30 พฤษภาคม 2553

กำลังจากการสงบผ่อนพักในพระเจ้า

เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำชีวิตของท่าน
หนทางที่ท่านดำเนินไปก็แน่ชัด
จงเดินหน้าไปด้วยความไว้วางใจ อย่าได้ขลาดกลัว
พระองค์เดินอยู่เคียงข้างท่าน
จงฟัง ฟัง และ ฟังเสียงของพระองค์
พระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่งทุกสถานการณ์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์

ท่านระลึกไว้เสมอว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำงานผ่านท่านได้อย่างดียิ่ง
เมื่อท่านไว้วางใจ วางชีวิตสงบในเรา
เมื่อท่านให้ความคิดและจิตวิญญาณผ่อนพักสงบศานติในพระเจ้า

ในแต่ละวัน
ท่านจงค่อยๆ ดำเนินชีวิตไปด้วยความสงบเงียบ
จากงานหนึ่งไปยังอีกงานหนึ่ง
ให้มีช่วงเวลาที่ท่านจะอิสระจากการทำงาน
ผ่อนพัก มีเวลาพักพิงในพระเจ้า และ
อธิษฐานในช่วงต่อระหว่างงานหนึ่งไปสู่อีกงานหนึ่ง

ท่านอย่ายุ่ง หมกมุ่นอยู่กับงานที่ทำตลอดเวลา
จงทำทุกอย่าง “ด้วยจังหวะชีวิต” ที่เป็นระบบระเบียบอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าบอกท่าน
การผ่อนพักสงบในพระเจ้านั้นมิได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหรือความเร่งด่วนของกิจการงานที่ท่านต้องทำ
แต่เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตจิตวิญญาณของมนุษย์จำเป็นต้องการ
จงเวียนแวะเข้าไปในที่ “พักพิงของพระเจ้า”
แล้วท่านจะพบกับสันติสุขและความชื่นบานอย่างแท้จริงในชีวิต

ทุกงานที่ท่านทำเกิดผล สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์
เพราะท่านมีจิตได้ผ่อนพักที่สงบ ศานติ ไว้วางใจ และพึ่งพิงในพระองค์
ดังนั้น ท่านจึงพบว่า งานที่ท่านทำในแต่ละวันเป็นการงานที่อัศจรรย์
ท่านได้รับกำลังจากการ “ผ่อนพัก” ในพระองค์
ท่านจึงได้รับกำลังชีวิตในการทำงานในแต่ละวัน
ท่านจึงได้รับความสำเร็จชื่นบานในแต่ละวันจากพระองค์

ท่านจงรู้เถิดว่า
ท่านสามารถทำทุกสิ่งได้โดยการที่พระเยซูคริสต์ทรงเสริมกำลังแก่ท่าน
ยิ่งกว่านั้น ท่านจงรู้ด้วยว่า
ท่านสามารถกระทำทุกสิ่งได้โดยทางพระเยซูคริสต์
ผู้ให้ท่านได้ “ผ่อนพัก” มีรากฐานชีวิตที่มั่นคงในพระองค์

27 พฤษภาคม 2553

ผู้แปลความภาษาหัวใจ

จงผ่อนพักในองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงแสวงหาเวลาเช่นนี้เพื่อที่จะอยู่กับพระองค์
อย่ารู้สึกว่าเสียเวลาหรือไม่ได้อะไร
ในเมื่อบางครั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าเรียกร้องให้ท่านมาอยู่ต่อหน้าพระองค์เท่านั้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับท่าน
มิเพียงแต่เวลานี้เท่านั้น
แต่ในทุกขณะจิตด้วย
ท่านจงรู้สึกและสำนึกทุกเวลาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับท่าน
ไม่มีความสุขใดในโลกนี้ที่จะใหญ่ยิ่งไปกว่าการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับท่าน

องค์พระผู้เป็นเจ้าคือผู้แปลความภาษาหัวใจที่ยิ่งใหญ่
แม้แต่วิญญาณที่อยู่ใกล้ชิดกันก็ยังมีความลับลึกซ่อนเร้นต่อกัน
แต่ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เข้าไปและควบคุมในชีวิตของผู้ใด
องค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะสามารถเปิดเผยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงความลับลึกของกันและกัน

ดวงวิญญาณแต่ละดวงย่อมมีความแตกต่างกัน
องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่เข้าใจอย่างดีถึงภาษาหัวใจของแต่ละคน และ
สามารถแปลความภาษาหัวใจให้ทั้งสองฝ่ายให้เข้าใจกันอย่างถูกต้องได้

ในวันนี้...
ท่านจงเปิดชีวิตของท่าน
ที่จะเข้าใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ตลอดเวลา
ในทุกเหตุการณ์ ในทุกความสัมพันธ์กับผู้คนทั้งหลาย ที่จะต้องพบ
ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ที่แปล “ภาษาหัวใจ” ของท่านและคนที่ท่านพบ
นี่จะเป็นการสื่อสารที่มีคุณภาพสูงสุดในชีวิตประจำวัน
นี่คือที่มาของ ความเข้าใจกันและกัน ความรักเมตตา ความเอื้ออาทร และศานติภาพ

25 พฤษภาคม 2553

โอกาสทอง

องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้นำทางของท่าน
เป็นกำลัง และ ความช่วยเหลือของท่าน
เพียงท่านจะไว้วางใจพระองค์
อย่างสุดจิตสุดใจและสุดกำลังความคิด

อย่ากลัวเลย
องค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมที่จะฟังท่านยิ่งกว่าที่ท่านจะถามพระองค์
จงเดินในทางของพระองค์ และ
รู้เถิดว่าความช่วยเหลือจะมาถึงท่านในเวลาที่เหมาะสม

ความต้องการของมนุษย์คือโอกาสที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วย
องค์พระผู้เป็นเจ้ารักที่จะช่วยและปกป้องมนุษย์
ความต้องการที่จำเป็นของมนุษย์เป็นโอกาสทองของพระเจ้า
ที่จะให้ความเชื่อศรัทธาของคนๆ นั้นปรากฏออกมา

การแสดงออกถึงความเชื่อศรัทธาของมนุษย์
เป็นเวลาที่พระเจ้าจะสำแดงฤทธานุภาพแห่งความเมตตาของพระองค์
ความเชื่อศรัทธาคือกุญแจไขคลัง “ทรัพยากร” ของพระผู้เป็นเจ้า

ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ท่านรอคอยเวลาแห่งความสำเร็จสมบูรณ์ และ
เวลาแห่งการจบสิ้นของความขมขื่น

สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว
พระองค์มองความสำเร็จสมบูรณ์ว่า...
เป็นเหมือนแม่ที่เห็นถึงความด่างพร้อยของลูก
งานชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ของลูก
แต่แม่กลับห่อหุ้มความสำเร็จสมบูรณ์แก่งานชีวิตของลูก...
ด้วยความรักที่หวานชื่น
เช่นกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเอามงกุฎแห่งความสำเร็จสมบูรณ์
สวมบนความสัตย์ซื่อที่ขาดตกบกพร่องของท่าน

23 พฤษภาคม 2553

ความปวดร้าวของหัวใจ

ในแต่ละคนมีกางเขน “แห่งกลโกธา” ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ไม่มีใครเหลียวแล
แม้คนที่อยู่ใกล้ชิดที่สุดและคนที่รักที่สุด

แต่ข้างๆ กางเขนนั้น มีกางเขนอีกกางเขนหนึ่งตั้งอยู่ที่นั่นคือ...
กางเขนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
กางเขนของพระองค์ยืนเคียงข้างกางเขนของคนที่พระองค์ทรงรัก
แต่ก็ต้องอยู่ในความเงียบเชียบ
พระองค์ยืนเคียงข้างกางเขนของแต่ละคน
พร้อมร่วมผ่านเข้าไปในเหตุการณ์ชีวิตที่แสนปวดร้าว

ท่านเคยคิดถึงการที่สาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้า...
อดทน
สุภาพ
รัก และ
เชื่อฟัง
นำความชื่นชมยินดีมาสู่หัวใจของพระองค์หรือไม่?
พระองค์รู้ว่าไม่มีความชื่นชมยินดีใดที่จะเปรียบปานกับ...
ความชื่นชมยินดีที่ได้จาก
ความไว้วางใจด้วยความรักจากคนที่รักพระองค์

บาดแผลที่มือและเท้าเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับบาดแผลในหัวใจ
ซึ่งมิใช่บาดแผลที่เกิดจากศัตรูขององค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่เป็นบาดแผลที่เกิดจากสหายของพระองค์

การที่ท่าน...
สงสัยน้อยลง
กลัวน้อยลง
เข้าใจผิดน้อยลง
แล้วเหลียวแลเอาใจใส่คนเล็กน้อยในแต่ละวันมากขึ้นในชีวิต
ทำให้หัวใจขององค์พระผู้เป็นเจ้าชื่นชมยินดี
พระองค์ผู้พูดกับท่าน คือคนนั้นที่เป็นเจ้านายในชีวิตของท่าน

22 พฤษภาคม 2553

เหลืองๆ แดงๆ

เหตุการณ์บ้านเมืองของเราที่ผ่านมา
เราท่านคงเคยถูกถาม หรือ อย่างน้อยก็ถูกสงสัยว่าอยู่กับสีเหลือง หรือไม่ก็สีแดง
นักเทศน์ในคริสตจักร มิชชันนารีที่เคยอยู่เมืองไทย สมาชิกคริสตจักร
แสดงจุดยืนของตนเองว่าอยู่กับสีไหน หรือต่อต้านสีใด
เกิดความขัดแย้งในคริสตจักร หรือ
อย่างน้อยก็รู้สึกไม่พอใจ
โกรธในใจ
เกิดการแบ่งขั้วในจิตใจ หรือไม่ก็...
แสดงท่าทีชัดเจนออกมา

สีกลายเป็นกำแพงขวางกั้นสัมพันธภาพของคนในคริสตจักร
สีกลายเป็นมีดคมกริบที่เฉือนตัดให้สามัคคีธรรมในคริสตจักรฉีกขาดจากกัน
สีทำให้หลายต่อหลายคนต้องเลือกข้าง แทนพระมหาบัญญัติที่ให้เรารักกันและกัน

เลือกสี คือการตัดสินใจเลือกพรรคพวกไหน
สีทำให้เราเลือกผลประโยชน์ เลือกสิ่งที่เขาจะให้...
สีประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ซื้อขาย หรือ เอื้อผลประโยชน์แก่กันได้
เลือกอยู่กับสีใด ก็เพราะคาดหวังผลประโยชน์ที่จะได้ในอนาคต

ใช่แล้ว ชีวิตต้องเลือก
แต่ท่านมีหลักเกณฑ์อย่างไรในการเลือก
คริสเตียนมีหลักเกณฑ์อย่างไรในการเลือก
คริสเตียนในสภาคริสตจักรมีหลักเกณฑ์อย่างไรในการเลือก
สมาชิกในสภาคริสตจักรมีรากฐานความเชื่ออย่างไรในการเลือก
เลือกพรรคพวกเดียวกัน
เลือกคนเก่ง
เลือกสีที่เคยทำสำเร็จ
เลือกพวกที่ให้ผลประโยชน์ในอนาคต หรือ
เลือกตามพวกมากลากไป

สำหรับพระเยซูคริสต์...
พระองค์ทรงเลือกเป็นพวกเดียวกับคนที่ทำตามพระทัยของพระเจ้า
พระองค์ตรัสว่า...
“...ผู้ใดกระทำตามพระทัยของพระเจ้า
ผู้นั้นแหละคือมารดาและพี่น้องชายหญิงของเรา”
(มาระโก 3:35 อมตธรรม)

20 พฤษภาคม 2553

...ปลอบโยน

ชีวิตของเราพักพิงในความรักมั่นคงของพระเจ้า

ในภาวะวิกฤติแห่งชีวิต มนุษย์แสวงหาการปลอบโยน
การปลอบโยนสามารถแสดงออกในหลายลีลาท่าทีของชีวิต
คุณแม่ปลอบโยนลูกน้อยที่กำลังกลัวและรู้สึกถูกคุกคาม
พ่อแม่กำลังหุงหาอาหารในครอบครัวที่ผู้คนหิวโหย
เพื่อนที่ฟังเพื่อนที่ประสบกับความทุกข์ยากและต้องการการหนุนช่วยอย่างตั้งใจและจริงใจ
ที่สำแดงออกมาทั้งสิ้นนี้ก็เพราะความรักเมตตาของพระคริสต์ที่ไร้เงื่อนไข ที่ไม่ทำให้เจ็บช้ำซ้ำซาก

ในวันนี้เรามิได้เผชิญหน้ากับความทุกข์โศกและบาดเจ็บของทั้งเราและเพื่อนอย่างโดดเดี่ยวว้าเหว่
เพราะเรามิได้เผชิญความเลวร้ายเหล่านั้นด้วยตัวของเราเอง
เพราะเราเผชิญสิ่งเหล่านี้ด้วยกำลังจากพระคริสต์ที่เสริมหนุนเรามากกว่ากำลังที่มีอยู่ในตัวเรา
เพราะเมื่อเรายอมตนให้พระคริสต์ทรงใช้เราในยามวิกฤติชีวิตในวันนี้
เรากำลังเปิดชีวิตของเราให้พระคริสต์สร้างเสริมภายในชีวิตของเราขึ้นใหม่ ...
เราเรียนรู้ชีวิตใหม่

เพราะเมื่อเราเอนชีวิตของเราพิงพักในพระคริสต์ยามที่หมดแรงสิ้นกำลัง ...
ชีวิตเราพบศานติและความสงบผ่อนพัก
ในเวลาเช่นนั้น เราได้รับการห่มด้วย “ผ้าห่มแห่งความรักเมตตา” ของพระองค์
ชีวิตได้รับการปกคลุม ซุกซ่อน อบอุ่น สงบ หลับอย่างผ่อนพัก
ชีวิตที่จะตื่นขึ้นด้วยกำลังใหม่ ความเบิกบานภายใน ความรู้สึกมั่นคง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูยังไม่เปลี่ยนแปลง

ด้วยประสบการณ์เช่นนี้ เราได้เรียนรู้บทเรียนชีวิต
บทเรียนชีวิตนี้... พระคริสต์กำลังบ่มเพาะ ฟูมฟักให้เราเติบโตขึ้นในพระองค์
บทเรียนชีวิตนี้...พระคริสต์ทำให้เราได้ใกล้ชิด และ ไว้วางใจพระองค์มากยิ่งขึ้น
บทเรียนชีวิตนี้...เราได้เรียนรู้ว่า มิใช่สถานการณ์แวดล้อมที่เป็นตัวกำหนดชีวิตเรา... แต่พระคริสต์ต่างหาก
บทเรียนชีวิตนี้...เสริมกำลังความมั่นใจของเรา นำไปสู่การเติบโตเป็นความกล้าหาญในความรักเมตตา
บทเรียนชีวิตนี้...ทำให้เรารู้ซึ้งว่า ท่ามกลางวิกฤติชีวิต พระคริสต์ใช้เราให้เป็นทูตของพระองค์...
สำแดงความรักของพระองค์
บทเรียนชีวิตนี้...เราจึงเติบโตขึ้นในการเรียนรู้ถึงน้ำพระทัยแบบพระคริสต์ และพระประสงค์ของพระองค์

ด้วยบทเรียนชีวิตดังกล่าว เราจึงพบกับพระคริสต์ทุกวัน “ในชีวิต”
ทั้งในชีวิตของเราเอง และ ในชีวิตของผู้คนที่เราพบและสัมผัสสัมพันธ์
การพบพระคริสต์เช่นนี้เอง ที่เราได้รับพลังแห่งชีวิต พลังแห่งความรักเมตตาแบบพระองค์

“พระหัตถ์ของพระองค์ได้สร้างและปั้นแต่งข้าพระองค์ขึ้น
โปรดให้ข้าพระองค์มีความเข้าใจ เพื่อจะเรียนรู้ถึงพระบัญชาของพระองค์...
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์รู้ว่าบทบัญญัติของพระองค์นั้นชอบธรรม
และรู้ว่าพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นทุกข์นั้นก็เพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ
ขอให้ความรักมั่นคงของพระองค์ปลอบประโลมข้าพระองค์
ตามที่ทรงทรงสัญญาไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์...”
(สดุดี 119:73, 75-76 ตามสำนวนอมตธรรมร่วมสมัย)

ชีวิตเป็นเรื่องราวของความรัก

ท่านต้องการองค์พระผู้เป็นเจ้า และ
พระผู้เป็นเจ้าก็ต้องการท่าน

โลกขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่กำลังถูกทำให้ “แตกหัก” “ฉีกขาด” และ “เสียหาย” ต้องการท่าน
จิตใจมากมายที่อ่อนเปลี้ย ลำบาก สิ้นหวังต้องการท่าน
ดวงใจที่ทุกข์ยาก เจ็บปวด ห่อเหี่ยว จะได้เกิดความเบิกบานยินดีเพราะท่าน
ท่านจงเข้ามาใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้า

สุขภาวะ
ศานติภาพ
ความชื่นชมยินดี
ความอดทน
ความทนทาน
ทั้งสิ้นนี้มาจากการที่ท่านติดต่อสัมพันธ์กับองค์พระผู้เป็นเจ้า

โอ นั่นเป็นวิถีแห่งความรุ่งโรจน์
เป็นวิถีที่เหนือกว่า
เป็นการค้นพบอันน่าทึ่ง
เป็นสัมพันธภาพที่หวานชื่น
เป็นการอัศจรรย์ ยากที่จะเข้าใจ
แท้ที่จริงแล้ว ชีวิตคริสเตียนก็คือชีวิตที่อยู่ติดสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
เป็นเรื่องราวของความรัก
จงไว้วางใจองค์พระผู้เป็นเจ้าในทุกเรื่อง

ทุกสิ่งที่ท่านต้อง “สูญเสีย” และ “สูญหาย”
เจ้าจะพบในองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะเป็น...
วิญญาณแห่งความรัก
วิญญาณของความเป็นเพื่อน
วิญญาณของความเป็นพ่อ
วิญญาณของความเป็นแม่
วิญญาณของการเป็นสหาย
วิญญาณของความเป็นพี่น้อง
จงลองดูองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องนี้

ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องความรักมากมายจากองค์พระผู้เป็นเจ้า หรือ
สร้างเงื่อนไขที่หนักหนาและขัดขวางความรักของพระองค์ได้

ท่านจงขอ...
สุขภาวะ
พลานุภาพ
ความชื่นชมยินดี และ
ความช่วยเหลือที่จำเป็นของท่านต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

18 พฤษภาคม 2553

ไม่มีวันที่มืดมน

แสงสว่าง
ความชื่นชมเบิกบาน
ที่แพร่ออกไปจากบ้านนี้
ย่อมมีผลต่อผู้มาเยือน

อย่ารู้สึกว่า...ท่านต้องพยายามให้การช่วยคนเหล่านั้น
ขอเพียงให้ท่านรักเขา
ขอเพียงให้ท่านต้อนรับเขา
ขอเพียงให้ท่านเอื้อเฟื้อ และ สำแดงหมายสำคัญแห่งความรักแก่เขา
แล้วเขาจะต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอน

ความรักเป็นพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นความรัก
การที่ท่านให้ความรักแก่เขา
ก็เท่ากับท่านให้พระเจ้าแก่เขา
แล้วท่านจงวางใจพระเจ้า
ที่จะทำพระราชกิจในของพระองค์ในชีวิตของเขา

จงรักทุกๆ คน... แม้แต่ขอทาน
อย่าให้คนที่มาหาท่านออกไป...
โดยไม่ได้รับความชื่นบาน
โดยไม่ได้รับความรู้สึกว่าท่านห่วงใยเขา

องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะส่งคนที่จิตใจสิ้นหวังมาหาท่าน
ท่านลองคิดดูก็แล้วกันว่า...
มันจะเป็นเช่นใดถ้าท่านไม่ต้อนรับคนนั้น
ก็เท่ากับว่าท่านไม่ได้ต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

นอกจากที่ท่านไม่มีทางเลือกแล้ว
ท่านยังเคยบอกองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า...
บ้านของท่านก็เป็นบ้านของพระองค์
ดังนั้น จงจำไว้เสมอว่า...
พระองค์จะใช้บ้านของท่านและของพระองค์
เมื่อนั้น ชีวิตแต่ละวันของท่านจะไม่มีวันที่มืดมิดเย็นชาเลย
ถ้าหัวใจบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเต็มเปี่ยมด้วยความรัก

วันนี้โปรดฟังให้ได้ยินถึงเสียงกระซิบข้างหูของท่าน
จากองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า...
“โอ ลูกของเราเอ๋ย
เจ้าจะไม่รู้สึกถึงความชื่นชมยินดีเลยหรือ
ที่ได้รู้จัก รัก และอยู่ใกล้ชิดกับเรา?”

16 พฤษภาคม 2553

ความชื่นชมยินดีสองประการ

ท่านผู้เป็นบุตรที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จิตใจที่กระหายหาการกระทำตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น
ไม่มีสิ่งใดที่จะต่อต้านให้หยุดชะงักได้ และ
แน่ชัดอีกว่าไม่มีอุปสรรคใดที่จะมาขวางกั้นไว้ได้

ผู้ที่ทอดทิ้งพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เป็นผู้ที่ขวางกั้นพระประสงค์ของพระองค์ยิ่งกว่าผู้ที่ไม่เชื่อศรัทธาในพระองค์
พฤติกรรมใดล่ะที่เป็นความผิดมหันต์ต่อความรัก ที่ยิ่งกว่าการทอดทิ้งผู้ที่เขาเคยรัก?
ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทำงานในจิตใจและชีวิตของผู้ใด
ผู้นั้นควรต้อนรับพระประสงค์ของพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี

การทอดทิ้งประการเดียวที่องค์พระผู้เป็นเจ้ายอมรับคือ
การที่ท่าน...ปฏิเสธตนเอง
เป็นการละทิ้งความเป็น “ตัวกู” ตามที่พระองค์บัญชา
เป็นการยอมลงจากบัลลังก์ชีวิตของท่านเอง และ
อัญเชิญพระองค์ขึ้นครอบครองแทน และ
สาวกคนนั้นจะกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ด้วยความเต็มใจ
ด้วยการยินดีต้อนรับพระประสงค์ของพระองค์อย่างปลาบปลื้มใจ

ในบรรดาสาวกที่แท้จริงขององค์พระผู้เป็นเจ้า
สาวกแต่ละคนจะมีพัฒนาการด้านจิตวิญญาณ
ในขั้นแรกจะมีความชื่นชมยินดีและอัศจรรย์ใจเมื่อแรกพบองค์พระผู้เป็นเจ้า
จากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้บทเรียนชีวิตการเป็นสาวก และ
บ่มเพาะวินัยชีวิตด้วยความราบเรียบและต่อเนื่องยาวนาน
เมื่อท่านหวนระลึกถึงอดีตที่ผ่านมา...
ท่านจะบังเกิดความชื่นชมยินดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต

ด้วยประสบการณ์ที่ท่านมีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยความอดทนอย่างต่อเนื่องของท่านในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
ทำให้เกิดการสั่งสมประสบการณ์ในตัวท่าน
ที่พระองค์ทรงเสริมสร้างสนับสนุนท่าน
ด้วยการทรงนำของพระองค์
ด้วยโอกาสและสถานการณ์นับครั้งไม่ถ้วน
ที่ท่านต้องอัศจรรย์ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อท่านมองย้อนหลัง...
ท่านจะพบความรักของพระองค์ที่มีต่อท่าน
ตามที่เคยบอกท่านไว้ล่วงหน้าแล้วนั้น
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ เป็นประสบการณ์ชีวิต
เป็นบทเรียนชีวิตที่ค่อยๆ เพิ่มและพูนขึ้น
ก่อเกิดความรู้สึกและการอัศจรรย์ใจที่มากขึ้น
อย่างต่อเนื่อง และเสมอมา
ตลอดกาลเวลาที่ผ่านมาด้วยความชื่นชมยินดี

ความชื่นชมยินดีนั้นมีสองประการ
ประการแรก ความชื่นชมยินดีที่ก่อเกิดขึ้นมาจากความรักและความอัศจรรย์ใจ และ
ประการต่อมา ความชื่นชมยินดีที่ก่อเกิดจากความรักและความรู้ และ
ระหว่างประสบการณ์ของความชื่นชมยินดีทั้งสองประการนี้ปูด้วยฐานแห่งวินัยชีวิต
ความสิ้นหวังจึงถูกขจัดออกไป

แต่การที่ท่านจะไปถึงซึ่งความชื่นชมยินดีดังกล่าว...
ท่านต้องฝ่าฟันในชีวิตด้วยกำลังขององค์พระผู้เป็นเจ้า หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง
ท่านต้องพึ่งพาพระองค์ในการฝ่าฟันดังกล่าว
เพราะในตัวท่านเองมีแต่ความมืดบอด และไร้ความช่วยเหลือใดๆ
ท่านต้องให้องค์พระผู้เป็นเจ้าต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้น

ส่วนตัวท่าน...
จงยอมเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์
ยอมรับวินัยชีวิตจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
แล้วความชื่นชมยินดีประการที่สองก็จะตามมา


ความชื่นชมยินดีประการที่สองนี้ก็คือความชื่นชมยินดีที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเคยกล่าวว่า
“ความชื่นชมยินดีที่เราให้แก่เจ้านั้น ไม่มีใครจะเอาไปจากเจ้าได้”

อย่าพึงพอใจเพียงความชื่นชมยินดีในประการแรกเท่านั้น
เพราะความชื่นชมยินดีประการที่สอง
เป็นของประทานที่ยิ่งใหญ่กว่า

11 พฤษภาคม 2553

สำแดงพระคริสต์ในวันนี้

รักเมตตากรุณา
พระคริสต์ผู้เปี่ยมด้วยความรักเมตตากรุณา
พระราชกิจของพระองค์สำเร็จด้วยพลังแห่งความรัก
พระราชกิจของพระองค์ที่ผ่านชีวิตของผู้เชื่อในพระองค์ก็สำเร็จด้วยรักเมตตากรุณาเช่นกัน
รักที่ห่วงใยและเอาใจใส่นั้นจึงเป็นพลังอันสำคัญของชีวิต

ในวันนี้...
จงรักทุกคนที่ท่านรับใช้
จงรักทุกคนที่ท่านบ่มเพาะ เลี้ยงดู เอาใจใส่ และ ฝึกฝน
จงรักทุกคนที่ร่วมงานกับท่าน
จงรักทุกคนที่รับใช้ท่าน

ท่านจงดำเนินชีวิตในทุกด้าน...
ด้วยการใคร่ครวญถึงความจริงที่ว่า พระเจ้าทรงเป็นความรัก
แล้วให้ความคิดนี้เป็นสะพานเชื่อมต่อท่านกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงมีชีวิตอยู่บนรากฐานการกระทำด้วยรักเมตตาที่พระคริสต์ทรงกระทำในโลกนี้
เพื่อทุกคนที่ท่านสัมพันธ์ด้วยจะสามารถสัมผัสถึงความรักของพระคริสต์ผ่านชีวิตวันนี้ของท่าน

การกระทำใดๆ ที่เป็นการทรงกระทำจากพระเจ้า
การนั้นเป็นการกระทำของความรักเมตตากรุณา
ความรักที่สมบูรณ์เป็นผู้กระทำการกิจการนั้น
การกระทำนั้นจึงที่น่าทึ่ง

ดังนั้น ท่านก็เช่นกัน
ที่ต้องใส่ความรักของพระคริสต์ลงในงานชีวิตด้านต่างๆ ของท่านในทุกวัน
ความรักที่สมบูรณ์หมายถึงการยกโทษที่สมบูรณ์
ท่านที่รักในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ท่านเห็นแล้วว่าที่ใดที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วยที่นั่นจะขาดการยกโทษไม่ได้
เพราะที่ใดขาดการยกโทษที่นั่นก็ขาดความรัก

เพราะพระเจ้าเป็นความรัก เราจึงไม่พิพากษา/ตัดสินผู้อื่น
เพราะพระเจ้าเป็นความรัก เราจึงไม่ขุ่นเคืองใจผู้ที่เราพบเห็น
เพราะพระเจ้าเป็นความรัก เราจึงเปี่ยมด้วยความอดทนในทุกกรณี
เพราะพระเจ้าเป็นความรัก เราจึงกระทำทุกอย่างด้วยพระกำลัง
เพราะพระเจ้าเป็นความรัก เราจึงพร้อมหนุนช่วยผู้คนรอบข้าง

สิ่งที่จำเป็นที่สุดที่ท่านจะต้องมีคือ
ความรักที่ท่านมีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และ
ความรักที่ท่านมีต่อเพื่อนมนุษย์
การที่ท่านรักพระเจ้านั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงการที่ท่านเชื่อฟังพระเจ้า
การที่ท่านเชื่อฟังพระเจ้า...
ท่านจึงดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ และ
ท่านจึงดำเนินชีวิตตามพระบัญชาทุกประการของพระเจ้า
ความรักนั้นต่างหากที่ทำให้บัญญัติทั้งสิ้นถึงซึ่งความสำเร็จ
จงอธิษฐานให้มากเพื่อท่านจะกระทำทุกอย่างในชีวิตด้วยความรัก
เพื่อการกระทำทุกอย่างของท่านจะสำแดงให้คนอื่นได้สัมผัสกับความรักของพระคริสต์
ในวันนี้...

09 พฤษภาคม 2553

รู้สึกขาดกำลังหรือ?

จงเชื่อฟังพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะนั่นเป็นย่างก้าวที่จะนำท่านไปสู่ความสำเร็จ
เหนือสิ่งอื่นใด จงสงบ อย่าหวั่นไหว

เมื่อใดก็ตามที่ความสงบได้สูญเสียไปแม้เสี้ยววินาที
ท่านจงกลับไปสู่ความสงบแห่งชีวิต
เพื่อฟื้นฟูความสงบให้กลับคืนมาใหม่ในชีวิต

ท่านจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ก็ด้วยความสงบ...
มากกว่าการตะบี้ตะบันทำกิจกรรมตลอดทั้งวันอันยาวนาน

ไม่ว่าท่านจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม
แต่จงรักษาความสงบมั่นคงในชีวิตไว้
ท่านจะช่วยใครไม่ได้เลย...
เมื่อท่านเองเกิดความปั่นป่วนเร่าร้อนวุ่นวายใจในตัวท่านเอง

พระเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน
มิได้มองดูชีวิตด้วยมุมมองของมนุษย์

อย่ารู้สึกว่าไม่พึงพอใจ หรือ
รู้สึกขาดความสามารถในภารกิจใดๆ ที่ท่านต้องรับผิดชอบ
เพราะงานทั้งสิ้นสำเร็จได้ก็ด้วยพระวิญญาณของเรา
ไม่ใช่เพราะกำลังความสามารถของท่าน

กำลังแห่งพระวิญญาณดังกล่าว
จะหลั่งไหลผ่านท่อชีวิตของผู้เล็กน้อยและถ่อมสุภาพ
ท่อชีวิตดังกล่าวจะต้องไม่มีสิ่งอุดตันใดๆ
จงขจัด “ตัวกู” ออกไปจากตัวท่าน
แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี

จงทูลอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในทุกเรื่อง
แต่มุ่งเพ่งพินิจในบางเรื่องเท่านั้น
จนกว่าเรื่องเหล่านี้จะถึงซึ่งความสำเร็จ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้ามองและดูแลเหนือชีวิตท่าน
ให้กำลังแก่ท่านในในภารกิจที่ท่านต้องรับผิดชอบทุกวัน ทุกเวลา
แต่ถ้าท่านขาดทูลอธิษฐาน ห่างเหินจากพระองค์
ก็เป็นความผิดบาปบกพร่องของเจ้าท่าน
ที่นำท่านให้ล้มเหลวเพราะขาดกำลัง

06 พฤษภาคม 2553

จงมีน้ำใจถ่อมสุภาพกับทุกคน

รักและเสียงหัวเราะ คือสิ่งที่ท่านให้กับโลกในวันนี้
จงทำให้โลกที่ท่านเป็นอยู่ในวันนี้ เป็นโลกที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของท่าน
จงรักและปีติเบิกบานแม้ในวันที่ชีวิตมืดครึ้ม

ในชีวิตการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์
ท่านจะต้องประสบกับทั้งวันทนทุกข์ยาก ”ในถิ่นทุรกันดาร” และ
วันที่ปีติชื่นชมเบิกบานที่น่าอัศจรรย์ใจบน “ภูเขาแห่งการจำแลงพระกาย”
แต่ทั้งสองสภาพการณ์ของชีวิตที่ประสบนี้
เป็นหน้าที่ของเราในฐานะสาวกของพระเยซูคริสต์
ที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เหล่านั้น
ด้วยการยืนหยัดมั่งคง
ด้วยความเพียรพยายาม และ
ด้วยความสัตย์ซื่อเชื่อมั่นในพระเจ้าจนถึงที่สุด

ท่านจงมีน้ำใจถ่อมสุภาพกับทุกคน
ท่านจงพยายามที่จะมองลึกเข้าไปในหัวใจของคนเหล่านั้น
ด้วยมุมมองขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อท่านจะเห็นและรู้ถึง
ความเจ็บปวด และ
ความทุกข์ยากลำบาก
ในชีวิตของคนอื่นที่ท่านพบเจอ

ก่อนที่ท่านจะสนทนา หรือ สื่อสารกับใคร
ท่านจงทูลขอให้องค์พระวิญญาณทรงเป็นสื่อกลาง
ที่จะช่วยท่านทั้งสองฝ่ายเข้าใจความหมายซึ่งกันและกัน

จงดำเนินชีวิตด้วยวิญญาณแห่งการอธิษฐาน
คือการที่ท่านจะสนทนาสื่อสารกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ในทุกสถานการณ์
ในทุกกิจกรรมชีวิตของท่าน
ท่านจะพบกับการผ่อนคลายในชีวิต

การที่ท่านกระทำหน้าที่ธรรมดาๆ ของท่าน
ด้วยความสัตย์ซื่อ
ด้วยใจศรัทธา และ
ด้วยการยืนหยัดเพียรพยายาม
ชีวิตเช่นนี้จะนำมาถึงท่านซึ่ง “รางวัลแห่งชีวิต” แก่ท่าน และ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นเหมือนชิ้นหินโมเสคชิ้นเล็กๆ
ที่ได้วางปะติดปะต่อกันที่ปูไปบนเส้นทางสู่ความสำเร็จในชีวิตของท่าน
ท่านจงมีชีวิตที่เบิกบาน ยินดีต้อนรับทุกคนที่ที่ผ่านและพบกับท่านในวันนี้

ทุกลมหายใจเข้าและออก
ท่านจงตระหนักรู้เสมอว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักท่านและกำลังยิ้มให้กับท่าน

02 พฤษภาคม 2553

สมรรถนะจากเบื้องบน

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมล้นด้วยพลังอำนาจ และ
พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งทั้งสิ้น และ
ทุกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของท่านอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
สมรรถนะจากเบื้องบน และ พลานุภาพจากองค์สูงสุดจะ
เปลี่ยนแปลงท่าน
ขัดเกลาท่าน
หนุนช่วยท่าน
เสริมและสร้างท่านในเวลาที่เหมาะสม
การอัศจรรย์ทั้งสิ้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีทันใดอย่างที่มนุษย์จินตนาการกัน

เปโตรผู้รับใช้ของพระคริสต์
มิได้เปลี่ยนแปลงไปในชั่วพริบตาเดียว
จากสามัญชนคนจับปลาเป็นผู้นำและนักสอนผู้ยิ่งใหญ่
แต่ชีวิตของเปโตรต้องผ่านขั้นตอนขัดเกลาในความไม่สัตย์ซื่อ
แม้เปโตรจะปฏิเสธพระคริสต์
แต่พระองค์ก็ยังเสริมสร้างเขาทุกทางให้เป็นตามที่เขาควรจะเป็น
เปโตรคนปากไวไม่ไตร่ตรอง
หุนหันพลันแล่น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขัดเกลาจนเขาสามารถเป็นคนที่จะนำสาวกคนอื่นๆ ได้

เปโตรจะไม่สามารถเป็นคนที่มีพลังอำนาจอย่างที่เขาเป็น
ถ้าเขาไม่เรียนรู้ถึงความอ่อนแอที่เขามีในชีวิตที่ผ่านมา
ไม่มีใครได้รับความรอดได้
ถ้าเขาไม่เรียนรู้ว่าเขาเป็นคนบาป

ภายหลังเปโตรเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะทำงานเพื่อพระคริสต์อย่างมาก
เขาตั้งคริสตจักรของพระคริสต์เจ้า
แต่มิใช่เปโตรคนนี้หรือที่เป็นคนแรกที่พูดว่า
“พระองค์คือพระคริสต์ พระบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์”
แต่เปโตรคนเดียวกันนี้มิใช่หรือที่ปฏิเสธพระเยซูถึงสามครั้ง
เปโตรคนนี้แหละที่รู้ถึงคุณค่าของการได้รับการอภัยจากพระคริสต์
เพราะในเวลาที่เขาสิ้นหวังด้วยความเศร้าเสียใจที่สุด
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไปหาเขา อภัย เปิดโอกาสใหม่ในชีวิต
เขาจึงเป็นคนที่จะพูดถึงพระคริสต์ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดได้ดีที่สุด

ผู้ที่จะประกาศถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าได้
ต้องเป็นผู้ที่ได้ลิ้มรสและเรียนรู้ถึงคุณค่าแห่งแผ่นดินนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงฝึกฝน ขัดเกลาสาวกของพระองค์
ตามสภาพชีวิตของแต่ละคน
ท่านจงชื่นชมยินดีเถิด
ที่พระองค์ทรงขัดเกลาและฝึกฝนท่านนั้นเพราะพระองค์ทรงรักท่าน
พระองค์จะไม่ให้มีทดลองใดเกิดขึ้นกับท่าน เกินกว่ากำลังที่ท่านจะทนรับได้

ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่าน
นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย
พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม
พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และ
เมื่อท่านถูกทดลองนั้น
พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย
เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้ (1โครินธ์ 10:13)