลายเป็นน้ำที่ใสสะอาด
และนำองค์กรให้หลุดรอดออกจากโคลนตมดังกล่าวได้
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น