บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านพักสงบ
จงรับแอกของเราแบกไว้และเรียนรู้จากเรา เพราะเราสุภาพและถ่อมใจ
แล้วจิตวิญญาณของท่านจะพักสงบ
เพราะแอกของเรานั้นพอเหมาะ และ ภาระของเราก็เบา
(มัทธิว 11:28-30 อมตธรรม)
เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆในชีวิตของเราตั้งแต่เด็กได้ผ่านพ้นไป
สถานการณ์ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย แต่บาดแผลชีวิตจิตวิญญาณต่างๆ ของเราที่ได้รับตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน
มันยังคงเป็นบาดแผลที่บาดลึกลงในพื้นที่ชีวิตจิตใจ จิตวิญญาณ และความรู้สึกของเรา
สิ่งเหล่านี้ใช่ไหมที่มักโผล่ขึ้นมาบนพื้นที่ชีวิตของเรา และกระตุ้นจิตสำนึกของเรา สร้างความหวั่นไหว ไม่มั่นใจ
เพิ่มความเครียดให้เกิดขึ้นในชีวิตของเราหรือเปล่า?
เมื่อเราเกิดความเครียดทั้งที่รู้ตัว หรือ
ความเครียดที่ซ่อนเร้น ยิ่งเราพยายามที่จะจัดการกับความเครียดที่เราประสบอยู่ยิ่งทำให้เราเครียดต่อไปอย่างยืดยาว...ฤาจะไม่มีที่สิ้นสุด
หาทางหลุดออกจากวงจรอุบาทว์ของความเครียดก็ไม่ได้ ดูเหมือนยิ่งดิ้นยิ่งรัดแน่น
ในคืนที่เครียดทำให้ความคิดของเราวกวนสับสน ทวีความแรงที่สับสนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เพิ่มความถี่ของความเครียดมากยิ่งขึ้น นอนไม่หลับ
พลิกซ้ายหันขวา
หลับตาได้แต่ใจไม่หลับ ยิ่งพยายามข่มตาข่มใจให้หลับ ดูเหมือนยิ่งมีแรงเครียดปะทุมากขึ้น เกิดความกังวล ความกลัวปรากฏตัว
ยิ่งพยายามจัดการกับความเครียด ความกังวล
และความกลัวของตนเอง
ยิ่งเพิ่มความสับสนและเกิดรู้สึกอัดแน่นและฟุ้งซ่านไร้ทิศทางทั้งในความคิดและความรู้สึก ยิ่งไล่ความเครียด ความกังวล
และความกลัวที่กำลังแผงฤทธิ์อยู่ให้ออกไปจากชีวิต
แต่มันยิ่งเกาะแน่นเหมือนแมวที่เกาะติดเสื่อไม่ยอมปล่อยฉันใดฉันนั้น
ประสบการณ์คือ
หมดหนทาง หมดปัญญา หมดความสามารถที่จะจัดการกับความเครียดดังกล่าว
ในมัทธิว 11:28 พระเยซูคริสต์บอกกับผู้ที่กำลังปล้ำสู้กับความเครียด
ความกังวลในชีวิตว่า
28 บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก
จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านพักสงบ (อมตธรรม)
นี่คือคำเชิญชวนและพระสัญญาของพระคริสต์ ในเมื่อเราพบความจริงแล้วว่า
เราไม่สามารถจัดการกับความเครียดวิตกกังวลและความกลัวด้วยตนเองได้แล้ว คำเชิญชวนที่เราสามารถทำได้คือ การเข้าหาองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะให้โอกาสแก่ชีวิตของเรา
“ได้หยุดพัก” (มตฐ.) หรือชีวิตได้ “พักสงบ” (อมตธรรม)
ที่ผ่านมาพื้นที่ในชีวิตของเราถูกยึดครองด้วยเรื่องราวต่างๆ
มากมายที่ราต้องเผชิญปล้ำสู้ในชีวิต
จนเราไม่มี “พื้นที่ว่าง” สำหรับพระคริสต์ในชีวิตของเรา การมาหาพระเยซูคริสต์ คือการเปิดพื้นที่ว่างในชีวิตของเราสำหรับพระคริสต์
เป็นพื้นที่ที่จะรองรับเอาท่าทีการดำเนินชีวิตของพระคริสต์เพื่อเราจะเรียนรู้จากพระองค์
ถ้าเราไม่มีพื้นที่ว่างในชีวิตของเราสำหรับพระคริสต์ เราก็จะไม่มีแบบอย่างชีวิตพระคริสต์ที่เราจะเรียนรู้ได้
การเข้ามาของพระคริสต์ในพื้นที่ชีวิตของเราเป็นสัมพันธภาพที่เรามีกับพระองค์
เป็นโอกาสที่พระองค์เข้ามาเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา พระองค์ให้เราเปลี่ยน “แอก” ที่ต้องแบกในชีวิตที่ผ่านมาให้เปลี่ยนไปแบก
“แอก” ของพระคริสต์
ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ การงาน
ครอบครัว ความสัมพันธ์ สังคม
ตลอดจนบาดแผลที่ฝังเร้นลึกในชีวิตที่เราต้อง “แบกรับ” อย่างหนักทั้งกาย ใจ
และจิตวิญญาณ จนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ยังไม่พอต้องตกอยู่ในวังวนความว้าวุ่นวิตกกังวลด้วยความกลัว
ภาระเหล่านี้มันหนักเกินกำลังที่เราจะรับไว้ได้
แต่เมื่อพระคริสต์เข้ามาในพื้นที่ชีวิตของเรา พระองค์ท้าชวนให้เราเปลี่ยนสิ่งที่เราต้องแบกในชีวิต
ที่ผ่านมาเราต้องแบกภาระอันเกิดจากเป้าหมายชีวิตที่เราอยากได้ใคร่เป็น อันเป็นแอกแห่งความต้องการของเราเอง พระองค์ท้าชวนให้เราปลดแอกแห่งตนเองออก แล้วน้อมรับเอาแอกของพระคริสต์ คือการปลดแอกแห่งความต้องการของตนเองออก แล้วรับเอาแอกตามพระประสงค์ของพระคริสต์สำหรับชีวิตของเรา
พระคริสต์สัญญาว่า แอกของพระองค์สำหรับเรานั้น “เบา และ พอเหมาะ”
สำหรับแต่ละคน
พระประสงค์ของพระคริสต์สำหรับชีวิตของแต่ละคนนั้น
“เหมาะสม และ สอดคล้อง” กับชีวิตของแต่ละคน
เมื่อพระคริสต์อยู่ในพื้นที่ชีวิตของเรา
เราจึงมีโอกาสและสามารถเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เป็นไปตามแบบอย่างท่าทีชีวิตของพระองค์ คือ ชีวิตที่สุภาพและถ่อมใจ ซึ่งต่างจากรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบเดิมที่ต้องแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
ชิงไหวชิงพริบ
ใช้อำนาจเพื่อได้สิ่งที่ต้องการ และ ฯลฯ
แต่เมื่อเราเปลี่ยนรูปแบบและท่าทีในการดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ที่
“สุภาพและถ่อมใจ” ไม่ว่าสถานการณ์แวดล้อมจะมีภาวะเช่นไร แต่ชีวิตของเราก็จะได้รับการ “พักสงบ”
จากพระคริสต์
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499