อ่านอพยพ
32:1-14
เมื่อประชาชนเห็นโมเสสล่าช้าอยู่ ไม่ลงมาจากภูเขา จึงพากันมาหาอาโรนกล่าวว่า
“จงลุกขึ้นสร้างพระให้เรา...” (ข้อ 1 ฉบับมาตรฐาน)
ประชากรอิสราเอลสามารถหลุดรอดออกจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ ด้วยการทรงช่วยขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จากนั้นโมเสสก็นำพวกเขาเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อมุ่งสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา ในระหว่างทางพระเจ้าทรงเรียกโมเสสให้ขึ้นไปพบพระองค์ที่ยอดเขาซีนาย
โมเสสมอบให้อาโรนเป็นผู้ดูแลประชากรอิสราเอลในเวลาที่ตนไม่อยู่ เมื่อผ่านไปหลายวันประชาชนอิสราเอลเห็นว่าโมเสสไม่กลับลงมาสักที เริ่มเกิดความวิตกังวล เริ่มลือกันว่า โมเสสได้เสียชีวิตแล้วหรือเปล่า เขารู้สึกว่าขาดที่ยึดเหนี่ยว ขาดผู้ที่จะนำพวกเขา
ขาดผู้ที่มีอำนาจที่จะปกป้องและนำเขาอย่างที่โมเสสมี ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขามิใช่ขาดผู้นำเท่านั้น แต่เขารู้สึกว่าพวกเขาไม่มีพระเจ้าที่จะปกป้อง
คุ้มครอง
และนำเขาอย่างพระเจ้าของโมเสส
ดังนั้น เขาจึงเรียกร้องและกดดันอาโรนให้หา “พระเจ้าองค์ใหม่” ที่จะนำพวกเขาแทนโมเสส
เราคุ้นชินกันสถานการณ์แบบนี้ไหม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยผ่านการเป็นผู้นำคนอื่น เมื่อเราเป็นผู้นำในตำแหน่งและคนในการดูแลที่เรานำต้องการให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นความต้องการ หรือ
ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ
แต่ผู้นำก็รู้อยู่กับใจว่า
การกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิด
เป็นความบาป
เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
แต่เพราะได้รับแรงยุ หรือ แรงกดดันจากผู้คนจำนวนมาก เพื่อที่จะเป็นผู้นำที่เอาใจคนที่อยู่ใต้การนำของตน
อีกทั้งไม่ต้องการสูญเสียฐานะในการนำของตน และเพื่อคนเหล่านั้นจะสบายใจ เราเลยยอมทำอย่างที่เขาเรียกร้อง หรือ
เขากดดัน
แทนที่จะเป็นผู้นำที่มุ่งนำผู้คนเพื่อเป็นที่ยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เป็นผู้นำที่กระทำตามพระทัยของพระเจ้า กลับยอมทำในสิ่งที่ผิดเพื่อเอาใจ หรือ “ซื้อใจ”
ของผู้คนเพื่อมิให้ฐานะผู้นำของตนต้องสั่นคลอน
ในฐานะที่เราเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ ในฐานะที่เราเป็นผู้นำคริสตชน
เป้าหมายในการเป็นผู้นำคือการที่จะให้เกิดการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า
และเสริมสร้างให้ผู้ที่เรานำแต่ละคนมีพระเจ้าทรงเป็นเอกเป็นต้นในชีวิตของพวกเขา แต่บ่อยครั้งเหลือเกินที่ผู้นำคริสตชนจำนวนมากที่นำผู้คนเพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นยกย่องสรรเสริญตน ยอมรับภาวะผู้นำของตน ทำให้ตนเกิดความมั่นคงในการเป็นผู้นำ ทำให้ตนได้ผลประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้องให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยอมที่จะทำตามผู้คนที่ตนนำบางครั้งในลักษณะเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่กัน
ยอมให้บางคนได้รับตำแหน่งและผลประโยชน์เพื่อเขาจะเป็นฝ่ายของตน ไม่โจมตีตน
ทั้งๆ ก็รู้ว่าการนำแบบนี้พระเจ้าไม่พอพระทัย การนำแบบนี้ขัดและสวนทางกับพระประสงค์ของพระเจ้า
กลายเป็นผู้นำที่เอาใจผู้คนที่ตนนำเพื่อเสริมบารมีในการเป็นผู้นำของตนให้ยาวนานที่สุด กลายเป็นผู้นำที่เอาใจผู้คนเพื่อตนเอง
แทนที่จะเป็นการนำเพื่อให้เกิดการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า กระทำตามพระประสงค์ของพระองค์
สิ่งที่อาโรนกระทำคือ ยอมเป็นผู้นำที่เอื้ออำนวยให้เกิดการสร้าง
“พระเจ้าองค์ใหม่” สำหรับประชาชนอิสราเอล
พวกเขายอมลงทุนลงแรงเอาเครื่องประดับที่มีค่ามารวมกันและหลอมแล้วหล่อให้เป็น
“วัวทองคำ”
ที่พวกเขาจะได้กราบไหว้บูชา
และยกย่องให้ “วัวทองทองคำ” ตัวนั้น
เป็นสิ่งสำคัญสิ่งสุดในชีวิต
แต่มากกว่านั้นครับ
ประชาชนอิสราเอลต้องการมีพระเจ้าที่เขาจะสามารถควบคุมได้
คือพวกเขาต้องการมีพระเจ้าที่พวกเขาสามารถจะกระทำสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาต้องการ ที่ประชาชนอิสราเอลกระทำเช่นนี้เป็นความคุ้นชินของพวกเขาที่ได้รับจากวัฒนธรรมของชาวอียิปต์
ประชาชนอิสราเอลต้องการผู้นำที่ทำตามใจเขา
และเขาต้องการพระเจ้าที่เอาใจตามความต้องการของพวกเขา
เขาต้องการเป็นเอกเป็นต้นและเป็นใหญ่ในชีวิตของตน
อะไรคือ “วัวทองคำ”
ในชีวิตของเราปัจจุบัน
ที่เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการที่เราไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า
เราเลือกที่จะทำตามใจตนเองตามความต้องการของตนเอง แทนที่จะดำเนินชีวิตและกระทำสิ่งต่างๆ เพื่อเป็นที่ยกย่องและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
“วัวทองคำ”
คือสิ่งที่เรายกย่องว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ที่มาอยู่แทนที่พระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา เป็นพระเจ้าที่เราสร้างขึ้นมาเอง
เป็นพระเจ้าที่เราเอาสิ่งที่มีค่าที่เรามีอยู่หลอมแล้วหล่อมันขึ้นมา เป็นสิ่งที่เรากราบไหว้บูชาทั้งๆ ที่เรารู้อยู่กับใจว่าเราเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ฐานะตำแหน่ง
เกียรติยศชื่อเสียง เราทุ่มสุดชีวิตของเราเพื่อสิ่งเหล่านี้
สิ่งสำคัญที่ผู้นำในคริสต์ศาสนาจะต้องตระหนักชัดคือ
ไม่ว่าศิษยาภิบาล ศาสนาจารย์ ผู้ปกครองคริสตจักร ผู้นำคริสตจักร จะต้องไม่ตกหลุมพรางอย่างที่อาโรนได้เคยตกลงไปแล้ว คือยอมที่จะทำตามคำเรียกร้องของประชาชน หรือเสนอสนองในสิ่งที่ประชาชนต้องการ ทั้งๆ ที่ตนรู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า
เพียงเพื่อจะเอาใจประชาชน
เพียงเพื่อประชาชนจะอยู่ฝ่ายของตน
ผู้นำคริสตจักรแบบนี้ทำตัวเหมือนคนสิ้นคิด
ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์ได้บอกเราว่า ในที่สุดพระเจ้าทรงมีพระเมตตายกโทษการกระทำผิดของอาโรนและประชาชน
แต่ในชุมชนอิสราเอลก็เกิดการสูญเสียไปอย่างมาก และไม่ว่ายุคใดสมัยใดคนที่อ่านพระคัมภีร์ หรือ
อ้างเอ่ยถึงอาโรน
ก็จะควบคู่กับเรื่องวัวทองคำกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่ตามมาเป็นเช่นนี้ไปเสมอ
จะเกิดผลเสียผลร้ายเสมอเมื่อผู้นำคริสตจักรกระทำเพื่อเอาใจสมาชิกแทนที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะลำบากยากร้ายแค่ไหนก็ตาม
ผู้นำคริสตจักรต้องยืนหยัดมั่นคงที่จะตัดสินใจและกระทำทุกอย่างเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า มิใช่เอาใจสมาชิกคริสตจักร เอาใจสังคม เอาใจพรรคพวก เพียงหวังว่าคนเหล่านี้จะตอบสนองตามใจปรารถนาของตน
แต่ระวังที่อาจจะเป็นการกบฏต่อพระประสงค์ของพระเจ้า
เวลาใดก็ตามที่เรารู้เท่าทันว่า
เราถูกกดดันให้ทำตามสิ่งที่ผู้คนต้องการและขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า
ทันทีให้เราหันเข้าหาพระเจ้าแสวงหาน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์
ทูลถามพระองค์และขอการทรงสำแดงชี้แนะสิ่งที่พระองค์ประสงค์ในสถานการณ์นั้น และกระทำทุกอย่างด้วยการตระหนักชัดเจนว่า เป็นการตอบสนองตามพระประสงค์ของพระเจ้าในสถานการณ์นั้นๆ
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499