สภาคริสตจักรในประเทศไทย
มีหน่วยงานประวัติศาสตร์คริสตจักรไทย และ
ในหน่วยงานนี้ส่งเสริมการขุดค้นเสาะหาประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่นด้วยกระบวนการการค้นหาความเป็นมาของคริสตจักรท้องถิ่นจากคำบอกเล่า
เป็นงานหนึ่งที่มีความสำคัญ มีคุณค่า และคริสตชนควรให้ความสนใจอย่างมาก
แต่มีผู้ถามว่า ทำไมเราถึงต้องสืบเสาะค้นหาประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่น?
ในการศึกษา เสาะหา
และประมวลเรียบเรียงประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่นแต่ละแห่ง นอกจากจะศึกษาความเป็นมาของคริสตจักรแล้ว
สิ่งหนึ่งที่เราต้องศึกษาควบคู่ขนานไปพร้อม ๆ กับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ของชุมชนสังคมที่คริสตจักรนั้น
ๆ ตั้งอยู่ จึงทำให้เรารู้จักความเป็นมา และ อัตลักษณ์ของชุมชนนั้น ๆ และยังรู้ถึงความสัมพันธ์และผลกระทบที่มีต่อกันและกันระหว่างคริสตจักรกับชุมชนว่ามีอะไร
และ เป็นอย่างไรบ้าง
โดยภาพรวมภาพใหญ่แล้ว สิ่งดีมีประโยชน์ที่เราจะได้จากการศึกษาค้นหาถึงประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่น
มีดังนี้
1. ช่วยให้เรารู้จัก
และ เข้าใจคริสตจักรของเราดียิ่งขึ้น
กล่าวคือช่วยให้เรารู้ว่า...
คริสตจักรแห่งนี้เริ่มต้นอย่างไร? ใคร หรือ
คนกลุ่มไหนที่มาตั้งรกรากในชุมชนแห่งนี้แล้วเข้ามารวมตัวกันเป็นคริสตจักร? ส่วนมากมารวมตัวกันในช่วงเวลาใด? มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดการตั้งคริสตจักรแห่งนี้ขึ้น? มีสถานการณ์อะไรหรือที่ทำให้คริสตจักรเติบโตขึ้น หรือ อ่อนแอลดน้อยถอยลง?
2. ช่วยให้เราเข้าใจวัฒนธรรมคริสตจักรของเราดียิ่งขึ้น
ประชาชนกลุ่มไหนที่เข้าร่วมก่อตั้งชุมชนคริสตจักรแห่งนี้? คนกลุ่มนี้มีประเพณี วัฒนธรรม จุดแข็ง
และจุดอ่อนที่พวกเขานำเข้ามาในชุมชนคริสตจักรในเวลานั้นอะไรบ้าง? ชุมชนมองกลุ่มคนที่เข้ามาตั้งคริสตจักรในชุมชนอย่างไร? ทำไมเขาถึงถูกมองเช่นนั้น? แล้วคริสตจักรมีปฏิกิริยาต่อทัศนะของชุมชนที่มีต่อพวกเขาอย่างไร? และมีผลกระทบต่อชีวิตชุมชนคริสตจักรอย่างไรบ้างในเวลานั้น? แล้วคริสตจักรมีการปรับตัว หรือ ปรับความสัมพันธ์กับชุมชนเช่นไร? เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรและชุมชนเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากเดิมในอดีตหรือไม่
เช่นไร? อะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ดังกล่าว? อะไรที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ
วัฒนธรรม(วิถีชีวิต)ในเวลานั้นของชุมชน และ ของคนในคริสตจักร? มีอะไรที่เหมือน และ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
3. ช่วยให้เราเข้าใจคริสตจักรอื่น
ๆ ที่อยู่ในบริเวณไม่ห่างไกลจากเรา
คริสตจักรแห่งนั้น ๆ
(ที่อยู่ใกล้เคียงกับคริสตจักรของเรา) เกิดการรวมตัวจากกลุ่มชนไหน? เกิดขึ้นได้อย่างไร? คริสต์ศาสนศาสตร์สายไหนที่บ่มเพาะหล่อหลอมชีวิตของคริสตจักรแห่งนั้น
ๆ ? เหมือนหรือแตกต่างจากคริสตจักรของเราหรือไม่อย่างไร? คริสตจักรแห่งนั้นได้ทำพันธกิจด้านไหนบ้างในชุมชน? (เช่น พันธกิจด้านการศึกษา พันธกิจด้านการดูแลสุขภาพ การบริการชุมชน พันธกิจด้านเศรษฐกิจคนในชุมชน
และ ฯลฯ) แล้วทำไมคริสตจักรถึงก่อตั้งพันธกิจบริการเหล่านั้นขึ้น? ที่ผ่านมาคริสตจักรของเรากับคริสตจักรแห่งนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง? ปัจจุบันมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง?
4. ช่วยให้เรารู้จักเพื่อนบ้านของเรา
คริสตจักรของเราเข้ามาตั้งในชุมชนเมื่อมีชุมชนแล้ว
หรือ คริสตจักรของเราคือผู้เริ่มก่อตั้งชุมชน? ชุมชนแห่งนี้เกิดขึ้นมาอย่างไร? ใครเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้ามาจับจองก่อตั้งสร้างชุมชน? เป็นใครและมาจากที่ไหน? ทำไมเขาถึงเลือกมาตั้งชุมชนใหม่ในหมู่บ้านนี้? คนชุมชนในอดีตมีความคิด ความรู้สึก และ มุมมองเช่นไรต่อคริสตจักรของเรา? ปัจจุบันนี้ ความคิด ความรู้สึก
และ มุมมองของชุมชนต่อคริสตจักรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่อย่างไร?
ทำไมถึงเปลี่ยนแปลง หรือ ไม่เปลี่ยนแปลง?
ในอดีตที่ผ่านมาคริสตจักรมองชุมชนอย่างมีอคติในด้านไหนบ้าง? และ ชุมชนมองด้วยมุมมองอคติที่มีต่อคนในคริสตจักรในเรื่องอะไรบ้าง? มีผลกระทบต่อคริสตจักรหรือไม่อย่างไร? แล้วคริสตจักรมีท่าทีต่อชุมชนอย่างไร? แล้วชุมชนมีท่าทีต่อคริสตจักรอย่างไร? ทั้งคริสตจักรและชุมชนได้มีการปรับท่าทีและมุมมองที่มีต่อกันหรือไม่? อย่างไร? มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดการปรับท่าทีใหม่ที่มีต่อกัน? ปัจจุบันนี้คนในคริสตจักร กับ คนในชุมชนมีความสัมพันธ์กันในด้านไหน และ
อย่างไรบ้าง?
5. เราจะต้องพูดคุยสนทนากับเพื่อนบ้านของเรา
การศึกษาค้นหาประวัติศาสตร์ของคริสตจักรและชุมชนจากคำบอกเล่า
มิเพียงแต่การหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากคนในคริสตจักรเท่านั้น แต่เราต้องเสาะหาศึกษาจากผู้คนในชุมชนด้วย
ดังนั้น
การค้นหาประวัติศาสตร์คริสตจักรท้องถิ่นและชุมชนจึงเป็นโอกาสของการสื่อสารสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักร
และ ชุมชน นอกจากจะเป็นการเรียนรู้จากกันและกันมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะเสริมสร้างความเข้าใจและการยอมรับกันและกันดียิ่งขึ้นด้วย
อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของบางคริสตจักรที่มีต่อคนในชุมชน
6. เพื่อเราจะได้รับการเสริมสร้างให้เข้าไปมีส่วนร่วมในพระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่กำลังทรงกระทำในชุมชนขณะนี้
และ ในช่วงเวลาต่อไป
คริสตชนเชื่อว่า
พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในกระบวนเหตุการณ์ชีวิตของมนุษยชาติ รวมถึงชีวิตชุมชนที่คริสตจักรท้องถิ่นของเราตั้งอยู่ด้วย
การศึกษาถึงประวัติความเป็นมาของคริสตจักร และ ชุมชนตั้งแต่ในอดีต และกระบวนการคลี่คลายของประวัติศาสตร์ของคริสตจักรและชุมชนที่คริสตจักรตั้งอยู่
ทำให้เราได้เห็นพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำทั้งในชุมชนนี้และในคริสตจักรของเรา
ยิ่งกว่านั้น ช่วยให้เราเข้าใจและสามารถเห็นถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำอยู่ในปัจจุบันนี้ทั้งในชุมชนและในคริสตจักร
ช่วยให้สมาชิกในคริสตจักรของเรามีโอกาสตัดสินใจเข้าร่วมในพระราชของพระเจ้าที่กำลังกระทำในชุมชน
ซึ่งเป็นการทรงเรียกจากพระเยซูคริสต์ที่มีต่อสมาชิกในคริสตจักรแต่ละคนให้เข้าร่วมและสานงานพันธกิจต่อจากพระราชกิจของพระองค์ตามพระมหาบัญชา
ดังนั้น การทำประวัติศาสตร์คริสตจักรท้องถิ่นจึงมิใช่การทำประวัติศาสตร์คริสตจักรท้องถิ่นเท่านั้น
แต่เป็นการเรียนรู้ถึงชุมชนที่คริสตจักรตั้งอยู่ ตลอดถึงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนและคริสตจักร
และวัฒนธรรมของคริสตจักรแห่งนั้น ๆ ซึ่งเป็นความเข้าใจรากฐานของการทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักรตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมิได้มีไว้สำหรับการเก็บสะสม
การเก็บบนหิ้ง หรือเอาไว้อวดคริสตจักรอื่น แต่เราจะใช้ประโยชน์อะไรบ้างสำหรับการทำพันธกิจชีวิตคริสตจักรและชุมชนของเรา
และเพื่อที่เราจะรู้เท่าทันตนเอง และ
ช่วยเรามีชีวิตที่ตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น