ใคร ๆ ก็มีชีวิตที่เครียดและบีบคั้นกันทั้งนั้น?
แล้วแต่ละคนมีแนวทาง
วิธีการจัดการรับมืออย่างไรกับความเครียดบีบคั้นของเขา?
ท่านเคยมีความรู้สึกว่า
“ท่านต้องแบกโลกทั้งใบนี้ในชีวิตของท่าน” หรือไม่?
สิ่งใดที่ท่านต้องรับผิดชอบ ต้องใช้เวลามากกว่า
“เวลา” ที่ท่านมีอยู่?
รายจ่ายของท่านมีมากกว่าเงินทั้งหมดที่ท่านมีอยู่หรือไม่?
คนรอบข้างแต่ละคนต้องการจากท่านคนละเล็กละน้อย
...แต่รวมกันแล้วมันหนักเกินกว่าที่ท่านจะตอบสนองได้หรือเปล่า?
ท่านไม่เหลืออะไรอีกแล้วที่จะให้แก่ใครอีกใช่ไหม?
ท่านเคยรู้สึกว่าชีวิตต้องแบกรับเอาภาระหนักอึ้งเกินกำลังที่ท่านมีอยู่หรือไม่?
ท่านครับ... ท่านไม่ได้ตกในสภาพชีวิตเช่นนี้โดดเดี่ยวคนเดียวครับ!
แต่ในความเป็นจริง
มีผู้หนึ่งที่ต้องแบกรับเอาภาระทั้งโลกไว้บนบ่าแห่งชีวิตของเขา
คน ๆ นั้นคือ
พระเยซูคริสต์ที่มากระทำเช่นนั้นบนโลกใบนี้
...พระองค์เข้ามาในสังคมโลกนี้เพื่อรับเอาภาระความหนักอึ้งทั้งหมดของทุกคนไว้
พระคัมภีร์บอกเราว่า...
“พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเราทั้งหลาย
และไม่ใช่เพียงบาปของเราเท่านั้นแต่บาปของคนทั้งโลกด้วย
(1ยอห์น 2:2 อมธ.)
หรือแปลความหมายได้อีกว่า:...
...พระองค์ผู้ทรงหันพระพิโรธของพระเจ้าไป ผู้ทรงรับบาปของเราไป (อมธ.เชิงอรรถ)
ไม่มีใครที่แบกรับเอาความเครียด
ความบีบคั้นในชีวิตมากไปกว่าพระคริสต์!
เมื่อพระองค์ถูกตรึงบนกางเขน...
พระองค์มิเพียงแต่การแบกรับเอาความหนักอึ้งของความบาปผิดของทั้งสังคมโลกใบนี้บนกางเขนเท่านั้น
แต่ในชีวิตแต่ละวันพระองค์ก็ต้องพบกับการเรียกร้องต้องการจากผู้คนตลอดชีวิตของพระองค์
ผู้คนต้องการพบพระองค์ และ
รับการเยียวยารักษาจากพระองค์เสมอ
พระองค์เกือบจะไม่มีเวลาที่เป็นส่วนตัวของพระองค์เอง
บ้างก็พยายามที่จะมาหลอกล่อจับผิดพระองค์
และบ้างก็แสวงหาโอกาสที่จะฆ่าพระองค์เสีย
แต่พระองค์รู้ว่าพระองค์จะรับมือกับความเครียด
และ สิ่งบีบคั้นในชีวิตอย่างไร
พระองค์มีวิธีสร้างสมดุลชีวิตที่น่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อในชีวิตประจำวันของพระองค์
พระองค์ทรงรับมือกับภาวะกดดันเหล่านั้นด้วย
“ศานติสุข”
นี่คือสิ่งที่คนทั้งหลายต้องการ แล้วท่านต้องการสิ่งนี้หรือไม่?
ริก วอร์เรน
ได้สรุปการเรียนรู้ของท่านจากการศึกษาพระคัมภีร์
และได้พบกระบวนการรับมือจัดการกับความเครียดบีบคั้นของพระเยซูคริสต์ 7 ประการ ที่พระองค์ได้ใช้ตลอดการดำเนินชีวิตในสังคมโลกนี้ ดังนี้
1. ความชัดเจน: พระเยซูมีความชัดเจนว่าพระองค์คือใคร?
2. แรงจูงใจ: พระเยซูรู้ว่า ที่พระองค์มาและมีชีวิตในโลกนี้เพื่ออะไร?
3. การทรงเรียก: พระเยซูรู้และมั่นใจการทรงเรียกในชีวิตของตนอย่างชัดเจน
4. มุ่งมั่นตั้งใจ: พระเยซูรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของพระองค์
5. จิตสงบภาวนา: พระเยซูใส่ใจฟังเสียงจากพระเจ้า
6. กลุ่มหนุนเสริมกันและกัน: พระเยซูมีกลุ่มคนเล็ก
ๆ เป็นกลุ่มเรียนรู้และหนุนเสริมกันและกัน
7. เพิ่มพลังชีวิต: พระเยซูจัดสรรเวลาสำหรับการเพิ่มพลังใหม่ในชีวิตประจำวัน
บุคลิกลักษณะ 7 ประการของพระเยซูคริสต์ดังกล่าว
จะช่วยเสริมหนุนปั้นแต่งชีวิตประจำวันของเราได้ด้วย และถ้าท่านรับและมีคุณลักษณะบุคลิก 7 ประการตามแบบพระเยซู ดังกล่าวข้างต้น
ท่านจะพบและเห็นว่า “มิเตอร์วัดความเครียดบีบคั้น”
ในชีวิตประจำวันของท่านจะมีอัตราลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
วันนี้ ขอท่านจัดสรรเวลาที่จะสงบอยู่กับพระเจ้าสองต่อสอง แล้วสำรวจ ใคร่ครวญดูว่า
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ท่านเกิดความเครียดและการบีบคั้นในชีวิตประจำวันของท่านมากที่สุด? แล้วกลับมาทบทวน พิจารณาว่า คุณลักษณะบุคลิกแบบพระเยซูคริสต์ใดบ้าง
ที่จะช่วยท่านในการรับมือกับความเครียดบีบคั้นดังกล่าวของท่าน? และ
ตลอดวันนี้ เมื่อมีเวลาหรือคิดถึงเรื่องนี้เมื่อใด ให้ท่านทูลขอการทรงชี้นำทางจากพระองค์สำหรับชีวิตของท่าน
ที่จะรับมือและจัดการกับความเครียดบีบคั้นในชีวิตของท่านด้วยแนวทางที่เรียนรู้จากพระเยซูคริสต์
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น