ไม่ทำให้คริสตจักรเข้าถึงชุมชนโดยอัตโนมัติ
ในภาวะวิกฤติไวรัสโคโลน่า
19 ที่ระบาดอย่างรุนแรงไปทั่วโลกทั้งใบในวันนี้ หลายคนพูดว่า พระเจ้าจะใช้วิกฤตินี้ทำให้คริสตจักรท้องถิ่นทำตามพระมหาบัญชามากขึ้น
แต่ผมกลับเห็นตรงกันข้ามครับ สถานการณ์คับขันมิได้ช่วยให้คริสตจักรเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตจิตวิญญาณโดยอัตโนมัติได้
ที่กล่าวเช่นนี้ขอตั้งข้อสังเกตบางประการดังนี้
1.
หลายคริสตจักรที่ไม่รู้ตัวหรอกว่าก่อนที่จะเกิดภัยคุกคามจากโรคไวรัสโคโลน่า 19 คริสตจักรของตนสนใจแต่พันธกิจชีวิตภายในคริสตจักร...เพราะที่ผ่านมาคริสตจักรขาดการทบทวนและประเมินตนเอง
แต่มักเข้าใจว่าคริสตจักรของตนทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์ เพราะมีชั้นเรียนสอนถึงพระคัมภีร์ในระดับต่าง
ๆ และมีการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์อย่างพร้อมเพียง
2.
ภัยคุกคามจากโรคไวรัสโคโลน่า 19
จะไม่ช่วยหรือทำให้คริสตจักรที่สนใจแต่ตนเองเปลี่ยนไปเป็นคริสตจักรที่ใส่ใจชุมชนนอกคริสตจักรโดยอัตโนมัติ
คริสตจักรที่สนใจแต่ชีวิตในคริสตจักรของตนเองเป็นคริสตจักรไม่สนใจชีวิต
ความสัมพันธ์ และ การเข้าถึงผู้คนในชุมชน เมื่อเกิดภัยคุกคามจากไวรัสโคโลน่า 19 ยิ่งทำให้พวกเขาคิดถึงความปลอดภัยของตนเองมากขึ้น
และผู้นำคริสตจักรมักกังวลว่า จะมีสมาชิกมาร่วมนมัสการอาทิตย์นี้สักกี่คน เงินถวายจากสมาชิกจะลดฮวบลงหรือไม่? กลายเป็นคริสตจักรที่ห่วงกังวลแต่ตนเอง เป็นคริสตจักรที่เห็นแก่ตัวมากขึ้น
3.
คริสตจักรส่วนใหญ่ที่เป็นคริสตจักรที่สนใจแต่พันธกิจชีวิตในคริสตจักรในภาวะที่ถูกคุกคามจากภัยพิบัติโรคไวรัสโคโลน่า
19 จะมุ่งเน้นแต่ที่จะทำอย่างไรที่จะปกป้องตนเองจากการไปสัมผัสรับเชื้อ
ไวรัสโคโรน่า 19 จากคนอื่น
(มักไม่คิดถึงคนอื่นที่อาจจะต้องถูกเชื้อโรคตัวนี้คุกคาม โดยเฉพาะคนนอกคริสตจักรที่อยู่ในสังคมชุมชน)
ดังนั้น สมมติ
ฐานว่าภัยคุกคามของไวรัสโคโลน่า 19 จะกระตุ้นให้คริสตจักรที่ไม่เคยเข้าถึงคนในชุมชนจะเกิดความสนใจและหันหน้าเข้าถึงชุมชนจึงเป็นข้อสมมติฐานที่ไกลจากความเป็นจริง
หรือมองโลกสวยเกินจริงหรือเปล่า?
4.
ผู้นำคริสตจักรบางคนเลือกที่จะตัดสินใจบนรากฐานอุดมการณ์ทางการเมือง หรือ
การตัดสินใจตามความชอบส่วนตัว ผลประโยชน์ส่วนตน หรือ ตามกลุ่มตามพวกตามพรรคพวกตนเอง
มากกว่าที่จะตัดสินใจด้วยความรักเมตตาที่เสียสละแก่คนอื่นรอบข้างรวมทั้งคนในชุมชนด้วย
ในวิกฤติกาลนี้สิ่งที่คริสตจักรจะต้องใส่ใจคือชีวิตการเป็นสาวกพระคริสต์ของตนเองสอดคล้องกับคำสอนและรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์หรือไม่
และถ้าเราตัดสินใจที่จะมีชีวิตเยี่ยงพระองค์เราจะต้องเริ่มต้นทำอย่างไรบ้าง?
5.
ยิ่งภาวะคุกคามจากไวรัสโคโลน่า 19 ยาวนานออกไปอีกมากแค่ไหน อาจจะมีผลทำให้เกิดอาการความสนใจแต่ตนเอง
หรือ “เห็นแก่ตัว” มากยิ่งขึ้นในคริสตจักรและคริสตชนที่สนใจแต่พันธกิจชีวิตในคริสตจักร
เพราะคริสตจักรประเภทนี้มีฐานเชื่อกรอบคิดว่า จะทำอย่างไรที่ตน
คริสตจักรของตนจะอยู่รอดปลอดภัยในภัยพิบัติสุขภาพครั้งนี้
มิได้มีฐานเชื่อกรอบคิดแบบพระคริสต์ที่มีชีวิตเพื่อ “ให้ชีวิต”
เพื่อชุมชนคนรอบข้างจะอยู่รอดปลอดภัยด้วยความรักเมตตาที่เสียสละชีวิตของตนเพื่อคนอื่น
6.
คำถามที่ถามในที่นี้เป็นคำถามเกี่ยวกับชีวิตจิตวิญญาณภายในของเรา ที่มีผลกระทบจากการที่คริสตจักรของเราวุ่นอยู่กับการทำพันธกิจชีวิตในรั้วคริสตจักร
โดยละเลยใส่ใจต่อพี่น้องของเราที่อยู่ในชุมชนรอบข้างที่อยู่นอกคริสตจักร
ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอะไรในภาวะเช่นนี้
ผมเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคริสต์ชน และ
คริสตจักรในภาวะวิกฤติคับขันจะเกิดขึ้นได้ คริสตจักรต้องมุ่งมั่นตั้งใจ
“รับการเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างจากพระคริสต์” และตัดสินใจถวายชีวิตที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระคริสต์ตามพระมหาบัญชาของพระองค์
มีข้อเสนอบางประการดังนี้
- ขอเริ่มต้นอธิษฐาน และอธิษฐานเป็นประจำว่า พระเจ้าจะใช้สถานการณ์นี้ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเรา คริสตจักรของเราที่สนใจแต่ตนเอง ให้ชัดเจนถึงพระประสงค์ที่ต้องการให้คริสตจักรและสมาชิกทุกคนของพระองค์หันหน้าเข้าถึงชีวิตของผู้คนในชุมชนรอบข้างคริสตจักรและชีวิตของคริสต์ชนในพระนามพระเยซูคริสต์
- ใช้สถานการณ์นี้ที่จะเข้าถึงและเสริมสร้างสัมพันธ์กับพี่น้องในชุมชน พยายามที่จะหาทางเข้าถึงคนในชุมชนมากกว่าการจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดคนในชุมชนเข้ามาร่วมในคริสตจักรของเรา พึงตระหนักว่า การสร้างเสริมสัมพันธ์และความผูกพันสำคัญกว่าที่คนในชุมชนมาร่วมกิจกรรมในคริสตจักร
- ให้คริสตชนและคริสตจักรมองให้เห็นถึงพระราชกิจที่พระเยซูคริสต์ที่กำลังกระทำในชุมชนรอบข้างคริสตจักร และ อธิษฐานร่วมกันเพื่อขอเข้าร่วมในพระราชกิจที่พระองค์กำลังกระทำในชุมชน และขอพระองค์ทำพระราชกิจของพระองค์ในคริสตจักร ในชีวิตของเราแต่ละคน เพื่อคริสตจักรจะสามารถตอบสนองต่อพระประสงค์ของพระองค์ในภาวะวิกฤตินี้ได้
- เริ่มเตรียมความพร้อมภายในคริสตจักรของเรา ทั้งความพร้อมของสมาชิกแต่ละคนในการอ้าแขนรับผู้คนในชุมชนอย่างไม่มีเงื่อนไขแบบพระคริสต์ เตรียมอาคารสถานที่ และวัสดุอุปกรณ์ที่คริสตจักรมี เพื่อทำให้คริสตจักรคือพื้นที่ปลอดภัย และ พื้นที่ของความเป็นมิตรสำหรับทุกคน พื้นที่ของการรับใช้ด้วยชีวิต เป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้ามาแล้วได้รับพระพรในชีวิตประจำวัน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น