ตลอดเรื่องราวและคำสอนในพระคัมภีร์เราพบว่า
พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างให้มีความรับผิดชอบสานต่อพระราชกิจของพระองค์ในรูปแบบต่าง
ๆ หรือ เราอาจจะเรียกในภาษาปัจจุบันว่า
พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ที่ทรงสร้างให้เป็น “ผู้นำ” ในบริบทและรูปแบบต่าง ๆ
พระเจ้าทรงเรียกทุกคนให้เป็นผู้นำที่รับใช้พระองค์ท่ามกลางสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
แล้วพระเจ้าตรัสว่า
“ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา
ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน
ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด
และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด” (ปฐมกาล 1:26 มตฐ.)
พระเจ้าทรงเป็น
“ผู้นำที่ดีเยี่ยมยอดที่สุด” และพระองค์ทรงเรียกผู้ที่เชื่อและศรัทธาในพระองค์ให้เป็น
“ผู้นำที่ดี” ตามอย่างพระองค์ท่ามกลางสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง แท้จริงแล้ว พระเจ้ามีทางเลือกและวิธีการอื่น ๆ
ในการเสริมสร้างผู้ที่จะรับผิดชอบและสานต่อพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำไว้ แต่พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า
พระเจ้าทรงเลือกที่จะเสริมสร้างมนุษย์ให้มีความรับผิดชอบ และ
สานต่องานทรงสร้างของพระองค์ต่อจากพระองค์
ด้วยการระบายลมปราณแห่งชีวิตและพระวิญญาณของพระองค์เข้าในชีวิตมนุษย์ ทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาทั้งลักษณะและศักยภาพอย่างพระองค์ใส่ในชีวิตของมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง
และให้มนุษย์สามารถติดต่อสัมพันธ์สื่อสารกับพระองค์และติดตามพระองค์
ยิ่งกว่านั้น สิ่งเหล่านี้พระเจ้ามิได้
“บีบบังคับ” ให้มนุษย์ต้องเป็นอย่างที่พระเจ้ามีพระประสงค์ พระเจ้าให้มนุษย์มีโอกาสที่จะเลือก และ
ตัดสินใจด้วยตนเอง
มนุษย์จึงสามารถที่จะตัดสินใจว่า จะเลือกเป็น “ผู้นำ” ตามพระประสงค์ของพระเจ้า หรือ จะเป็น “ผู้นำ” ตามใจปรารถนาของตนเอง หรือเลือกที่จะเป็น “ผู้นำที่เป็นคู่แข่ง หรือ เป็นผู้นำที่สนองตอบพระประสงค์”
ของพระเจ้า
แต่เมื่อมนุษย์ตัดสินใจที่จะเป็น “ผู้นำที่เป็นคู่แข่ง
และ คู่ขัดพระประสงค์พระเจ้า” ด้วยเหตุนี้
สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างจึงได้รับความเสียหาย เกิดความเลวร้าย ถูกทำร้ายทำลาย ในสถานการณ์เช่นนี้พระเจ้าย่อมมีสิทธิที่จะมีแผนการใหม่ของพระองค์
แผนการการกอบกู้สรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างที่ไม่จำเป็นที่จะมีมนุษย์ต่อไป แต่ในแผนการใหม่แห่งการกอบกู้ของพระองค์ก็ยังมี
“มนุษย์” ที่ทำตัวเป็น “คู่แข่ง และ คู่ขัด” ของพระองค์ร่วมอยู่ด้วย และพระเจ้ายังให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างยัง
“มีอำนาจเหนือ และ ครอบครอง” สรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง (ดู ปฐมกาล 1:28)
พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง
เป็นกระบวนการทำงานของพระเจ้าที่เกิดขึ้นอย่างตลอดต่อเนื่องทั้งพระคัมภีร์ เมื่อพระเจ้าตัดสินใจเลือกชนเผ่าที่จะเป็นประชาชาติของพระองค์
พระองค์มิได้ทรงเรียกฝูงชนทั้งชนเผ่าดังกล่าว แต่พระองค์ทรงเรียก “ผู้นำ” คนหนึ่ง
คืออับราฮัม ที่จะนำและสร้างชนชาติของพระองค์
และเมื่อพระเจ้าต้องการที่จะช่วยกู้ชนเผ่าอิสราเอลออกจากการเป็นทางทาสในประเทศอียิปต์
พระองค์มิได้นำประชากรชนเผ่าอิสราเอลทั้งหมดเอง แต่พระเจ้าทรงเรียกโมเสสให้เป็นผู้นำคนในชนเผ่าอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์
และเมื่อประชาชนคนชนเผ่าอิสราเอลจะข้ามแม่น้ำเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา
ประชาชนอิสราเอลติดตามการนำของโยชูวาที่พระเจ้าทรงเรียกและเลือก
ทุกครั้งเมื่อพระเจ้าประสงค์ในการทำการใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกคนที่จะพระองค์จะทรงใช้ให้เป็น
“ผู้นำ” ในงานใหญ่นั้น
วันนี้พระเจ้าทรงเรียกท่านให้เป็นผู้นำในงานที่พระองค์ประสงค์จะให้ท่านรับผิดชอบ
และ สานต่อพระราชกิจของพระองค์ ซึ่งมีทั้งงานใหญ่
หรือ งานเล็กในสายตาของแต่ละคน
แต่ทุกงานเป็นงานที่สำคัญในสายพระเนตรของพระเจ้า
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น