การรอคอย เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของคนเรา น่าสังเกตว่า
ปฏิทินชีวิตคริสตชนและชีวิตคริสตจักรเริ่มต้นปีใหม่ด้วยเทศกาลรอคอยการมาบังเกิดของพระคริสต์
ทำไมต้องรอคอย?
เรื่องราวการมาบังเกิดของพระคริสต์เริ่มต้นจากการตั้งครรภ์ของนางมารีย์ การตั้งครรภ์เป็นเวลา “จุติ” เวลาเริ่มต้นของชีวิตใหม่ ชีวิตที่เริ่มต้นจากตัวอ่อนต้องใช้เวลา 9
เดือนโดยประมาณในการก่อร่างสร้างตัวการเติบโตของชีวิตใหม่ในครรภ์มารดา นี่คือกระบวนการของชีวิตที่พระเจ้าทรงสร้างให้มีและดำเนินไปในมนุษย์
และ นี่คือเหตุผลที่เราต้องรอคอย
เรารอคอยเวลาตามกระบวนการ
ตามกำหนดของการทรงสร้าง!
เรารอคอย หรือ
ให้เวลากับชีวิตที่เกิดและเติบโตตามกระบวนการแห่งการทรงสร้าง
เรารอคอยด้วยความหวังที่จะได้พบกับ
“ชีวิตใหม่” ที่จะคลอดออกมาเป็นทารก เป็นตัวเป็นตนที่เราจะจับต้องได้ อุ้ม โอบกอด ชื่นชม ทะนุถนอม ฟูมฟัก เลี้ยงดู บ่มเพาะ เสริมสร้าง
ให้เป็นชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย และในขั้นตอนนี้ของกระบวนการชีวิตเราก็ยังต้อง
“รอคอย” หรือ “ให้เวลา” เช่นกัน และมิเพียงแต่การให้เวลาเท่านั้น ในช่วงเวลาของการ
“รอคอย” เราต้องเสริมหนุนให้ชีวิตดังกล่าวเจริญเติบโตและแข็งแรงด้วย
สามขั้นตอน
สามลักษณะการรอคอยพระคริสต์
เทศกาลรอคอยการมาบังเกิดของพระคริสต์ มี 3 ขั้นตอน 3 ลักษณะการรอคอยด้วยกันคือ
รอคอยการมาบังเกิดเป็นทารกน้อย ในรางหญ้าที่คอกสัตว์บ้านเบธเลเฮ็ม พระเจ้ามาบังเกิดรับสภาพชีวิตแบบมนุษย์ มาอยู่เคียงข้างชีวิตของเรา มาปักหลักตั้งฐานชีวิตร่วมชีวิตกับเรา เพื่อนำเอาพระคุณ ความรักเมตตา
และให้ชีวิตของพระองค์แก่มนุษยชาติ เพื่อมนุษยชาติจะได้ชีวิตใหม่
รอคอยการมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ในอนาคต
เมื่อถึงเวลากำหนดของพระเจ้า พระคริสต์จะมาหาเราอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงเวลานี้...พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งต่าง
ๆ เพื่อมนุษยชาติ และประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพลังชีวิตพร้อมกับเสริมสร้างชีวิตใหม่ในผู้ที่ยอมตนเป็นสาวกของพระคริสต์
และทรงเรียกให้สาวกทุกคนสานต่อพระราชกิจที่พระองค์ได้เริ่มต้นไว้แล้ว จนกว่าจะไปถึงเป้าหมายพระราชกิจของพระคริสต์
และจนกว่าการมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์
รอคอยการมาบังเกิดของพระคริสต์ในกระบวนเหตุการณ์ชีวิตประจำวันของเรา เป็นการที่เราแต่ละคนรอคอยให้ชีวิตแบบพระคริสต์เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคน
เพื่อชีวิตประจำวันของเราจะสามารถสำแดงพระคริสต์แก่ผู้คนที่เราพบปะสัมผัสและสัมพันธ์
และเป็นไปตามพระสัญญาของพระคริสต์ที่ว่า
พระองค์จะอยู่กับเราด้วยฤทธานุภาพทั้งสิ้น ในสวรรค์ บนแผ่นดินโลกที่พระเจ้ามอบให้แก่พระคริสต์ พระองค์สัญญาว่าจะอยู่กับเรา เปลี่ยนแปลงหนุนเสริมเรา เพื่อเราจะสามารถสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์เสมอไปเป็นนิจจนกว่าจะสิ้นยุค
คริสตชน และ
คริสตจักรไทยรอคอยอะไรในทุกวันนี้?
แล้วคริสตจักรไทย
คริสตชนไทยทุกวันนี้ เรากำลังรอคอยอะไร?
ท่ามกลางสถานการณ์ชีวิตปัจจุบันของเราที่ถูกครอบงำด้วยความมืดมนทั้งในชีวิตส่วนตัว
และ สังคมชุมชน
เรารอคอยแสงสว่างที่จะนำวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ให้เห็นเส้นทางชีวิตที่เป็นพระประสงค์ในชีวิตของเรา
" เพื่อเราจะสามารถลุกขึ้น แล้วเดินไปบนเส้นทางนั้นด้วยความไว้วางใจในการทรงนำเคียงข้างของพระคริสต์
เพื่อที่จะเรียนรู้จากการก้าวไปตามทางนั้นทีละก้าว ๆ ในแต่ละวัน
" เพื่อเราจะสามารถเลือกและตัดสินใจอย่างถูกต้องตามพระประสงค์ของพระคริสต์ในชีวิตของเรา
ด้วยการดำเนินไปบนเส้นทางชีวิตแห่งพระประสงค์ของพระคริสต์นี้เอง ที่เราจะได้รับการเสริมสร้างใหม่ให้มีชีวิตที่พระคริสต์จะทรงใช้ได้ตามพระประสงค์ของพระองค์
" เพื่อเราจะลุกขึ้นและส่องสว่างแสงแห่งความรักเมตตา
และ แสงแห่งชีวิตของพระคริสต์แก่ผู้คนในสังคมโลกปัจจุบันที่เราอยู่ร่วมด้วย ที่ตกอยู่ท่ามกลางความสับสน
ว้าวุ่น สิ้นหวัง หมดกำลัง ที่ตกอยู่ในสภาพที่เราไม่สามารถที่จะพึ่งตนเอง ในสถานการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้
เรารอคอยพระคริสต์ที่จะนำเราให้ลุกขึ้นเป็นแสงสว่างของพระองค์
เพื่อทุกคนที่อยู่ร่วมกับเราจะสามารถเห็นและเดินไปตามเส้นทางที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ ที่เราจะออกจากสภาวะชีวิตที่สิ้นหวังดังกล่าว
แล้วเราจะรอคอยอย่างไร?
หลายท่านไม่ชอบการรอคอย
เพราะมักมีจินตภาพว่า การรอคอยคือการอยู่นิ่ง ๆ เป็นพฤติกรรมเชิงรับ น่าเบื่อ
อดรนทนลำบาก เพราะเราอยู่ในสภาพชีวิตจริงที่จะต้องตัดสินใจเลือก
ที่จะต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง จะให้อยู่เฉย ๆ ได้อย่างไรกัน?
แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด
นั่นเป็นจินตภาพที่คลาดเคลื่อนจากความจริงในพระคริสต์!
การรอคอยของคริสตชนในเทศกาลการรอคอยการบังเกิดชีวิตพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของเราเป็นการรอคอยเชิงรุก การรอคอยที่เป็นการขับเคลื่อนชีวิต
การรอคอยที่ต้องเปิดพื้นที่ชีวิตให้พระคริสต์เสริมสร้างเปลี่ยนแปลงให้เป็นชีวิตใหม่ที่พระองค์จะใช้ตามพระประสงค์ได้
เป็นการรอคอยที่ต้อง “ลงมือทำ” เพื่อเราจะมีประสบการณ์ เพื่อเราจะเกิดการเรียนรู้ และนำสู่การกลับใจและการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่จากพระคริสต์
ดังนั้น การรอคอยในเทศกาลนี้จึงมิใช่การเพิ่มเวลา
“นั่งบ่นภาวนาในมุมมืด”
เพื่อมิให้ใครเห็นที่จะมารบกวนเรา แต่การรอคอยในเทศกาลนี้ด้วยการมีชีวิตที่เคลื่อนไปตามเส้นทางชีวิตแบบพระคริสต์ ด้วยการทรงนำของพระองค์ และด้วยพลังชีวิตที่หนุนเสริมจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อพร้อมรับชีวิตพระคริสต์ที่จะเริ่มเติบโตในชีวิตประจำวันของเรา
หรือ เพื่อทารกเยซูจะเติบโตเป็นเด็กน้อย เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่แบบพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนต่อไป
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น