อ่าน 1 เธสะโลนิกา 5:16-18
พระวจนะของพระเจ้าบอกแก่เราว่า
“จงอธิษฐานอยู่เสมอ” (1เธสะโลนิกา
5:17 อมธ.) อนุชนคนหนึ่งถามผมตรง ๆ ต่อหน้าเพื่อนฝูงของเขาว่า
“การอธิษฐานอยู่เสมอหมายความว่าอย่างไร?....”
อีกคนหนึ่งถามต่อว่า “แล้วเขาทำกันอย่างไร?”
พระเจ้าประสงค์ให้เราบ่นพึมพำกับพระองค์ตลอดเวลาอย่างเช่นคนเคร่งศาสนาที่ท่องมนต์บ่นภาวนาในทุกขณะชีวิตของเขาเช่นนั้นหรือ?
ไม่ใช่แน่... พระเจ้าไม่ต้องการให้เราทำเช่นนั้นแน่ เพราะการอธิษฐานมิใช่การท่องมนต์บ่นกับพระเจ้า
หรือเป็นเหมือนการท่องคาถาเพื่อตอบสนองความต้องการบางอย่างของเราเอง
แต่การอธิษฐานอยู่เสมอคือ...
(1) การที่เราตระหนักรู้ว่าเราอยู่กับพระเจ้าเสมอ
มั่นใจที่จะปรึกษากับพระองค์ได้ทุกเรื่องในชีวิตของเรา สำนึกในพระคุณของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเราในทุกเวลา
และชื่นชมยินดีในพระองค์ในทุกสถานการณ์ชีวิตของเรา เพราะเราเชื่อมั่นในแผนการของพระองค์สำหรับชีวิตของเราในขณะนี้และตลอดวันนี้
(2) พฤติกรรมความเชื่อในชีวิตของเราจะสำแดงเบ่งบานเมื่อเราเริ่มต้นวันใหม่ทุกวันด้วยการอธิษฐานสนทนากับพระเจ้า
และเริ่มต้นวันใหม่ทุกวันด้วยการอ่าน ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง
ขุดค้นเจาะลึกในพระวจนะของพระองค์ และมีเวลาที่จะนิ่ง เงียบ
เพื่อฟังเสียงของพระองค์สำหรับเราในวันใหม่แต่ละวัน
และถ้าเป็นได้ให้บันทึก
จดจำ เพื่อสามารถนำมาพิจารณาใคร่ครวญว่า เสียงที่พระเจ้าตรัสและสนทนาในเช้าวันนี้พระองค์ประสงค์ให้เราทำอะไรบ้างในสถานการณ์ต่าง
ๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งเราสามารถพิจารณาใคร่ครวญเสียงของพระองค์ในวันนี้ในทุก
ๆ สถานการณ์ชีวิต ในทุก ๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตลอดวันนี้ของเรา
(3) เมื่อเวลาใดที่เกิดภาวะวิกฤติ เกิดความขัดข้องขัดแย้ง
เกิดภาวะอ่อนแรงท้อแท้ พบทางตัน หาทางออกไม่ได้ ให้เรานิ่ง สงบ
ทบทวนถึงเสียงสนทนาของพระเจ้าเมื่อเช้าวันนี้ ใคร่ครวญ ไตร่ตรองเสียงของพระองค์ว่าพระองค์ประสงค์ให้เราทำเช่นไรในวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา
แล้วทำตามเสียงของพระองค์ที่ชี้นำแก่เรา หรือพร้อมที่จะรอคอยในการชี้นำของพระองค์ด้วยความอดทน
(4) ในช่วงเวลาใด ในสถานการณ์ใด ในงานใดที่เราได้ประสบกับความสำเร็จที่ทำให้เราเกิดความชื่นชมยินดีและภูมิอกพอใจ
ให้เรานิ่งและสงบ และใคร่ครวญถึงพระคุณของพระองค์ที่ได้ใส่พระทัยเมตตาเรา อวยพระพรแก่เราและคนรอบข้าง
ให้เราขอบพระคุณพระองค์ สรรเสริญพระองค์
(5) เมื่อมาถึงเวลาสิ้นวันนี้ของเรา
ให้เรามีเวลาเฉพาะที่จะนิ่งและสงบ และทบทวน
สะท้อนคิดถึงถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ได้กระทำในชีวิต ผ่านชีวิต และในสถานการณ์ชีวิตของเราในวันนี้
1) แล้วเขียนรายการที่เราสำนึกในพระคุณของพระองค์ที่กระทำแก่เราและคนรอบข้างตลอดวันนี้
2) มีสถานการณ์อะไรบ้างที่เราพลั้งเผลอผิดพลาดในวันนี้
ขอโปรดเมตตายกโทษแก่เรา
และทูลขอพระปัญญาและพระกำลังที่จะไม่ก้าวลงไปทำผิดซ้ำอีกในวันต่อ ๆ ไป
3) มีใครบ้างที่เราได้พบเจอสัมผัสสัมพันธ์ด้วยในวันนี้
ที่เราต้องการอธิษฐานเผื่อเขา และอธิษฐานเผื่อเขาในเรื่องอะไร
4) มีอะไรบ้างที่ไม่สามารถสำเร็จตามความคาดคิดของเรา
ทำให้เราวิตกกังวล ให้นิ่งและสงบทูลขอพระเจ้าโปรดเมตตาชี้นำเราว่าควรทำอะไร
อย่างไร เมื่อใด ในวันต่อ ๆ ไป
5) ขอบพระคุณสำหรับค่ำคืนนี้ เป็นเวลาที่พระองค์ประทานแก่เราให้รับพระพร
ในการพักผ่อนหลับนอน ขอน้อมรับพระพรนี้ด้วยสำนึกในพระคุณของพระองค์ เป็นเวลาที่เราจะได้รับการพลิกฟื้นชีวิตทั้งร่างกาย
จิตใจ จิตวิญญาณของเรา
จำเป็นที่คริสตชนจะต้องตระหนักชัดว่า
การอธิษฐานมิใช่เวลาของการนำเสนอรายการความต้องการของเราต่อพระเจ้า แต่การอธิษฐานเป็นช่วงเวลาและโอกาสแห่งการเสริมสร้างสัมพันธภาพของเรากับองค์พระผู้เป็นเจ้า
การอธิษฐานเป็นเวลาที่เตือนให้เราตระหนักชัดว่าเราต้องพึ่งพิงในพระเจ้า
เราไม่สามารถที่จะพึ่งพาในความสามารถของตนเองเท่านั้น เป็นเวลาที่เตือนสติของเราทุกครั้งว่า
“พระเจ้าทรงเป็นที่พึ่งพิงและลี้ภัยในทุกสถานการณ์ชีวิตของเรา”
การอธิษฐานเป็นการสื่อสารสองทาง
มิใช่การสื่อสารทางเดียวที่พระเจ้าต้องมาฟังเราพูดเราขอเท่านั้น แต่พระองค์พร้อมที่จะตรัสแก่เรา
ชี้นำ เสริมหนุนเรา
และทั้งสิ้นนี้เป็นกระบวนการของ
“การอธิษฐานอยู่เสมอ”
แล้วเราจะเริ่มต้น
“อธิษฐานอยู่เสมอ” อย่างไร
อ้อ...ถ้าใครมีปัญหาใน
“การอธิษฐานอยู่เสมอ” ท่านสามารถทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ได้ในเรื่องนี้ด้วยครับ
แต่การอธิษฐานไม่เหมือนการกล่าวท่องเวทมนตร์ สำเร็จรูป ซ้ำซาก เพื่อเราจะได้สิ่งที่เราต้องการ
การอธิษฐานเป็น
“วินัยชีวิตคริสตชน” หรือ ที่เราจะเรียกว่า “นิสัยหนึ่งของชีวิตคริสตชน”
ก็ได้ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประสงค์ที่จะเสริมสร้างให้เกิดขึ้นในชีวิตของเราแต่ละคน
ซึ่งต้องการส่วนความรับผิดชอบของตัวเราเอง ที่จะต้องมีมานะฝึกฝนด้วยความอดทนในการรับการก่อร่างสร้างตัวสิ่งนี้ในชีวิตจิตวิญญาณของเราจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
อีกประการหนึ่งครับ “การอธิษฐานอยู่เสมอ”
เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราทั้งหลายแต่ละคนในพระเยซูคริสต์ด้วยครับ (1เธสะโลนิกา 5:18 อมธ.)
จงชื่นชมยินดีอยู่เสมอ
จงอธิษฐานอยู่เสมอ
จงขอบพระคุณในทุกสถานการณ์
เพราะนี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสต์
(1เธสะโลนิกา 5:16-18 อมธ.)