เมื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง
สิ่งแรกประการหลักคือ เราควรหันหน้าหาพระเจ้า บ่อยครั้งเราจะหันหน้าหาพระเจ้าเป็นรายการสุดท้ายเมื่อเราไม่สามารถที่จะทำอะไรด้วยตนเองแล้ว?
1. ข้าแต่พระเจ้า...ข้าพระองค์เป็นเหตุแห่งความขัดแย้งอย่างไรบ้าง?
ให้เราทูลถามพระเจ้าถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
และเราอาจจะหาข้อยุติและหยุดความขัดแย้งได้
“ท่านทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน พวกท่านโลภแต่ไม่ได้
ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ” (ยากอบ 4:2 มตฐ.) บางครั้ง
ความขัดแย้งอาจจะเกิดขึ้นเพราะท่านต้องการควบคุมสถานการณ์ในการทำพันธกิจ แต่พระเจ้าบอกกับท่านว่า
“ให้เราเป็นผู้ควบคุมเถิด” หรือ
อาจจะเป็นเพราะว่าท่านต้องการการยืนยันและท่านคาดหวังการยืนยันนั้นจากใครบางคน แต่ไม่ใช่การยืนยันจากจากพระเจ้า
ตำแหน่ง
ในการทำพันธกิจของท่านไม่เคยเป็นคำตอบสำหรับท่านได้ แต่พระเจ้าต่างหากมิใช่หรือที่จะเป็นคำตอบที่แท้จริงสำหรับท่าน
ไม่สำคัญว่าท่านได้ให้ความช่วยเหลือคนอื่นอย่างไรมากน้อยแค่ไหน ไม่สำคัญว่ามีผู้คนได้ยินได้ฟังท่านเทศน์มากน้อยแค่ไหน
หรือท่านได้รับการปลอบใจ ให้กำลังใจมากน้อยแค่ไหน สิ่งเหล่านั้นไม่เคยทำให้ท่านอิ่มอกพอใจ
นอกจากที่ท่านจะได้รับจากพระเจ้าเท่านั้น มิใช่คำเทศนาของท่าน แต่การดำเนินชีวิตตามคำเทศนาของท่านที่สำแดงน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของท่านต่างหาก
เมื่อท่านอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้าในเรื่องความขัดแย้ง
ขอพระองค์ช่วยเปิดเผยให้ท่านเห็นว่า ท่านเองเป็นต้นเหตุ และ
มีส่วนในความขัดแย้งนั้นอย่างไรบ้าง ก่อนที่ท่านเริ่มจะวิพากษ์วิจารณ์ หรือ
กล่าวหาคนอื่นรอบข้าง จัดการกับ “เรื่องในรั้วบ้านชีวิต” ของท่านก่อน ตรวจสอบตนเองอย่างละเอียด
ตัวเราเองมีจุดด่าง จุดบอดอะไรบ้าง หรืออาจจะเป็นคนนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่? อย่างไร? “เหตุใดท่านมองดูผงขี้เลื่อยในตาของพี่น้อง
แต่ไม่ใส่ใจกับไม้ทั้งท่อนในตาของท่านเอง?” (มัทธิว 7:3
มตฐ.)
2. “ความขัดแย้ง” เป็นการกระทำร่วมกัน
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ทั้งในพันธกิจ หรือ การบริหารจัดการองค์กร หรือ คริสตจักรท้องถิ่น ปัญหามิได้เกิดขึ้นเพียงคน
ๆ เดียว แต่เกิดขึ้นร่วมกับคนอื่น ๆ รอบข้างที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าทีมงานพันธกิจของศิษยาภิบาล
หรือ ลิ่วล้อคนของผู้บริหาร หรือแม้แต่บางคนที่คิดที่จะทำดีที่สุดเพื่อไม่ขัดแย้งกับผู้บริหาร
เราต้องตระหนักชัดว่า ความขัดแย้งเป็น “ปัญหาของเรา” ไม่ใช่ “ปัญหาของ(พวก)เขา” พระคัมภีร์บอกแก่เราว่า “ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง
และสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย” (1ยอห์น 1:8 มตฐ.) ศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล ผู้นำคริสตจักรทุกระดับต้องสัตย์ซื่อในเรื่องนี้
ไม่มีใครที่ถูกต้องสมบูรณ์ เราต่างได้กระทำผิดและทำในสิ่งที่โง่เขลา จงยอมรับเถิดว่า
ตนเองก็มีส่วนของสาเหตุในความขัดแย้งนั้นด้วย จงทูลขอการทรงยกโทษจากพระเจ้า และขอโทษคนรอบข้าง และจับมือกันก้าวไปข้างหน้า
3. พระเยซูคริสต์เสียสละชีวิตบนกางเขนเพื่อความขัดแย้งของท่าน
อย่าลืมนะครับว่า พระเยซูคริสต์ตายเพื่อต่อสู้กับความขัดแย้งในงานพันธกิจ
และ งานบริหารของเรา ความมุ่งมั่นที่ท่านเข้าร่วมและสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ร่วมกับผู้ร่วมงานคนอื่น
ๆ จะเป็นพลังที่หยุดความขัดแย้งดังกล่าว
“...เพื่อสร้างให้เป็นคนใหม่คนเดียวกันในพระองค์จากคนสองฝ่ายนั้น ...
และทำให้ทั้งสองฝ่ายคืนดีกับพระเจ้าเป็นกายเดียวโดยทางกางเขน” (เอเฟซัส 2:15-16
มตฐ.) การมีความมุ่งมั่นในพระคริสต์ร่วมกันจะทำให้ท่านมีความปรารถนาและพลังโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแรงกล้า เพื่อจัดการกับความขัดแย้งนั้น
นี่คือย่างก้าวของการรับมือจัดการกับความขัดแย้งของคริสตชน
ให้เราหันหน้ากลับมาหาพระเจ้าขอการทรงชี้นำจากพระองค์
สารภาพความผิดบาป
ให้เราหันหน้ากลับมาหากันและกัน
เลิกการเอาแพ้เอาชนะ หรือ การพิสูจน์ว่าตัวเองถูกต้อง ฝ่ายตรงกันข้ามผิดพลาดมหันต์
ให้เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้าร่วมและสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ร่วมกับผู้ร่วมงานคนอื่น
ๆ รวมทั้งคู่กัดคู่ขัดแย้งของเรา และนี่จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการหยุดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างชะงัก!
เมื่ออธิษฐานแล้ว... การแก้ไขขจัดความขัดแย้งเริ่มต้นการจัดการชีวิตความคิดของตนเองก่อน!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น