31 ธันวาคม 2555

สิ้นปีแต่อย่าสิ้นคิด


อ่านอพยพ 32:1-14

เมื่อประชาชนเห็นโมเสสล่าช้าอยู่  ไม่ลงมาจากภูเขา  จึงพากันมาหาอาโรนกล่าวว่า
“จงลุกขึ้นสร้างพระให้เรา...” (ข้อ 1 ฉบับมาตรฐาน)

ประชากรอิสราเอลสามารถหลุดรอดออกจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์   ด้วยการทรงช่วยขององค์พระผู้เป็นเจ้า   จากนั้นโมเสสก็นำพวกเขาเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร   เพื่อมุ่งสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา   ในระหว่างทางพระเจ้าทรงเรียกโมเสสให้ขึ้นไปพบพระองค์ที่ยอดเขาซีนาย

โมเสสมอบให้อาโรนเป็นผู้ดูแลประชากรอิสราเอลในเวลาที่ตนไม่อยู่   เมื่อผ่านไปหลายวันประชาชนอิสราเอลเห็นว่าโมเสสไม่กลับลงมาสักที   เริ่มเกิดความวิตกังวล   เริ่มลือกันว่า  โมเสสได้เสียชีวิตแล้วหรือเปล่า   เขารู้สึกว่าขาดที่ยึดเหนี่ยว  ขาดผู้ที่จะนำพวกเขา   ขาดผู้ที่มีอำนาจที่จะปกป้องและนำเขาอย่างที่โมเสสมี   ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขามิใช่ขาดผู้นำเท่านั้น   แต่เขารู้สึกว่าพวกเขาไม่มีพระเจ้าที่จะปกป้อง คุ้มครอง  และนำเขาอย่างพระเจ้าของโมเสส   ดังนั้น เขาจึงเรียกร้องและกดดันอาโรนให้หา “พระเจ้าองค์ใหม่” ที่จะนำพวกเขาแทนโมเสส

เราคุ้นชินกันสถานการณ์แบบนี้ไหม   โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยผ่านการเป็นผู้นำคนอื่น   เมื่อเราเป็นผู้นำในตำแหน่งและคนในการดูแลที่เรานำต้องการให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง   ที่เป็นความต้องการ หรือ ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ   แต่ผู้นำก็รู้อยู่กับใจว่า   การกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิด  เป็นความบาป  เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง   แต่เพราะได้รับแรงยุ หรือ แรงกดดันจากผู้คนจำนวนมาก  เพื่อที่จะเป็นผู้นำที่เอาใจคนที่อยู่ใต้การนำของตน   อีกทั้งไม่ต้องการสูญเสียฐานะในการนำของตน   และเพื่อคนเหล่านั้นจะสบายใจ   เราเลยยอมทำอย่างที่เขาเรียกร้อง หรือ เขากดดัน   แทนที่จะเป็นผู้นำที่มุ่งนำผู้คนเพื่อเป็นที่ยกย่องสรรเสริญพระเจ้า   เป็นผู้นำที่กระทำตามพระทัยของพระเจ้า   กลับยอมทำในสิ่งที่ผิดเพื่อเอาใจ หรือ “ซื้อใจ” ของผู้คนเพื่อมิให้ฐานะผู้นำของตนต้องสั่นคลอน

ในฐานะที่เราเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์  ในฐานะที่เราเป็นผู้นำคริสตชน   เป้าหมายในการเป็นผู้นำคือการที่จะให้เกิดการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า   และเสริมสร้างให้ผู้ที่เรานำแต่ละคนมีพระเจ้าทรงเป็นเอกเป็นต้นในชีวิตของพวกเขา   แต่บ่อยครั้งเหลือเกินที่ผู้นำคริสตชนจำนวนมากที่นำผู้คนเพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นยกย่องสรรเสริญตน   ยอมรับภาวะผู้นำของตน   ทำให้ตนเกิดความมั่นคงในการเป็นผู้นำ   ทำให้ตนได้ผลประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้องให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้   ยอมที่จะทำตามผู้คนที่ตนนำบางครั้งในลักษณะเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่กัน   ยอมให้บางคนได้รับตำแหน่งและผลประโยชน์เพื่อเขาจะเป็นฝ่ายของตน  ไม่โจมตีตน   ทั้งๆ ก็รู้ว่าการนำแบบนี้พระเจ้าไม่พอพระทัย   การนำแบบนี้ขัดและสวนทางกับพระประสงค์ของพระเจ้า   กลายเป็นผู้นำที่เอาใจผู้คนที่ตนนำเพื่อเสริมบารมีในการเป็นผู้นำของตนให้ยาวนานที่สุด   กลายเป็นผู้นำที่เอาใจผู้คนเพื่อตนเอง   แทนที่จะเป็นการนำเพื่อให้เกิดการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า   กระทำตามพระประสงค์ของพระองค์

สิ่งที่อาโรนกระทำคือ   ยอมเป็นผู้นำที่เอื้ออำนวยให้เกิดการสร้าง “พระเจ้าองค์ใหม่” สำหรับประชาชนอิสราเอล   พวกเขายอมลงทุนลงแรงเอาเครื่องประดับที่มีค่ามารวมกันและหลอมแล้วหล่อให้เป็น “วัวทองคำ”  ที่พวกเขาจะได้กราบไหว้บูชา   และยกย่องให้ “วัวทองทองคำ” ตัวนั้น  เป็นสิ่งสำคัญสิ่งสุดในชีวิต

แต่มากกว่านั้นครับ   ประชาชนอิสราเอลต้องการมีพระเจ้าที่เขาจะสามารถควบคุมได้   คือพวกเขาต้องการมีพระเจ้าที่พวกเขาสามารถจะกระทำสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาต้องการ   ที่ประชาชนอิสราเอลกระทำเช่นนี้เป็นความคุ้นชินของพวกเขาที่ได้รับจากวัฒนธรรมของชาวอียิปต์

ประชาชนอิสราเอลต้องการผู้นำที่ทำตามใจเขา  และเขาต้องการพระเจ้าที่เอาใจตามความต้องการของพวกเขา   เขาต้องการเป็นเอกเป็นต้นและเป็นใหญ่ในชีวิตของตน

อะไรคือ “วัวทองคำ” ในชีวิตของเราปัจจุบัน   ที่เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการที่เราไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า   เราเลือกที่จะทำตามใจตนเองตามความต้องการของตนเอง   แทนที่จะดำเนินชีวิตและกระทำสิ่งต่างๆ เพื่อเป็นที่ยกย่องและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

“วัวทองคำ” คือสิ่งที่เรายกย่องว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา   ที่มาอยู่แทนที่พระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา    เป็นพระเจ้าที่เราสร้างขึ้นมาเอง   เป็นพระเจ้าที่เราเอาสิ่งที่มีค่าที่เรามีอยู่หลอมแล้วหล่อมันขึ้นมา   เป็นสิ่งที่เรากราบไหว้บูชาทั้งๆ ที่เรารู้อยู่กับใจว่าเราเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา   ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง  ฐานะตำแหน่ง  เกียรติยศชื่อเสียง   เราทุ่มสุดชีวิตของเราเพื่อสิ่งเหล่านี้

สิ่งสำคัญที่ผู้นำในคริสต์ศาสนาจะต้องตระหนักชัดคือ ไม่ว่าศิษยาภิบาล  ศาสนาจารย์  ผู้ปกครองคริสตจักร  ผู้นำคริสตจักร จะต้องไม่ตกหลุมพรางอย่างที่อาโรนได้เคยตกลงไปแล้ว   คือยอมที่จะทำตามคำเรียกร้องของประชาชน   หรือเสนอสนองในสิ่งที่ประชาชนต้องการ   ทั้งๆ ที่ตนรู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า   เพียงเพื่อจะเอาใจประชาชน   เพียงเพื่อประชาชนจะอยู่ฝ่ายของตน   ผู้นำคริสตจักรแบบนี้ทำตัวเหมือนคนสิ้นคิด

ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์ได้บอกเราว่า  ในที่สุดพระเจ้าทรงมีพระเมตตายกโทษการกระทำผิดของอาโรนและประชาชน   แต่ในชุมชนอิสราเอลก็เกิดการสูญเสียไปอย่างมาก   และไม่ว่ายุคใดสมัยใดคนที่อ่านพระคัมภีร์ หรือ อ้างเอ่ยถึงอาโรน   ก็จะควบคู่กับเรื่องวัวทองคำกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่ตามมาเป็นเช่นนี้ไปเสมอ

จะเกิดผลเสียผลร้ายเสมอเมื่อผู้นำคริสตจักรกระทำเพื่อเอาใจสมาชิกแทนที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า    ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะลำบากยากร้ายแค่ไหนก็ตาม   ผู้นำคริสตจักรต้องยืนหยัดมั่นคงที่จะตัดสินใจและกระทำทุกอย่างเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า  มิใช่เอาใจสมาชิกคริสตจักร  เอาใจสังคม เอาใจพรรคพวก  เพียงหวังว่าคนเหล่านี้จะตอบสนองตามใจปรารถนาของตน   แต่ระวังที่อาจจะเป็นการกบฏต่อพระประสงค์ของพระเจ้า

เวลาใดก็ตามที่เรารู้เท่าทันว่า  เราถูกกดดันให้ทำตามสิ่งที่ผู้คนต้องการและขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า   ทันทีให้เราหันเข้าหาพระเจ้าแสวงหาน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์   ทูลถามพระองค์และขอการทรงสำแดงชี้แนะสิ่งที่พระองค์ประสงค์ในสถานการณ์นั้น   และกระทำทุกอย่างด้วยการตระหนักชัดเจนว่า  เป็นการตอบสนองตามพระประสงค์ของพระเจ้าในสถานการณ์นั้นๆ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น