28 สิงหาคม 2562

จะหลุดจาก “วงจรอุบาทว์แห่งความเครียดกังวล” อย่างไร?

เราทุกคนคงเคยมีชีวิตที่ “ลื่นไถล หรือ ก้าวพลาดพลั้ง”   บางครั้ง “เสียหลัก” ต้องหยุดนิ่งแล้วตั้งหลักใหม่   แต่บางครั้งก็ลมหกคะเมนลงไปอย่างไม่เป็นท่า  ในสถานการณ์ชีวิตเช่นนั้น  เราต้องไม่ลืม “ความรักอันมั่นคงของพระเจ้าที่จะค้ำจุนชีวิตของเราไว้”

18เมื่อ... “เท้าของข้าลื่นไถลพลาดลง”
  ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
  ความรักมั่นคงของพระองค์ค้ำจุนข้าพระองค์ไว้
19เมื่อความกังวลทับถมจิตใจข้าพระองค์
   การปลอบโยนของพระองค์ก็ทำให้จิตใจข้าพระองค์ปีติยินดี
                                                               (สดุดี 94:18-19 สมช.)

แต่บางครั้งเราวิตกกังวล  และการวิตกกังวลนั้นมันต่อเนื่องยืดยาว  มันพันกันจนยุ่งวุ่นวาย  จนเป็นภาระหนักทับอก สับสนจนไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับชีวิต  เรากำลังตกใน “วงจรอุบาทว์แห่งความวิตกกังวล”  เราทุ่มเทเวลาชีวิตอย่างสุดกำลังจนเหนื่อยอ่อนหมดแรง  ไม่ต่างอะไรกับหนูที่วิ่งติดจั่น  แต่ไม่มีสิ่งดีอันใดเกิดขึ้นในชีวิต  

ในเวลาเช่นนี้ ไม่รู้จะหันไปหาใคร...อย่าลืมว่า... 

พระเจ้าเคียงข้างเราอยู่พร้อมที่จะ “ปลอบโยน” ให้จิตใจเราสงบ   ช่วยให้เรามองใหม่  คิดใหม่ ตัดสินใจใหม่ พบทางใหม่ ลงมือทำใหม่  เราได้รับประสบการณ์ใหม่ ในเวลาเช่นนี้จิตใจที่ห่อเหี่ยวหมดแรงก็จะค่อยกลับคลายสู่ “จิตใจที่ปีติยินดี”  พระเจ้าทรงฉุดช่วยเราให้หลุดรอดออกจาก “วงจรอุบาทว์แห่งความวิตกกังวล”  สู่ชีวิตที่แช่มชื่นปีติอีกครั้งหนึ่ง   ยิ่งกว่านั้น ฐานเชื่อกรอบคิดของเรา (Mindset) ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาหยั่งรากลึกด้วย

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
อ่านข้อเขียน/บทใคร่ครวญก่อนหน้านี้ได้ที่  http://prasitemmaus.blogspot.com/


22 สิงหาคม 2562

“อะไรอยู่ในมือของท่าน?”

บ่อยครั้งที่เราหันหน้าเข้าหาพระเจ้า ทูลขอต่อพระองค์ในสิ่งที่เราไม่มี สิ่งที่เราต้องการ ปัญหาที่เราเผชิญ ความทุกข์ยากที่ต้องการหลุดพ้น การเยียวยารักษาในความป่วยไข้ ฯลฯ

แต่เราพบบทเรียนที่ล้ำค่าจากพระคัมภีร์ พระเจ้าถามกลับเราว่า “แล้วตอนนี้เจ้ามีอะไรอยู่...มีทุนชีวิตอะไรบ้างที่ท่านมีอยู่ พระเจ้าต้องการให้เราค้นหา “สิ่งที่เรามีอยู่” และเริ่มใช้สิ่งที่มีอยู่ลงมือทำให้เกิดสิ่งที่เราต้องการ เพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตในเวลานั้น ๆ ตัวอย่างเช่น

เมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้โมเสส ไปปลดปล่อยประชากรอิสราเอลของพระองค์ออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ โมเสสบอกพระเจ้าว่าเขาทำไม่ได้ บ่ายเบี่ยงทุกหนทาง จนในที่สุดพระเจ้าถามว่า “อะไรอยู่ในมือของเจ้า?” สิ่งที่โมเสสมีในเวลานั้นคือ ไม้เท้าในฐานะคนเลี้ยงแกะ และจากไม้เท้านี้เองคือจุดเริ่มต้นของพระราชกิจแห่งการกอบกู้ของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอล (อพยพ 4:1-5)

เมื่อหญิงหม้ายบอกกับเอลียาห์ว่า เธอไม่มีอะไรเหลือในชีวิตแล้ว เธอและลูกของเธอจะเอาแป้งและน้ำมันที่เหลือเพียงน้อยนิดทำขนมปังมื้อสุดท้าย แล้วรอความตายที่จะมาถึงชีวิตของนางและลูก แต่เอลียาห์ให้เริ่มต้นจากสิ่งที่เธอเหลือ แต่ให้ไปขอยืมไหใส่น้ำมันจากเพื่อนบ้านมาเท่าที่เธอจะหาได้ แล้วให้เทน้ำมันที่เหลือน้อยนิดนั้นใส่ภาชนะเปล่าที่เธอไปขอยืมจากเพื่อนบ้าน ปรากฏว่า เธอเทน้ำมันลงในภาชนะทุกชิ้นจนมีน้ำมันเต็มเปี่ยมทุกใบ สิ่งที่หญิงหม้ายมีคือ  น้ำมันก้นไห ความสัมพันธ์ที่เธอมีกับเพื่อนบ้านสามารถยืมไหเปล่ามาได้ ความเชื่อฟังทำตามเอลียาห์บอกให้ทำ (2พงศ์กษัตริย์ 4:1-7)

เมื่อเดวิดเผชิญหน้ากับโกลิอัท ที่เป็น “มวยคนละชั้น” เดวิดใช้สลิงคู่ชีพของเขา แล้วไปเลือกเก็บก้อนหินที่เหมาะกับสลิงจากลำธาร พร้อมกับทักษะในการเหวี่ยงสลิงที่พระเจ้าให้เขาสะสมจากประสบการณ์ที่ยาวนานต่อเนื่องจากการเลี้ยงและป้องกันฝูงแกะ ที่เอาชนะล้มยักษ์ใหญ่หน้าคว่ำลงได้ สิ่งที่ดาวิดมีคือ สลิง ก้อนหิน ประสบการณ์ ทักษะ และความมั่นใจในพระเจ้า (1ซามูเอล 17:20-50) ใช้ “นักมวยคนละชั้น” ลงอย่างน่าตกตะลึง

เมื่อพระเยซูบอกให้สาวกเลี้ยงดูฝูงชนประมาณ 5,000 คน สาวกตอบพระเยซูว่า เงินเท่าไหร่ที่จะพอซื้ออาหารเลี้ยงฝูงชนเหล่านี้ สาวกมองไปที่ปัญหา และ ความไม่มีของตนเองและพวกเขา   แต่พระเยซูคริสต์สอนเขาให้ “มองใหม่” ในพวกท่านใครมีอาหารอะไรบ้างไหม? พวกเขาเริ่มค้นหา และพบว่า ในฝูงชนนั้นมีเด็กคนหนึ่งมีขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว เขานำเด็กคนนั้นพร้อมอาหารมาหาพระเยซู พระองค์ขอบพระคุณพระเจ้า แล้วแบ่งปลาและขนมปังที่มีออกแบ่งให้ทุกคนได้รับประทาน และยังเหลืออีก สิ่งที่ในฝูงชนมีคือมีบางคนที่อาหาร(มากน้อยไม่สำคัญ) ความเชื่อของพระเยซู การบริหารจัดการของพระเยซูคริสต์ การบริการรับใช้ของสาวก  เหล่านี้เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์และสาวกมี พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ผ่านสิ่งที่เขามี กลายเป็นคำตอบที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไปได้ (มาระโก 6:30-44)

การทำพันธกิจในชีวิตการเป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ใช่อธิษฐานขอสิ่งที่เราไม่มี สิ่งที่เราต้องการ ขอพระเจ้าช่วยแก้ปัญหาที่เราเผชิญ แล้วก็รอว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเราอย่างไร แต่เราเรียนรู้จากพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าให้เราค้นหาให้พบ “สิ่งที่เรามีในชีวิต” “ทุนชีวิตของเรา” สิ่งที่มีในชุมชนและคริสตจักร แล้วให้เราเริ่มลงมือใช้สิ่งเรามีในการทำพันธกิจของพระองค์ และเมื่อเราทำพันธกิจนั้นเป็นการสานต่อพระราชกิจของพระเจ้าที่ได้เริ่มต้นไว้แล้ว เราก็จะพบกับพระองค์ และพบว่า พระองค์ทำพระราชกิจของพระองค์ในงานนั้นที่เรารับใช้อยู่ ถ้าเช่นนั้นเราจะขาดแคลนอะไรอีก?  

ท่านมีอะไรอยู่ในมือของท่านขณะนี้ จงเริ่มใช้สิ่งเหล่านั้นในชีวิตประจำวันทำพันธกิจรับใช้พระคริสต์ในวันนี้

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

19 สิงหาคม 2562

การสร้างสาวกพระคริสต์เริ่มต้นที่ชีวิตส่วนตัวของศิษยาภิบาล


คริสตจักรท้องถิ่นไทยหลายแห่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เรียกว่าเป็นคริสตจักรที่มีวัฒนธรรมและประเพณีปฏิบัติเฉพาะที่ส่งทอดกันมายาวนาน ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรมักไม่คุ้นชินกับคำว่า “การสร้างสาวกพระคริสต์” แต่คุ้นชินกับคำว่า “การเสริมสร้างชีวิตคริสเตียน” ในสมาชิกมากกว่า และบ่อยครั้งที่เป็นการเสริมสร้าง ความรู้เรื่องชีวิตคริสเตียน มากกว่าการมี “ชีวิตคริสเตียน” เรียนจากชั้นเรียนหนึ่งขึ้นไปสู่อีกชั้นเรียนหนึ่ง

เมื่อต้องมาเผชิญกับสิ่งใหม่อย่าง “การสร้างสาวกพระคริสต์” เกิดคำถามในจิตใจว่า แล้วเขาสร้างสาวกพระคริสต์กันอย่างไร? และยิ่งมีการพูดออกมาชัดเจนว่า “คนที่จะสร้างสาวกพระคริสต์ได้นั้น คน ๆ นั้นต้องมีประสบการณ์ได้รับการสร้างให้เป็นสาวกพระคริสต์มาก่อน” นั่นหมายความว่า ศิษยาภิบาลที่ทำงานต่อเนื่องในคริสตจักรท้องถิ่นในกลุ่มนี้ถูกตีกรอบให้ไม่สามารถสร้างสาวกพระคริสต์(?) ถ้าจะสร้างสาวกพระคริสต์ต้องไปรับการ “สร้าง” จากกลุ่มที่มีผลงานในการสร้างสาวกพระคริสต์ก่อน(?) ถ้าเป็นศิษยาภิบาลรุ่นหนุ่มสาวอายุน้อยที่รับการสร้างจากศิษยาภิบาลรู้พี่ รุ่นพ่อ(แม่)ก็ทำได้สะดวกใจ แต่ถ้าเป็นศิษยาภิบาลรุ่นใหญ่รุ่นพี่ หรือ รุ่นพ่อต้องรับการสร้างให้เป็นสาวกพระคริสต์จากศิษยาภิบาลรุ่นน้องรุ่นลูกคงจะลำบากใจไม่ใช่น้อย 

เริ่มต้นที่สร้างชีวิตสาวกพระคริสต์ในชีวิตตนเอง

การสร้างสาวกพระคริสต์ คือการที่ผู้เชื่อท่านนั้น ๆ ตัดสินใจที่จะมีชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างชีวิตของพระคริสต์ และ ตามคำสอนที่พระองค์สั่งและสอน ด้วยการหนุนเสริมสร้างใหม่จากพระวิญญาณของพระเจ้า และ จากพระคริสต์ที่เข้ามาทำงานในชีวิตประจำวันของเราให้มีชีวิตอย่างที่พระองค์ต้องการ

แล้วเราจะมีชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์ตามการสอนของพระองค์อย่างไร?

ในอุปมาที่พระเยซูคริสต์ใช้สอนถึงชีวิตที่ เติบโต เข้มแข็ง และเกิดผล ต้องเป็นชีวิตที่ติดสนิทเป็นเนื้อเดียวกับพระองค์ ดั่งคำอุปมาเรื่อง “เถา และ แขนงองุ่น” จากยอห์น 15:1-8 เราเรียนรู้ความจริงจากอุปมานี้คือ  

ประการแรก พระเยซูคริสต์เป็นเถาองุ่น เราแต่ละคนเป็นแขนง และ พระบิดาเป็นเจ้าของสวนที่ดูแลเอาใจใส่สวนองุ่นนี้(ข้อ 1)  

ประการที่สอง พระบิดาจะตัดกิ่ง/แขนงที่ไม่เกิดผลออกไปจากชีวิต(แขนง)ของเรา เราจะยอมให้พระบิดาตัดบางส่วนในชีวิตเราออกหรือไม่? ยิ่งกว่านั้น แขนงหรือส่วนที่เกิดผลพระองค์จะ “ลิด” เพื่อให้เกิดผลมากขึ้น(ข้อ 2)

ประการที่สาม แขนงที่เกิดผลได้นั้นก็เพราะแขนงนั้นติดแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกับเถาหรือลำต้น และการที่เราติดสนิทกับพระคริสต์เป็นโอกาสที่ “พระคำและแบบอย่างชีวิตของพระองค์” จะซึมซับเข้าไปหล่อเลี้ยงชีวิตของแขนงคือชีวิตประจำวันของเราให้เกิดผล(ข้อ 3-7)

ประการที่สี่ ถ้าชีวิตของเราไม่ติดสนิทกับพระคริสต์ ชีวิตของเราก็จะเหี่ยวแห้ง ถูกตัดออกจากลำต้น แล้วถูกนำไปเผาไฟเสีย(ข้อ 6) และพระคริสต์ยังสัญญาว่า ถ้าเราเข้าติดสนิทในพระองค์  เราจะมีประสบการณ์ส่วนตัวที่จะเข้มแข็งเติบโตขึ้นในชีวิตการเป็นสาวกพระคริสต์ ชีวิตของเราจะไม่มีทางแห้งเหี่ยว หรือ เฉาตาย

ประการที่ห้า ชีวิตที่ติดสนิทกับพระคริสต์จะเป็นชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์ที่เกิดผลมาก   เป็นชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า(ข้อ 8) ชีวิตที่ติดสนิทแนบกับพระคริสต์เป็น “หัวใจ” ของการเป็นสาวกของพระคริสต์

ถ้าเป็นเช่นนี้ ข่าวดีคือ การเป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตส่วนตัวของเราในพระคริสต์ พระเจ้าทรงตัดแต่งชีวิตของเราเพื่อชีวิตของเราจะเติบโตเข้มแข็งขึ้น พระองค์ปรับแต่งเป้าหมายในชีวิตของเราให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง นำเราให้กลับใจ เปลี่ยนฐานเชื่อกรอบคิดเสียใหม่ และเมตตากรุณาในการขจัดกอบกู้ชีวิตของเราจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว

ความจริงก็คือ พระเจ้าต้องการให้เราเติบโต เกิดผล และรุ่งเรือง ทางเดียวที่ชีวิตของเราจะสำเร็จตามที่พระเจ้าต้องการดังกล่าวคือ เริ่มต้นที่เรามอบกายถวายชีวิตให้พระองค์เอาใจใส่ในการตัดแต่งชีวิตด้านต่าง ๆ ของเรา ชีวิตสาวกพระคริสต์เริ่มต้นที่พระคริสต์ทรงสร้างเราให้มีชีวิตใหม่ตามพระประสงค์ของพระองค์

และนี่คือทางหนึ่งที่ทั้งศิษยาภิบาล ผู้นำคริสตจักร และสมาชิกแต่ละคนจะสามารถเริ่มต้นมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นสาวกพระคริสต์ได้ด้วยการรับการสร้างใหม่จากพระคริสต์  เพื่อเราจะเป็นคนที่เสริมหนุนผู้เชื่อคนอื่น ๆ ให้ยอมมอบกายถวายชีวิตรับการเสริมสร้างชีวิตใหม่ ให้มีชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์ คือการที่มีชีวิตเป็นเหมือนแบบอย่างและคำสั่งสอนของพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน   เป็นชีวิตที่เติบโต เข้มแข็ง และเกิดผลอย่างพระคริสต์ต่อไป

หากเราปรารถนาที่จะเห็นสวน(คริสตจักร)ที่เราเพาะปลูกดูแลเติบโตขึ้นอย่างสวนที่พระคริสต์ปรารถนา เราต้องใส่ใจชีวิตการเป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตส่วนตัวของเราเอง ซึ่งมี 4 ขั้นตอนของการปฏิบัติสำหรับชีวิตสาวกพระคริสต์ในชีวิตส่วนตัวของเรา ดังนี้
  1. กลับใจจากความบาปชั่วที่เราได้กระทำ
  2. มีชีวิตประจำวันที่ติดสนิทกับพระคริสต์ 
  3. ดูดซับเอาพระวจนะของพระเจ้าเป็นน้ำเลี้ยงในการดำเนินชีวิตประจำวัน และภาวนาอธิษฐานขอกำลังในการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างและคำสั่งสอนของพระคริสต์
  4. มีชีวิตเกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า






ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

14 สิงหาคม 2562

อธิษฐานในยามวิกฤติ

อ่าน ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ถอดบทเรียนจาก สดุดี 86:1-13

เมื่อชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่น เราชื่นชมและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพรที่ประทานให้

เราดีใจที่พระเจ้าตอบคำร้องทูลขอของเรา

แต่เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นในชีวิตของเรา เรามักเกิดความสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระเจ้ามิได้ตอบคำร้องทูลขอของเราตามความใจร้อน ความต้องการตามความเร่งด่วนของเรา 

จากนั้นเราก็จะเริ่มต่อรองกับพระเจ้า (ทั้งที่ตั้งใจและลืมตัว)

บางครั้ง คำร้องทูลขอของเรากลายเป็นคำแนะนำให้พระเจ้าช่วยแก้ปัญหาให้เรา อย่างที่เราคิด เราต้องการ

อย่างไรก็ตาม การที่เราอธิษฐานมิใช่เพื่อที่พระเจ้าจะทำตามคำร้องทูลขอของเรา หรือทำตามสิ่งที๋เราห่วงใย กังวล และ ตามความจำเป็นต้องการของเรา

แต่การอธิษฐานเป็นการที่เราไว้วางใจพระเจ้าว่า พระองค์จะทำพระราชกิจของพระองค์ในวิกฤติของเราตามพระประสงค์  ตามวิธีการ และตามเวลาของพระองค์

การรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าดูเป็นเรื่องถูกต้องง่ายดายเมื่อเรามิได้เผชิญหน้าปล้ำสู้กับวิกฤติที่เร่งด่วน แต่ความยากลำบาก และ ความทุกข์ทรมานมักทำให้เราขาดความอดทน 

ในอีกด้านหนึ่ง เราอาจจะเริ่มต้นมองหาว่าเราได้ทำอะไรที่ผิดต่อพระเจ้า แต่ถ้าเราเชื่อว่าพระเจ้ารักเราจริง พระองค์จะเข้ามา “แทรกแซง” กระทำพระราชกิจของพระองค์ในวิกฤตกาลเช่นนี้  และทำให้เกิดพระพร สิ่งที่ดีเยี่ยมสำหรับชีวิตของเรา ตามน้ำพระทัยของพระองค์ ตามวิธีการ  และตามเวลาของพระองค์

เมื่อดาวิดแสวงหาการทรงช่วยเหลือช่วยกู้จากพระองค์ สดุดีบทที่ 86 เป็นแบบอย่างที่ดีที่เราจะใช้เป็นแบบที่เราทำตามได้ เมื่อดาวิดต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติแล้ววิกฤติเล่า ดาวิดได้หันหน้าแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า...

ดาวิดร้องทูลต่อพระเจ้า ดาวิดยืนยันว่า ตนเป็นของพระเจ้า แล้วดาวิดทบทวนถึงพระลักษณะของพระเจ้าว่า “...พระองค์ทรงแสนดีและพร้อมที่จะให้อภัย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องทูลต่อพระองค์” (สดุดี 86:5 อมธ.) พระลักษณะดังกล่าว เป็นพระลักษณะที่ทำให้เราสามารถไว้วางใจพระเจ้า 

การที่เราระลึกได้ถึงพระลักษณะของพระเจ้า ช่วยให้เราไว้วางใจในพระองค์เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติ เมื่อชีวิตต้องปล้ำสู้กับปัญหา ความทุกข์ยากลำบาก  

เพราะเรารู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ที่รักษาพระสัญญาของพระองค์ เพราะความบริสุทธิ์ของพระองค์ทำให้เราต้องกลับมาพิจารณา สำรวจ ตรวจสอบชีวิตตนเอง และสารภาพความบาปผิดทั้งสิ้นของเราที่บดบังขวางกั้นคำอธิษฐานทูลขอของเราต่อพระเจ้า

ด้วยพระเมตตา พระคุณ และความรักมั่นคงของพระองค์ที่ประเล้าประโลมเรา ทำให้เราสามารถอดทนในความทุกข์ยากลำบาก และมุ่งมองแสวงหา พระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำในวิกฤติชีวิตของเราที่กำลังเผชิญปล้ำสู้อยู่

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

08 สิงหาคม 2562

เริ่มต้นวันใหม่กับพระเจ้า...ส่วนตัว...ง่ายๆ!

เมื่อเราจะเริ่มวันใหม่ เราอาจจะเริ่มด้วยการใกล้ชิดติดสนิทด้วยการอธิษฐานในทำนองต่อไปนี้

ให้ชีวิตวันนี้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ ขอบพระคุณพระองค์สำหรับอีกวันหนึ่งที่ประทานให้ลูก   ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระพรมากมายที่ให้ในชีวิตของลูก ในวันนี้โปรดช่วยให้ลูกมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะพระองค์คือผู้มีคุณค่าสูงสุดของลูก

ในวันนี้โปรดใช้ลูกตามพระประสงค์ของพระองค์ ผ่านกิจการงานต่าง ๆ ที่ต้องทำและรับผิดชอบ   และโปรดช่วยลูกในการกระทำ และ การพูดจาสื่อสารกับผู้คนรอบข้างที่สำแดงถึงความรักเมตตาของพระองค์ผ่านท่าที การกระทำของลูก ให้ลูกเป็น “เกลือ และ แสงสว่าง” สำหรับสังคมโลกที่กำลังมุ่งไปสู่หายนะและทรุดโทรมเสื่อมเสีย ทูลขอพระองค์ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า  อาเมน

ให้ชีวิตวันนี้เป็นพยานถึงพระคริสต์

พระบิดาผู้สูงสุด โปรดให้พระประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีในชีวิตของลูก คือพระองค์ไม่ประสงค์ให้ใครต้องพินาศ แต่ต้องการให้กลับใจใหม่ รับการเปลี่ยนแปลงฐานเชื่อกรอบคิดใหม่จากพระคริสต์ โปรดให้พระประสงค์ของพระคริสต์ดังกล่าวเป็นความตั้งใจและปรารถนาที่จะมีชีวิตสานต่อพระประสงค์ของพระองค์ในวันนี้ ในชีวิตและการทำงานของลูก

แต่ในเวลาเดียวกัน ขอพระองค์โปรดประทานและเสริมสร้างให้ลูกมีความกล้าหาญ เป็นคนหนึ่งที่พระองค์จะใช้การได้ และ มีชีวิตประจำวันที่เป็นพยาน ถึงพระราชกิจแห่งการช่วยกู้ของพระเจ้า   เพื่อคนรอบข้างที่ลูกเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วยจะได้รู้และสัมผัสถึงความรักเมตตาของพระคริสต์ที่จะช่วยกอบกู้ชีวิตของเขาได้ ทูลขอในพระนามพระเยซูคริสต์  อาเมน

ให้ชีวิตวันนี้หลุดรอดจากบ่วงบาป

พระบิดาแห่งมวลชน วันนี้โปรดช่วยลูกให้หลุดรอดจากกับดักที่ทำให้ลูกทำความผิดบาป และโปรดช่วยให้ลูกสามารถต่อต้านการล่อลวง การทดลองทั้งมวล อย่างที่พระคริสต์สอนสาวกของพระองค์ว่า “และขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล้มลงเมื่อถูกทดลอง แต่ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากมารร้าย...” (มัทธิว 6:13 อมธ.) หรือ “อย่า​ปล่อย​ให้​เรา​แพ้​ต่อ​การ​ยั่วยวน  แต่​ขอ​ช่วย​เหลือ​พวก​เรา​ให้​พ้น​จาก​สิ่ง​ชั่ว​ร้าย” (ขจง.)

ลูกรู้อยู่ว่า ด้วยกำลังความสามารถของลูกเท่านั้นทำสิ่งนี้ให้สำเร็จไม่ได้ แต่ด้วยการช่วยเหลือของพระองค์ในวันนี้ลูกจะสามารถเอาชนะกิจการของวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นได้ ในทุกวันนี้  ลูกมิได้ต่อสู้​​กับ​มนุษย์ แต่​ต่อสู้​กับ​พวก​ผู้​ครอบ​ครอง พวก​ผู้​มี​อำนาจ ต่อสู้​กับ​พวก​เทพเจ้า​ที่​ครอง​โลก​มืด​นี้ และ​ต่อสู้​กับ​พวก​วิญญาณ​ชั่ว​ร้าย​ใน​โลก​ฝ่าย​วิญญาณ (เอเฟซัส 6:12 ขจง.) และโปรดเตือนให้ลูกระลึกเสมอว่า ในแต่ละวันต้องสวมยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า (ข้อ 13-18) ในพระนามของพระคริสต์เจ้า อาเมน

สิ่งแรกของรุ่งอรุณวันใหม่ ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ยังให้ชีวิตอีกวันหนึ่งแก่เรา จากนั้นให้เราอธิษฐานให้พระเจ้าช่วยเรามีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ และพระประสงค์ของพระเจ้าได้สำแดงผ่านการดำเนินชีวิตในวันนี้ของเรา ทั้งในการพูดจาสื่อสาร และ การกระทำต่าง ๆ และให้ชีวิตประจำวันของเราเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยการเป็นพยานถึงความรักเมตตาของพระคริสต์ที่ต้องการให้แต่ละคนได้รับการกอบกู้ให้หลุดรอดจากอำนาจแห่งความชั่วร้าย

นอกจากที่จะอธิษฐานนี้ตอนเริ่มต้นวันใหม่ ชีวิตใหม่ในวันนี้แล้ว เมื่อถึงที่ทำงานให้หาจุดสงบอธิษฐานตามอธิษฐานแรก และในตอนสาย ๆ หรือเวลาพักสั้น ๆ อธิษฐานชุดที่สอง และเวลาก่อนที่จะพักรับประทานอาหารกลางวัน อธิษฐานชุดที่สาม ให้ท่านอธิษฐานเช่นนี้ทุกวันเป็นเวลา 21 วันหรือ 3 สัปดาห์ เพื่อเป็นการบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ติดสนิทกับพระเจ้าให้แข็งแรง เติบโต  เกิดผลในชีวิตประจำวัน จนเป็นนิสัยวินัยชีวิตคริสต์ชนที่สานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ในชีวิตการทำงานประจำวันของเรา

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



วันใหม่  ชีวิตใหม่
 

04 สิงหาคม 2562

ผู้นำเริ่มต้นที่นำ “ตนเอง”... เริ่มที่ใจของตนเอง

อะไร หรือ ใครเป็นตัวกำกับการกระทำของคุณ! เฉกเช่นคำกล่าวของเปาโลที่กล่าวกับกลุ่มผู้ปกครองจากคริสตจักรในเมืองเอเฟซัสด้วยน้ำตา ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ที่มีในผู้นำที่ทรงประสิทธิภาพ   เปาโลได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าให้ไปกระทำในสิ่งที่เขาต้องได้รับความทุกข์ยากแสนสาหัส พระวิญญาณเตือนเขาตลอดเวลาว่า คุกและความทุกข์ยากลำบากรอเขาอยู่ข้างหน้า 

และสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในที่นี้คือ  ผู้นำเริ่มต้นที่การนำตนเอง  เริ่มต้นที่ “จิตใจ” ของตนเอง
22“และบัดนี้พระวิญญาณทรงบังคับ1 (นำ) ให้ข้าพเจ้าไปกรุงเยรูซาเล็ม ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่น 23รู้เพียงแต่ว่าในทุก ๆ เมืองพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือนว่าคุกและความยากลำบากรอคอยข้าพเจ้าอยู่ 24ถึงกระนั้นข้าพเจ้าถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าไม่ได้มีคุณค่าอันใดสำหรับตน ขอเพียงแต่ข้าพเจ้าวิ่งให้ถึงหลักชัยและทำภารกิจซึ่งองค์พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้สำเร็จก็แล้วกัน คือการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐที่สำแดงพระคุณของพระเจ้า (กิจการ 20:22-24 อมธ.   ตัวเอน จาก มตฐ.)
1คำว่าบังคับ ในภาษากรีกที่ใช้ในที่นี้มีความหมายว่า “ผูกมัด จำจอง”

เปาโลกล่าวถึงผู้นำคือ ผู้นำที่เริ่มต้นนำตนเอง  ด้วยการเริ่มที่ภายใน ที่ใจตนเอง  ดังนี้...
©       ใจยืนหยัดมั่นคง – เปาโลมีชีวิตที่มั่นคงในขณะที่เกิดความวุ่นวายท่ามกลางพวกเขา
©       เปิดใจเปิดเผย – เขาดำเนินชีวิตด้วยความถ่อม และเต็มใจเปิดเผยถึงความอ่อนแอในตนเอง
©       ใจกล้าหาญ – เปาโลไม่ย่อท้อหมดใจในการกระทำสิ่งที่ถูกต้อง
©       มีความมั่นใจ – เปาโลพูดถึงสิ่งที่เขามั่นใจอย่างใจกล้าหาญ
©       ใจที่อุทิศมุ่งมั่น – เปาโลออกจากกรุงเยรูซาเล็มด้วยความเต็มใจยอมตายเพื่อพระเยซูคริสต์
©       ใจที่ยอมจำนนเพื่อคนอื่น – เปาโลแสดงให้เห็นว่า การยอมจำนนมิใช่เพื่อตนเองจะอยู่รอด  แต่เพื่อคนอื่น

ทุกวันนี้  เราเป็นผู้นำแบบไหน?   เราเป็นผู้นำเพื่อตนเอง หรือ เราเป็นผู้นำเพื่อคนอื่น?



ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499