เราคงเคยพบคนแบบนี้มาแล้ว คริสตชนเหล่านี้ดูไม่มีความเร่งด่วนอะไรในชีวิต
อีกทั้งไม่สนใจที่จะระแวดระวังในการดำเนินชีวิตประจำวัน เวลาฟังอะไรก็ดูเหมือนฟังผ่าน ๆ ไป ไม่ใส่ใจ มิได้มุ่งมองไปที่พระคริสต์ในการดำเนินชีวิตในทุกสถานการณ์ ผลที่เกิดขึ้นกับคริสตชนคนแบบนี้คือ
ชีวิตมิได้มีจุดยืนจุดเชื่อที่มั่นคง
ชีวิตของเขามักเลื่อนลอยลื่นไถลไปตามกระแสสังคมรอบตัวเขา
ประเด็นที่น่าสนใจคือ “เขาไม่มีจุดยืนจุดเชื่อที่มั่นคง”
เขามิได้ตระหนักว่า การดำเนินชีวิตในสังคมโลกปัจจุบันนี้มิใช่เป็นเหมือนน้ำในสระน้ำ
หรือ ทะเลสาบ ที่ดูนิ่งสงบ
แต่ชีวิตในสังคมโลกปัจจุบันเป็นเหมือนแม่น้ำใหญ่ที่ไหลเชี่ยวกราด
เป็นเหมือนทะเลที่บ้าคลั่งที่มีคลื่นใหญ่น้อยที่ซัดเข้าชายฝั่งอย่างรุนแรง ถ้าชีวิตไม่มีจุดยืนจุดเชื่อที่มั่นคงก็จะถูกซัดกระหน่ำให้ล้มคว่ำจมลงก้นทะเล และ
ถ้าในชีวิตประจำวันของเรามิได้ฟังพระคริสต์อย่างจริงจังตั้งใจ ถ้าสายตาของเรามิได้มุ่งจ้องมองจริงจังที่พระคริสต์ในทุกนาทีชั่วโมงของชีวิต ชีวิตจะถดถอย แล้วจะถูกกระแสคลื่นซัดสาดให้ชีวิตต้อง
“หลุดลอย” “ไหลลื่น” ไปตามแรงที่ซัดสาดนั้น
ชีวิตของเราก็จะออกห่างจากพระคริสต์มากขึ้นทุกทีทุกขณะ
ชีวิตคริสตชนที่ “เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ”
เป็นชีวิตที่อันตราย
ชีวิตที่กำลังเข้าใกล้ความตายที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัว แล้วเราจะเยียวยารักษาชีวิตที่ “เรื่อย ๆ มาเรียง
ๆ ” ได้อย่างไร? ฮีบรู
2:1 บอกกับเราว่า “เหตุฉะนั้นเราต้องเอาใจใส่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟังให้มากยิ่งขึ้นเพื่อเราจะไม่เตลิดไป”
(อมธ.) กล่าวคือ
เราต้องใส่ใจพระวจนะ คำสอนของพระคริสต์
ที่เราได้ฟังได้อ่านมาแล้ว เพ่งมองไปที่แบบอย่างชีวิตของพระคริสต์และคำสอนของพระองค์
ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่เรามีชีวิตที่ไหลลื่นล่องลอยไปตามกระแสโลกมิใช่เพราะเราไม่มีทักษะที่ดีในการ
“แหวกว่าย” ในสถานการณ์ชีวิตและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนี้ แต่ที่สำคัญคือ เราตัดสินใจ “ปล่อย”
ให้ชีวิตของเราว่ายตามกระแสสังคมและวัฒนธรรมปัจจุบัน เราตัดสินใจไม่ว่ายทวนกระแสน้ำแห่งสังคม
มันอยู่ที่เราตัดสินใจ ไม่ได้อยู่ที่ความยากง่ายหรือทักษะการว่ายทวนกระแสสังคมและวัฒนธรรม
และแย่กว่านั้นคือ
บ่อยครั้งที่เราปรารถนาที่และเต็มใจที่จะปล่อยให้ชีวิตของเราล่องลอยไปตามกระแสสังคมและวัฒนธรรมปัจจุบัน
ที่สำคัญคือ
การที่เรายอมปล่อยตนเองให้ล่องลอยไปตามกระแสชีวิตสังคมโลก เพราะลึก ๆ แล้วมันมาจากความปรารถนาที่เราหลอกลวงตนเองต่างหาก
วันนี้เราเริ่มต้นใหม่ได้ครับ ให้ตาของเรามุ่งมองไปที่พระคริสต์ ให้หูของเราเปิดกว้างฟังเสียงของพระองค์ ว่าในสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญในวันนี้พระคริสต์ต้องการให้มุ่งไปทิศทางไหน จากนั้นให้เราพึ่งพาพระกำลังของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ประทานแก่เรา
เพราะการว่ายทวนกระแสสังคมและวัฒนธรรมของโลกปัจจุบัน
เป็น “สงครามชีวิต” ของพระคริสต์กับอำนาจแห่งความชั่วร้าย มิใช่สงครามระหว่างเรากับอำนาจแห่งความชั่วร้าย ดังนั้น เราต้องพึ่งในพระกำลังจากพระเจ้า เพราะเราเป็นเพียงผู้หนึ่งที่ร่วมงานใน
“กองทัพ” ของพระองค์ครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น