ถ้ามีคนมาบอกให้เราเลือกที่จะอยู่ในความทุกข์ เราคงไม่เลือกที่จะเอาความทุกข์ยาก คนเรามักหลบหลีกจากความทุกข์ยากมากกว่า แต่ถ้ามีผู้ที่มาบอกเราให้เลือกเอาชีวิตที่ต้องพบกับความทุกข์แล้วชี้ให้เราเห็นว่า
เส้นทางแห่งความทุกข์สายนี้ในที่สุดจะพาเราไปถึงชีวิตที่มีความชื่นชมยินดีตลอดไปล่ะ ท่านจะตอบสนองอย่างไร?
โมเสสเลือกที่จะยอมเสียหน้า
อับอาย สูญเสียตำแหน่งความยิ่งใหญ่
และสมบัติมากมายในอียิปต์
ในฐานะที่เขาเป็นหลานบุญธรรมของฟาโรห์แห่งอียิปต๋ เขายอมที่ต้องตกเป็นกบฏต่อราชบัลลังก์ ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งอียิปต์ ยอมที่ต้องหนีเตลิดเอาชีวิตรอดออกจากอียิปต์
(ฮีบรู 11:25-26)
โมเสสเลือกที่ต้องไปทนทุกข์และเผชิญความตายในทะเลทราย
เพื่อหาโอกาสที่จะกลับมากอบกู้ประชากรของพระเจ้าให้ออกจากการเป็นทาสในอียิปต์
ท่าน(โมเสส)เลือกการร่วมทุกข์กับประชากรของพระเจ้าแทนการเริงสำราญชั่วคราวในบาป ท่าน(โมเสส)ถือว่าความอับอายขายหน้าเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าล้ำค่ากว่าสมบัติทั้งหลายของอียิปต์
เพราะท่านเพ่งดูที่ผลที่จะได้รับนั้น (ฮีบรู 11:25-26
สมช.)
โมเสสยอมรับการสูญเสียตำแหน่ง ความยิ่งใหญ่
ลาภ ยศ สรรเสริญ ความมั่นคงในชีวิต
การเป็นผู้พ่ายแพ้ในสายตาของสังคม และความทุกข์เสี่ยงต่อความตายในทะเลทราย
เพราะเขาเห็นถึงเป้าหมายปลายทางของการทรงเรียกที่พระเจ้ามีในชีวิตของเขา
หรือ ผลที่ได้จากความเชื่อฟังที่ต้องทนทุกข์และเจ็บปวดคือ ประชากรของพระเจ้าได้รับการทรงช่วยกู้ให้หลุดรอดออกจากการเป็นทาสในอียิปต์
เพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา
และในที่สุดพระเจ้าทรงได้รับการยกย่องและเกียรติจากพระสัญญาดังกล่าว
ผู้คนที่พระเจ้าทรงเรียกไม่จำเป็นเป็นผู้ชนะ
หรือ ผู้แพ้เสมอไป เพราะพระเจ้าไม่ได้เรียกเราด้วยชัยชนะ
หรือ พ่ายแพ้!
แต่พระเจ้าทรงเรียกเราให้เชื่อฟังพระองค์ในการดำเนินชีวิตท่ามกลางความทุกข์ยากลำบาก
โดยให้เรายอมที่จะเดินไปบนเส้นทางชีวิตแห่งความทุกข์ด้วยความสัตย์ซื่อและจงรักภักดีต่อพระองค์ เพื่อกระทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากการทรงเรียก ในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องตามพระประสงค์ ด้วยความอดทนสูงสุดในการทนทุกข์ยากและความเจ็บปวดที่ได้รับในชีวิต
ทั้งนี้เพื่อ
เสริมสร้างเราแต่ละคนให้มีความเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไขเฉกเช่นพระคริสต์
เพื่อกระทำตามพระสัญญาให้เป็นที่พอพระทัยสูงสุดของพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะได้รับการยกย่องและเกียรติสูงสุดจากพวกเราที่เชื่อฟังในพระองค์
สำหรับคริสตชนแล้ว
“ความสุขและความชื่นชมยินดี” มิใช่สิ่งตรงกันข้ามกับ “ความทุกข์ยากลำบาก” การได้มาซึ่งความสุขของคริสตชนคือการที่คริสตชนตัดสินใจ
“เลือก” ที่จะเดินเข้าเผชิญหน้ากับความทุกข์
ด้วยตระหนักรู้ชัดและเชื่ออย่างมั่นคงว่า
พระเจ้าทรงเรียกเราให้รับมือกับความทุกข์นั้นอย่างมีพระประสงค์ปลายทางอย่างชัดเจน พร้อมกับพระสัญญาที่จะทรงชี้นำ
ทรงเป็นกำลังทุกด้าน
และเคียงข้างเราในการกระทำตามการทรงเรียกนั้นจนสำเร็จตามที่พระองค์ประสงค์ และในที่สุดผลที่เกิดขึ้นคือ
“พระเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือความเลวร้ายของความทุกข์ดังกล่าว”
รางวัลที่ได้จากการทนทุกข์มีมากกว่า
ความภูมิใจ ความพอใจ ความสำเร็จของตนเอง มิใช่โมเสสเป็นผู้ได้รับรางวัล
แต่ประชาชาติอิสระได้หลุดรอดออกจากการเป็นทาสในอียิปต์อย่างสิ้นเชิง
แม้ต่อมาฟาโรห์ยกกองทัพติดตามไล่ล่าแรงงานทาสยิวให้กลับไปรับใช้พวกเขาอย่างเดิมก็ต้องประสบกับความปราชัย!
ที่ชายฝั่งทะเลแดง
พระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากทั้งชนอิสราเอล
และ ประเทศชาติทั้งหลายที่ได้ยินและรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ที่นั้น มิใช่โมเสสมีความเชื่อและไว้วางใจมากขึ้นเท่านั้น แต่ประชาชาติอิสราเอลรุ่นใหม่ได้เรียนรู้จักพระเจ้าที่บรรพบุรุษของเขาเชื่อและวางใจชัดเจนยิ่งขึ้น
เพราะจากเหตุการณ์ครั้งนี้เขาพูดได้อย่างเต็มปากว่า “พระเจ้ายิ่งใหญ่” เพราะพวกเขาได้ประสบ พบเห็น ด้วยชีวิตของเขาเอง
นี่คือ
“มุมมอง” และ “ความเข้าใจ” ของคริสตชนในเรื่องความทุกข์เจ็บปวดในชีวิต
นี่คือ
“เส้นทาง”
และแนวทางในการรับมือกับความทุกข์ลักษณะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราแต่ละคน
นี่คือ
“เป้าหมาย” ของความทุกข์สำหรับคริสตชน
“เส้นทางของการเผชิญหน้ากับความทุกข์” แบบคริสตชน
เป้าหมายปลายทางคือทำให้เกิดความชื่นชมยินดีในชีวิตทั้งชุมชน
และที่สำคัญยิ่งคือเพื่อเป็นที่ยกย่องและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าของเรา
วันนี้
ท่านจะรับมืออย่างไรกับความทุกข์ยากลำบากที่มีในชีวิตของท่าน?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น