30 เมษายน 2562

การเมืองบนรากฐาน “พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์” (เชิงปฏิบัติ)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนในประเทศซูดานใต้ (South Sudan) ซึ่งเป็นประเทศใหม่อายุไม่เกิน 10 ปี  ประชากรส่วนใหญ่เลื่อมใสศรัทธาในคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก   ทับทิม พญาไท ได้เขียนในบทความของท่าน “ว่าด้วยการเมืองกับ “ธรรมะ” ลงเผยแพร่ใน ผู้จัดการออนไลน์ ว่า...

“...องค์พระประมุขแห่งศาสนาคริสตจักรคาทอลิก พระสันตะปาปา “ฟรานซิส” ท่านได้ประพฤติ ปฏิบัติเอาไว้เมื่อไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์มานี้ และก่อให้เกิดความฮือฮามิใช่น้อยต่อสายตาชาวโลก นั่นก็คือการที่พระองค์ได้ทรุดตัวลง “จูบฝ่าเท้า” บรรดาผู้นำทางการเมือง 5 รายจากประเทศซูดานใต้ (South Sudan) ที่เพิ่งได้รับเอกราชมาเมื่อไม่ถึง 10 ปีที่แล้ว แต่ดันต้องหันมากัดกัน ฟัดกัน ตามแบบฉบับ“นักการเมือง” ทั้งหลาย ชนิดผู้คนล้มตายกันไปแล้วนับเป็นแสน ๆ คน ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่อีกนับล้าน...”

“...องค์ประมุขชาวคริสต์นิกายคาทอลิกอันเป็นศาสนาที่บรรดาชาวซูดานใต้ส่วนใหญ่ให้ความเคารพ ศรัทธา ตัดสินใจทรุดพระองค์ลงไปจูบฝ่าเท้า ฝ่าตีน ผู้นำทางการเมือง 5 ราย แม้ว่าไขข้อของพระองค์จะไม่ค่อยดี ต้องมีคนมาช่วยประคับประคอง ให้ก้มลงไปถึงฝ่าเท้า ฝ่าตีนของผู้นำในแต่ละราย ไล่มาตั้งแต่ประธานาธิบดี ผู้นำกบฏ ไปจนถึงรองประธานาธิบดีอีก 3 ราย เพื่อวิงวอนขอให้ช่วยธำรงรักษา “สันติภาพ” ในซูดานใต้ หลังจากผู้คนเดือดร้อนกันมาเยอะแล้ว...”

เราชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้แล้ว คิดและรู้สึกอย่างไรครับ? และเมื่อมองเขาแล้วกลับมามองตน เราคิดอย่างไรบ้างครับ?

เรารู้อยู่แก่ใจว่า ในองค์กรคริสต์ศาสนาของเราไม่ควรที่จะใช้วิธีการ หรือ ทำตนเป็นเหมือน “นักการเมือง” ทั้งหลาย แต่การที่จะเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรควรจะจะบริหารจัดการชุมชนคริสต์ศาสนาของเราบนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ และพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นความเชื่อศรัทธาเชิงปฏิบัติ มิใช่ความเชื่อศรัทธาที่เก็บกักอยู่แต่ในใจครับ   หรือเป็นความศรัทธาที่พูดมากแต่ไม่ทำครับ! แต่ต้องเป็นเหมือนพระคริสต์ “ศรัทธาที่ทำ” ในชีวิตประจำวันของพระองค์

หรือ เราต้องรอให้พระคริสต์มาจูบตีนของเราก่อน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

21 เมษายน 2562

ความหวัง พระพร พลัง จากการทรงคืนพระชนม์

วันอาทิตย์นี้เป็นวันอีสเตอร์ วันที่พระคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย  เป็นความหวังของมหาชนคนจำนวนมาก   เป็นความหวังของเราที่สะท้อนออกให้เห็นถึงการเสียสละชีวิตของพระเยซูคริสต์  ภาระหน้าที่สำคัญของเราท่านคือการนำความหวังของวันเป็นขึ้นจากความตายให้เป็นอิทธิพลเป็นพลังต่อทุกมิติชีวิตในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคน   ที่ยิ่งนานวันเรารู้ยิ่งสึกว่า เรามีชีวิตอยู่ในสังคมที่ความหวังกำลังมลายหายสูญไป  หาได้ยากเย็นยิ่งขึ้นทุกวัน  เราพบความหวังทุกวันนี้เป็นครั้งคราว   แต่การที่พระคริสต์เป็นขึ้นจากความตายเตือนความทรงจำของเราว่า   ความหวังในความตายและการเป็นขึ้นใหม่ของพระคริสต์ก็เพื่อที่เราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ขึ้น

ผมเชื่อว่า  ความหวังนั้นมิใช่ความเชื่อที่ล่องลอยในอากาศ  หรือเป็นเพียงลมปากของเราท่าน  แต่ความหวังเป็นสิ่งที่เป็นจริงเป็นรูปธรรมที่เห็นได้จากการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา   ที่แต่ละคนจะดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระคริสต์ ทำตามแบบอย่างชีวิตของพระองค์ รับการเปลี่ยนแปลงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราแต่ละคนจะดำเนินชีวิตแต่ละวันเคียงข้างไปกับพระคริสต์ และในการเดินไปด้วยกันของพวกเราที่ร่วมฝ่าฟันท่ามกลางสถานการณ์โศกนาฏกรรมต่าง ๆ และให้ชัยชนะของพระคริสต์นำเราลงลึกในความเชื่อ ความหวัง และ ความรักเมตตาในชีวิตของเราแต่ละคน

พระคริสต์เป็นขึ้นจากตายในชีวิตของเราในวันนี้ครับ!  

พระคริสต์ไม่ได้นอนอยู่ในอุโมงค์ชีวิตของเราแต่ละคน แต่พระองค์เป็นขึ้นแล้ว และปรากฏพระองค์ต่อหน้าชีวิตประจำวันของเรา เฉกเช่นที่พระคริสต์เคยปรากฏพระองค์แก่มารีย์หน้าอุโมงค์ที่ว่างเปล่าและเปิดออกนั้น
 
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499