ใคร ๆ ที่เป็นคริสตชน
ก็มักบอกว่า ตนมีชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ ตนเป็นสาวกของพระคริสต์
เมื่อกล่าวถึงการติดตามพระคริสต์ เราสามารถติดตามในหลายลักษณะด้วยกัน
แต่มีเส้นทางติดตามพระคริสต์ “สามเส้นทาง” ที่คริสตชนทุกคนจะต้อง
“ร่วมเดินไปกับพระองค์” อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ...
(1)
ร่วมในการทนทุกข์กับพระองค์
หลายต่อหลายคนบอกว่าต้องการมีส่วนร่วมในพันธกิจแห่งความรักของพระคริสต์
แต่เราตระหนักรู้ชัดหรือไม่ว่าการมีส่วนร่วมในพันธกิจแห่งความรักเมตตาของพระคริสต์นั้นเป็นอย่างไร? และการเข้ามีส่วนร่วมในพันธกิจดังกล่าวเป็นจุดประสงค์ของการเป็นสาวกพระคริสต์
เปาโล บอกเราว่า
“จงชื่นชมยินดีที่ได้ร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์
เพื่อท่านจะได้ชื่นชมยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อพระเกียรติสิริของพระองค์ปรากฏ” (1เปโตร
4:13 อมธ.)
เปาโลกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
“เพราะการทนทุกข์ของพระคริสต์หลั่งล้นเข้ามาในชีวิตของเราฉันใด
การปลอบประโลมใจของเราก็ท่วมท้นโดยทางพระคริสต์ฉันนั้น” (2โครินธ์ 1:5 อมธ.)
ทั้งนี้
“เพราะข้าพเจ้าต้องการรู้จักพระคริสต์และมีประสบการณ์ในฤทธิ์อำนาจแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์และร่วมสามัคคีธรรมในการทนทุกข์ของพระองค์
เป็นเหมือนพระองค์ในการสิ้นพระชนม์” (ฟิลิปปี 3:10 อมธ.)
และที่ว่านี้คือความหมายของมีชีวิตที่ติดตามพระคริสต์
(2)
ร่วมในการถูกข่มเหงของพระองค์
เมื่อผู้คนเกลียดท่านเพราะท่านติดตามและมีชีวิตแบบพระเยซูคริสต์
นั่นเป็นตัวบ่งชี้ว่า ท่านกำลังมีชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์ เพราะพระองค์กล่าวว่า
ถ้าโลกนี้เกลียดชังพวกท่าน ก็จงรู้ว่าโลกเกลียดชังเราก่อน” (ยอห์น 15:18 มตฐ.)
“คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา” (มัทธิว 10:22 มตฐ.)
พระเยซูเตือนความจำเราว่า จงระลึกถึงคำที่เรากล่าวกับพวกท่านแล้วว่า
‘บ่าวไม่ได้เป็นใหญ่กว่านาย’ ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงพวกท่านด้วย
ถ้าเขาปฏิบัติตามคำของเรา พวกเขาก็จะปฏิบัติตามคำของพวกท่านด้วย” (ยอห์น 15:20
มตฐ.) และนี่คือสาวกที่เดินตาม “รอยพระบาทพระคริสต์” ตัวจริง
(3)
สานต่อพระราชกิจของพระองค์
เรารู้ว่า
พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกนี้เพื่อที่จะให้ชีวิตของพระองค์เพื่อเป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก
(มาระโก 10:45) และพระคริสต์กล่าวไว้อีกว่า
“เพราะว่าบุตรมนุษย์มาเพื่อจะแสวงหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด” (ลูกา 19:10
มตฐ.)
และนี่คือพระราชกิจและพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์ที่เป็นพันธกิจและพระประสงค์ที่เราแต่ละคนต้องกระทำคือ
“เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา
จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ
เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มัทธิว 28:19-20 มตฐ.)
นี่เป็นพระบัญชาของพระคริสต์ที่สาวกตัวจริงของพระองค์แต่ละคนไม่มีทางเลี่ยงได้
ถ้าใครคิดจะติดตามเป็นสาวกพระคริสต์ ก็ต้องกระทำตามที่พระองค์บัญชาไว้
แต่ละคนต้องตัดสินใจ
ทั้งนี้มีประเด็นปลีกย่อยอื่น
ๆ อีกของการติดตามในฐานะสาวกพระคริสต์
แต่ทั้งสามเส้นทางในการติดตามเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ที่กล่าวข้างต้นนี้
เป็นเส้นทางการเป็นสาวกพระคริสต์ที่ไม่มีทางเลี่ยงได้
ที่สาวกพระคริสต์ทุกคนจะต้องร่วมในชีวิตที่ทนทุกข์ ร่วมในชีวิตที่ถูกข่มเหงและเกลียดชังเพราะการมีชีวิตแบบพระคริสต์
และ ร่วมในการสานต่อพระราชกิจที่พระคริสต์ได้เริ่มไว้แล้วนั้น
อันเป็นพระบัญชาที่ไม่มีสาวกคนไหนจะเลี่ยงหลีกได้
และก็ไม่มีแผนสำรองสำหรับการติดตามเป็นสาวกของพระคริสต์นอกจากเราจะต้องทำในสิ่งที่พระองค์ได้กระทำมาแล้ว
และนั่นหมายความว่า
เราจะต้องก้าวออกจากมุมสะดวกสบายและคุ้นชินในชีวิตประจำวันของเรา
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น