อาการชาทางกายภาพที่ใดที่หนึ่ง
เป็นอาการบ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกายส่วนนั้นของเรา
บางครั้งถ้าเราใส่ใจต่อการเกิดอาการชาของร่างกายส่วนนั้นเราก็จะสามารถรักษาแก้ไขได้
ไม่ปล่อยให้ลุกลามจนกลายเป็นอาการที่ร้ายแรง ในเวลาเดียวกัน ในฐานะคริสตชนจะต้องใส่ใจตรวจสอบจริงจังอย่างสม่ำเสมอว่า
ชีวิตด้านจิตวิญญาณของเราส่วนไหนบ้างที่เกิดอาการชาชิน
เพื่อเราจะได้เยียวรักษาแก้ไข “ระบบประสาท” ทางจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับส่วนนั้น ๆ
ความชาชินทางจิตวิญญาณต่อไปนี้
เขียนขึ้นจากประสบการณ์ในชีวิตของผม
และที่ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับเพื่อนพ้องน้องพี่ เมื่อประมวลรวบรวมขึ้นมาแล้วก็น่าตกใจครับ!
1. ชาชินกับผู้คนมากมายที่ไม่รู้จักกับพระคริสต์
คริสตจักรไม่รู้สึกร้อนรู้สึกหนาวกับการที่คนรอบข้างตนจำนวนมากมายที่ไม่มีโอกาสสัมผัสกับความรักเมตตาของพระเยซู
แย่ยิ่งกว่านั้นกลับรู้สึกว่า ไม่สนใจใยดีในชีวิตประจำวันต่อความรอดของเพื่อนบ้าน
2.
ชาชินที่เป็นคริสตจักรบนหอคอยงาช้าง
คริสตจักร
คนในคริสตจักรไม่รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องเข้าถึงผู้คนในชุมชน หรือ เพื่อนบ้านรอบข้าง
การแยกตัวอยู่ต่างหากจากชุมชนกลายเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ของคริสตจักร
3.
ชินชากับกับชีวิตแต่งงานตามกระแสสังคม
สมาชิกคริสตจักร คริสตชนจำนวนมากในปัจจุบันไม่สนใจชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวแบบคริสตชน
ที่จะต้องมีการเข้มแข็งและเติบโตตลอดเวลา
แต่ปัจจุบันสมาชิกคริสตจักรส่วนมากปล่อยให้ชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวไหลไปตามอิทธิพลของกระแสสังคมทันสมัยในปัจจุบัน
4. ชาชินกับการหย่าร้างถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา
เนื่องจากการยอมรับการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้นของวัฒนธรรมตามกระแสสังคมปัจจุบัน
เราจึงลดมาตรฐานการแต่งงานของเรา
เราไม่เสียใจหรือเจ็บปวดที่ต้องหย่าแยกกันในชีวิตสมรส
5.
ชาชินกับการไม่มีการอธิษฐานในครอบครัว
เป็นการง่ายที่จะมีการอธิษฐานในครอบครัวพร้อมหน้าเมื่อลูก
ๆ ยังเล็ก
แต่เมื่อเขาโตเป็นเด็กโตและวัยรุ่นการอธิษฐานในครอบครัวกลับกลายเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ
และในหลายครอบครัวก็สูญหายไปโดยปริยาย
และเราก็ชาชินไม่รู้สึกเช่นไรเลยกับการไม่มีการอธิษฐานร่วมกันในครอบครัว
6.
ชาชินกับกามารมณ์ตามกระแสวัฒนธรรมทันสมัย
คริสตชนเคยเสียใจที่เห็นในหมู่ผู้เชื่อขาดการเติบโตทางด้านเพศและกามารมณ์
แต่ตอนนี้เรากลับเห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องบรรทัดฐานทางความเชื่อเท่านั้น
เราแยกการปฏิบัติเรื่องนี้ออกจากความเชื่ออย่างชัดเจนเด็ดขาด
7. ชาชินกับความขัดแย้งในคริสตจักร
ทั้ง ๆ ที่ศิษยาภิบาล
หรือ ผู้นำคริสตจักรเห็นแล้วว่า
คริสตจักรกำลังก่อตัวขึ้นความขัดแย้งต่อสู้กันขึ้นในคริสตจักร
แต่พวกเขากลับไม่ทำอะไร รอให้ความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นอย่างชัดเจน
8.
ชาชินกับการนมัสการที่เป็นเพียงพิธีกรรม
ตอนนี้การนมัสการพระเจ้าถูกลดทอนคุณค่าลงมาเป็นการประกอบพิธี
หรือไม่ก็กลายเป็นการกระทำเป็นกิจวัตรอย่างคุ้นชิน -
ในการนมัสการไม่ใช่โอกาสที่ผู้เข้าร่วมนมัสการพระเจ้าเผชิญหน้ากับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
เรานมัสการพระเจ้าอย่างชาชินเป็นกิจกรรมธรรมดากิจกรรมหนึ่งทางคริสต์ศาสนา
9.
ชาชินกับการถวายเป็นพิธี
การถวายกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา
หลายคนถวายเพื่อหวังผล เรามักถวาย “เป็นพิธี”
แต่เราไม่ค่อยท้าทายตัวเองที่จะถวายอย่างสุดกำลัง
เราไม่เสียสละจนถึงจุดที่รู้สึกเจ็บ หรือ เสี่ยง
10.
ชาชินกับการทำความบาปส่วนตัว
เมื่อก่อน คริสตชนถ้าตนได้กระทำบาปจะรู้สึกผิดและเจ็บปวดในชีวิต
ผู้เชื่อแต่ละคนจะต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าตนดำเนินชีวิตประจำวันไปอย่างบริสุทธิ์
แต่ผู้เชื่อในปัจจุบันมักไม่ใส่ใจตรวจสอบการดำเนินชีวิตของตนเอง
ชาชินกับชีวิตที่ดำเนินไป แต่โมเม สรุปว่า “ที่ผ่านมามันก็ไม่ได้เลวร้ายมากมายอะไร”
เมื่อเรามีโอกาสประเมินชีวิตคริสตชนของตนเองอย่างจริงใจในด้านต่าง
ๆ ข้างต้น มีส่วนใดบ้างไหมในชีวิตของท่านที่เกิดอาการชาชิน? แล้วเราจะทำอย่างไรดีในชีวิต และ คริสตจักรของเรา?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com;
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น