24 พฤศจิกายน 2557

เราอาจจะจำเป็นต้อง “ขอเวลานอก”?

เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับคนที่กำลังสร้างแต่ความยุ่งยากลำบาก   หรือตกในสถานการณ์ที่ไม่เห็นทางที่จะแก้ไขปัญหาได้   ในเวลาเช่นนั้น เราคงต้องยอมรับความจริงว่า ความสามารถของเรามีความจำกัด    แม้ว่าเราพยายามที่จะให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง   แต่เราก็ต้องพบกับคนบางคนบางกลุ่มที่ยืนกรานที่จะปัดข้อเสนอและความคิดของเราในการที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และกระทำในทางที่เสริมสร้างสันติสุขร่วมกัน   ในสถานการณ์เช่นนี้ผมเห็นด้วยกับคำสอนของเปาโลที่ว่า 

ถ้า​เป็น​ได้ เท่า​ที่​เรื่อง​ขึ้น​อยู่​กับ​ท่าน จง​อยู่​อย่าง​สงบ​สุข​กับ​ทุก​คน” (โรม 12:18 มตฐ.)

กล่าวอีกนัยหนึ่ง  ในสถานการณ์ที่มีแต่จะเอาแพ้เอาชนะ  หรือแก่งแย่งชิงผลประโยชน์ให้เป็นของตนอย่างร้อนแรง   ทำอย่างไรที่เราจะอยู่กับคนเหล่านั้นในสถานการณ์เช่นนี้  ที่ยังรักษาความสัมพันธ์โดยไม่ยอมกระโดดลงไปในโคลนตมที่สร้างความขัดแย้ง   ถึงแม้คนเหล่านั้นจะเป็นคนละขั้วทางความคิดเห็นกับเราก็ตาม

เราคงต้องยอมรับความจริงว่า เราไม่สามารถที่จะไปบังคับกดดันให้คนอื่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง    แม้เราจะทุ่มเทพยายามในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทั้งทางความคิดและการกระทำ   และสำนึกว่านั่นเป็นความรับผิดชอบต่อพระเจ้าก็ตาม   เราก็ยังไม่สามารถที่จะไปบังคับขู่เข็ญให้คนอื่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง

แต่ถ้าเรายอมที่จะสงบในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้  อีกทั้งยังรักษาสัมพันธภาพเท่าที่เหลือไว้   แล้วรอเวลาและโอกาสที่จะสร้างการคืนดีทางความคิดและการกระทำในอนาคต   เราก็จะมีโอกาสชักชวนเสริมสร้างทำสิ่งที่ถูกต้องในอนาคต   โดยไม่รีบด่วนร้อนใจปิดกั้นทำลายความสัมพันธ์ และ โอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตดังกล่าว

ในกรณีเช่นนี้เราต้องไม่คิดว่าวิธีนี้เป็นการเสียเวลา  เป็นการทำที่ไม่ชาญฉลาด   แต่ให้เรามองมุมใหม่ว่า นี่เป็นการ “ใช้เวลา” เพื่อเปิดพื้นที่ของโอกาสใหม่ในอนาคตที่ให้เกิดการทำในสิ่งที่ถูกต้อง   การสร้างสันติและชอบธรรมในสังคมโลกต้องการความสุขุม รอบคอบ อดทน รอคอยเพื่อสร้างพื้นที่ที่จะสร้างสัมพันธ์  ที่จะมีโอกาสสำแดงสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมในเวลาอันควร   แต่เราไม่สามารถสร้างโอกาสและพื้นที่ของการทำสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมด้วย “ความดื้อรั้นหัวชนฝา”  ด้วยความรุนแรง   และด้วยการทำลายความสัมพันธ์

วันนี้เรากำลังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ของความขัดแย้งที่เราต้องทำให้เกิด “สันติอย่างชอบธรรม” หรือไม่?   อย่าให้เราท้อแท้สิ้นหวัง   แต่ให้เราใช้เวลาที่เราไม่รู้และไม่สามารถจะจัดการเช่นไรกับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง  กับการกระทำที่ไม่ชอบธรรม   กับการกระทำที่ทำลายองค์กร ทำลายสังคม  และทำลายคนอื่น  

...ให้เราใช้เวลาที่เรามีอยู่ “ขอเวลานอก”  ดีไหมครับ?...

ในการแข่งขันกีฬาหลาย ๆ ประเภท   ในบางโอกาสโค้ช “ขอเวลานอก” เพื่อที่จะให้นักกีฬาของตนมีโอกาสพบกัน  และโค้ชบอกถึงสิ่งที่เขาเห็นในเกมที่ผ่านมา   แล้วแนะนำกลยุทธที่จะเล่นต่อไปในอนาคต   นี่เป็นการใช้เวลาน้อยนิดที่เหลืออยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด   ท่ามกลางวิกฤติความเข้มข้นในการขับเคี่ยว   เพื่อใช้เวลาสร้างการรู้เท่าทันเกมและวางแผนที่แหลมคมที่จะเล่นในช่วงเวลาเท่าที่เหลืออยู่

ท่ามกลางวิกฤติขัดแย้งในการกระทำที่ไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรม   เราใช้เวลาเช่นนี้เป็นเวลานอกของเรา   เพื่อจะรู้เท่าทันว่า   เราจะสร้างพื้นที่และโอกาสที่จะให้เกิดการกระทำที่ถูกต้องชอบธรรมอย่างไรในอนาคต   เราไม่วิ่งหนีออกจากสนาม  หรือ ประท้วงหยุดเล่นกลางคัน   เกมการแข่งขันที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมยังดำเนินต่อไปอยู่   แต่เราจะไม่ลดละที่จะใช้เวลาเช่นนี้ที่จะเรียนรู้เท่าทัน  และมองหาพื้นที่และโอกาสที่เราจะหนุนเสริมให้เกิดการกระทำอย่างถูกต้องชอบธรรมต่อไป

เราสามารถใช้วิกฤติวันนี้เป็นโอกาสขอ “เวลานอก” แล้วแสวงหาและเตรียมกระบวนการเสริมสร้าง การกระทำที่ถูกต้องยุติธรรม ตามการทรงนำของพระเจ้า   ด้วยพระปัญญาที่ประทานให้   และด้วยพลังหนุนเสริมจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  และ ด้วยการรอคอยเวลาของพระเจ้า  ครับ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

19 พฤศจิกายน 2557

อย่าลืม...อิมมานูเอล: พระเจ้าเคียงข้างเรา

ใน​โลก​นี้​ท่าน​จะ​ประ​สบ​ความ​ทุกข์​ยาก
แต่​จง​มี​ใจ​กล้า​เถิด เพราะ​ว่า​เรา​ชนะ​โลก​แล้ว  (ยอห์น 16:33 มตฐ.)

พระเจ้าทรงดี   ในความจริงแล้วมิได้หมายความเพียงว่าพระเจ้าทรงกระทำสิ่งดีที่ทำให้เราสุขสบายดั่งใจปรารถนาของเรา   แต่พระเจ้าทรงดียิ่งกว่านั้น   ในท่ามกลางความทุกข์ยากลำบาก  ท่ามกลางการทนทุกข์  ท่ามกลางวิกฤติมืดบอดในชีวิตไม่รู้จะไปทางไหน    เมื่อเราต้องดั้นด้นไปในเส้นทางหุบเหวแห่งความตาย  ต้องเดินผ่านทางแห่งเงามัจจุราช   พระเจ้าทรงสถิตในเรา  และเคียงข้างทุกย่างก้าวในชีวิตของเรา

ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ยืนยันพระสัญญาของพระเจ้าว่า
เมื่อ​เจ้า​ลุย​ข้าม​น้ำ เรา​จะ​อยู่​กับ​เจ้า
และ​เมื่อ​ข้าม​แม่​น้ำ มัน​จะ​ไม่​ท่วม​เจ้า
เมื่อ​เจ้า​เดิน​ผ่าน​ไฟ เจ้า​จะ​ไม่​ถูก​ไหม้
และ​เปลว​เพลิง​จะ​ไม่​เผา​เจ้า  (อิสยาห์ 43:2-3)
พระเจ้าทรงดีต่อเรา   เพราะพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเรา  หนุนเสริมและด้วยพระราชกิจของพระองค์ที่ทรงกระทำในชีวิตของเราในเวลาที่ตกต่ำและทุกข์ยากเช่นนั้น   และทรงนำเราจาริกไปถึงความสำเร็จที่พระองค์ทรงเตรียมไว้เพื่อเรา

พระเยซูคริสต์ให้สาวกและเราผู้เชื่อแต่ละคนมีชีวิตในสังคมโลกที่ถูกอิทธิพลของความบาปชั่วครอบงำ   ทดลอง  ล่อลวง  หลอกล่อ  กล่าวหา  กล่าวร้าย  พยายามทุกหนทางที่จะให้ชีวิตของเราต้องทุกข์ยากแสนสาหัสเพื่อให้เราต้องท้อถอยยอมแพ้  

เพื่อจะบดขยี้ให้ชีวิตของเราล้มเหลว   แทนการที่เราถวายพระเกียรติพระองค์ด้วยความอดทนท่ามกลางชีวิตที่ทุกข์ยากลำบาก  

เพื่อทำให้ชีวิตของเราตกหลุมพรางจนไม่สามารถที่สำแดงพระคุณของพระเจ้าที่มีในชีวิตของเราแก่ผู้อื่น  

ในสถานการณ์ชีวิตที่ดูเหมือนกำลังสิ้นหวังหมดกำลังเช่นนี้   เราสัมผัสกับความดีของพระเจ้าแห่งการทรงกอบกู้ ไถ่ถอนเราให้ออกจากอำนจบาปชั่วเหล่านั้น   และทรงประทานกำลังผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาหนุนเสริมในชีวิตของเรา   พระองค์ทรงยกเราขึ้น  กู้เราออกจากจากอำนาจบาปชั่วเหล่านั้น   พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของเรา  ชีวิตและความเชื่อของเราได้รับการทรงเสริมสร้างให้เติบโตและเข้มแข็งขึ้น 

พระเยซูคริสต์มิได้บอกกับสาวกว่า “เราต้องจากพวกท่านไปแล้ว  ท่านจงอยู่ต่อไปในโลกนี้ และโชคดีนะ”

แต่พระองค์บอกความจริงกับสาวกว่า...
โลกนี้จะเกลียดชังท่าน
พวกเขาจะข่มเหงท่าน
พวกเขาจะขับไล่ท่านออกจากธรรมศาลา
พวกเขาจะเข่นฆ่าทำลายท่านเพราะคิดว่านั่นเป็นการกระทำเพื่อรับใช้พระเจ้า (ยอห์น บทที่ 14-16)

แล้วพระองค์บอกความจริงแก่เราต่อไปว่า  “เราจะอยู่กับเจ้าเสมอไป...”  

ไม่ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง  ถูกกล่าวร้าย  ทำลาย  หรือตกอยู่ท่ามกลางความทุกข์ยากเลวร้ายในรูปแบบใดก็ตาม พระองค์ทรงอยู่กับเรา   พระองค์ทรงเป็นองค์อิมมานูเอล   องค์พระเจ้าที่อยู่กับเราในทุกสถานการณ์ชีวิต   แม้เราจะต้องเดินไปในหุบเขาเงามัจจุราช  เราไม่ได้เผชิญภัยร้ายด้วยโดดเดี่ยวตัวเราคนเดียว   แต่พระองค์เคียงข้างเรา    พระเยซูคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ทรงนำเรา  ให้กำลังใจแก่เรา  หนุนเสริมพลังชีวิตแก่เรา  ปกป้องคุ้มครองตลอดเส้นทางชีวิตที่เราต้องจาริกไป   ยิ่งกว่านั้น ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ที่ทำให้เราเข้มแข็งและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์มากยิ่งขึ้น  

เมื่อความทุกข์ยากลำบากยิ่งถาโถมขวางทับเรามากแค่ไหน   เราก็จะได้เห็นพระคุณของพระเจ้ามากขึ้นแค่นั้น   เรายิ่งได้สัมผัสกับพระราชกิจและพระกำลังของพระเจ้าในชีวิตของเราทวีคูณ   จึงทำให้ชีวิตของเราเข้มแข็ง  เติบโต  และเกิดผลอย่างต่อเนื่องในชีวิต

อย่าลืมนะครับว่า... วันนี้พระคริสต์ยังทรงเป็นองค์อิมมานูเอลของท่าน   พระองค์ทรงอยู่ในท่าน และ เคียงข้างชีวิตท่านในทุกสถานการณ์นะครับ   และทุกก้าวที่พระองค์ทรงนำไปเป็นทุกก้าวที่นำไปสู่ความสำเร็จที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้เพื่อท่านครับ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

14 พฤศจิกายน 2557

ไม่ยอมแพ้

16ฉะนั้น​เรา​จึง​ไม่​ย่อ​ท้อ
ถึง​แม้​ว่า​สภาพ​ภาย​นอก​ของ​เรา​กำ​ลัง​ทรุด​โทรม​ไป
แต่​สภาพ​ภาย​ใน​นั้น​ก็​ได้​รับ​การ​เปลี่ยน​ใหม่​ทุก ๆ วัน
17เพราะ​ว่า​ความ​ยาก​ลำ​บาก​ชั่ว​คราว​และ​เล็ก​น้อย​ของ​เรา
จะ​ทำ​ให้​เรา​มี​ศักดิ์​ศรี​นิรันดร์​มาก​มาย​อย่าง​ไม่​มี​ที่​เปรียบ  (2โครินธ์ 4:16-17)

การยอมแพ้...คือการที่คน ๆ นั้นเลือกความล้มเหลวในชีวิตแทนความสำเร็จ!
การยอมแพ้...คือการที่เราฝืนต้านสวนทางกับพระฉายาของพระเจ้าในตัวเรา!

คริสตชนเชื่อว่า  เราทุกคนเป็นคนที่พระเจ้าทรงสร้าง   และทรงสร้างทุกคนตามพระฉายาของพระองค์   ตลอดเรื่องราวในพระคัมภีร์เราได้เห็นและเรียนรู้ว่า   พระเจ้าไม่เคยยอมแพ้   แม้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างจะ “กบฏ” ต่อพระประสงค์ของพระองค์   จนชีวิตตกหลุมพรางของอำนาจแห่งความบาปผิด   แต่พระเจ้าทรงกระทำทุกหนทางที่จะเข้าไปช่วย กอบกู้ ปลดปล่อยมนุษย์ออกจากการตกเป็น “เหยื่อ” ของอำนาจแห่งความบาปผิด   จนกระทั่งยอมสละพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อฉุดเราให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่วนั้นโดยทางพระเยซูคริสต์   แล้วทรงพลิกฟื้น และ เสริมสร้างชีวิตใหม่แก่เราทุกคน

พระฉายา หรือ พระลักษณะหนึ่งของพระเจ้าที่พระองค์ใส่ลงในชีวิตของเราทุกคนคือ  “ไม่ยอมแพ้”

พระเจ้ามิได้ทรงสร้างเราให้เป็นคนยอมแพ้   แต่ทรงสร้างให้เราแต่ละคนเป็นคนที่มีความอดทน  บากบั่น  ทนสู้  มุ่งมั่น   และ ยืนหยัดที่จะค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าวบนเส้นทางล้านลี้   ด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแผนการชีวิตของเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า

เรามีเสรีที่จะเลือกกรอบคิดกรอบเชื่อ และ มุมมองในชีวิตของเรา   และเราก็รู้อยู่กับใจว่า เราเลือกโดยเสรีแต่ต้องรับผลของการเลือกนั้น      

เราท่านมีเสรีที่พระเจ้าทรงประทานให้ที่จะตัดสินใจเลือกว่า  จะยอมแพ้แล้วยอมรับเอาความล้มเหลว  หรือ  จะบากบั่นมุ่งหน้าไปสู่หลักชัยที่พระคริสต์ประทานแก่เราในชีวิตเพื่อรับเอารางวัลแห่งความสำเร็จ

การเลือกที่จะยอมแพ้ หรือ บากบั่นมุ่งไปด้วยการยืนหยัด มุ่งมั่น อดทน เป็นเรื่องของความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณของเรา   ความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของเรา   แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อศรัทธา  ความคิด  และมุมมองในชีวิตของเรา

เราจะมองความยากลำบาก อุปสรรค  สิ่งที่มาขวางก้าวเดินแห่งความสำเร็จของเราว่า  เป็นเครื่องบ่งบอกถึง “ทางตัน” “จุดจบ” ในชีวิต  ทำให้เราเกิดจิตใจที่ย่อท้อ  สงสัยในความสำเร็จ  บดบังจนมองไม่เห็นชัดถึงศักยภาพที่พระเจ้าทรงประทานแก่เรา   สิ้นหวัง   แล้วในที่สุดก็ “ยอมแพ้”

หรือเราจะมองว่า ความยากลำบาก อุปสรรค  สิ่งกีดขวางก้าวเดินแห่งความสำเร็จที่ขวางหน้าเราในขณะนี้เป็นก้าวขั้นบันไดที่เราจะต้องก้าวขึ้นไป   แต่จะต้องออกแรงมากกว่าที่เคยก้าวมา   เพราะไม่ใช่ก้าวเดินบนทางราบ   แต่ต้องยันตัวเราให้ขึ้นสูงขึ้นด้วย   ต้องออกแรงมากขึ้นกว่าที่เคย   แต่มองเห็นจนมีความหวังว่า  นอกจากตนจะก้าวไปข้างหน้า  แต่จะก้าวสูงขึ้นอีกด้วย   และมองอีกว่า “ความสำเร็จ” ไม่ได้อยู่ที่เพียงก้าวเดินก้าวเดียวหรือก้าวใดก้าวหนึ่ง   แต่มองว่าความสำเร็จคือแต่ละก้าวที่บากบั่นพากเพียรก้าวด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการทรงนำของพระเจ้าด้วยความเชื่อศรัทธาที่สัตย์ซื่อต่อเนื่อง  

คนเช่นนี้ย่อมไม่รู้ว่าจะยอมแพ้ในชีวิตได้อย่างไร!   คนพวกนี้ปฏิเสธที่จะ “ยอมแพ้”

ริค วอเรน เล่าว่า เมื่อท่านเริ่มตั้งคริสตจักรแห่งแรกของท่าน ท่านเทศนาครั้งแรกในคริสตจักรนั้นมีผู้ร่วมนมัสการหนึ่งท่าน คือภรรยาท่านเอง แต่สมาชิกคนนี้ยังวิพากษ์ว่าท่านเทศนายาวเกินไป แม้ผ่านไปอีกกว่าสามสิบปีสมาชิกคนนี้ก็ยังบอกท่านว่าท่านเทศนายาวเกินไป?

เมื่อท่านเริ่มทำพันธกิจตั้งคริสตจักร  ท่านคาดหวังว่าในไม่กี่ปีท่านจะสามารถสร้างอาคารโบสถ์ขึ้น   แต่ปรากฏว่า ริค ทำงานพันธกิจคริสตจักรโดยไม่มีอาคารโบสถ์ของตนเองเป็นเวลา 15 ปี   และ 13 ปีท่านนับได้ว่าต้องย้ายไปใช้ที่ต่าง ๆ นมัสการพระเจ้าและทำพันธกิจคริสตจักรถึง 79 แห่ง

ท่านบอกว่า  ผู้อ่านคงทราบว่า  กี่ครั้งที่ท่านรู้สึกอยากจะเลิกราจากงานนี้   แต่ท่านบอกว่าไม่รู้จะเลิกรายอมแพ้อย่างไร   เมื่อท่านสงบใจและอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า   มีเสียงในใจของท่านว่า  “ริค  ถ้าเราไม่ประทานอาคารโบสถ์แก่เจ้า   เจ้ายังจะรับใช้เราอยู่หรือ?   ริคตอบเสียงในใจนั้นว่า “แน่นอนพระเจ้าข้าฯ”

คริสตจักรแห่งแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อคริสตจักรของริคมีสมาชิกมากกว่า 10,000 คนที่มานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์   จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้คงไม่ใช่สถานการณ์ที่สร้างความพออกพอใจแก่ริคในแต่ละช่วงเวลา  เขาพบแต่ความทุกข์ยากลำบาก  ความสับสนวุ่นวายใจ   แต่ท่ามกลางเหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่พึงประสงค์เช่นนี้เองที่พระเจ้าใช้หล่อหลอม เสริมสร้างความคิด ความเชื่อ มุมมอง และชีวิตของริคขึ้นใหม่ให้เป็นคนที่พระองค์จะทรงใช้ได้   คือเป็นคนที่ยอมกระทำงานชีวิตให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้า

พระเจ้าทรงสนพระทัยว่า “เราเป็นคนเช่นไรแล้วในเวลานี้”  มากกว่าจะสนใจว่าอะไรที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเท่านั้น   พระเจ้าทรงใช้ความยากลำบาก   การทดลองที่มาถึงชีวิตเรา  อุปสรรค  ปัญหา  เหตุการณ์ที่เราไม่พึงประสงค์  ในการสอนและเสริมสร้าง หล่อหลอมชีวิตของเราให้เป็นผู้ที่มีปัญญา  สามารถคิดพิจารณา  และมีท่าทีบุคลิกภาพชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์

ความทุกข์ยากลำบาก  การไม่ได้ดั่งใจคาดหมายของทั้งคนรอบข้าง และ ของตนเอง   รวมถึงความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต  ความวุ่นวายใจไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป....และอื่น ๆ ...ที่ท่านกำลังเผชิญหน้าในเวลานี้   พระเจ้าทรงมีพระทัยเมตตาที่จะใช้สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ในการหล่อหลอม เสริมสร้างชีวิตของท่านขึ้นใหม่ต่อไป   

ถ้าเช่นนั้นท่านยังจะยอมเป็นคนของพระองค์หรือไม่  เมื่อชีวิตยังต้องทุกข์ยากลำบากเช่นนี้?

“อย่า​ให้​เรา​เมื่อย​ล้า​(หมดแรง)ใน​การ​ทำ​ดี เพราะ​ว่า​ถ้า​เรา​ไม่​ท้อ​ใจ​แล้ว เรา​ก็​จะ​เก็บ​เกี่ยว​ใน​เวลา​อัน​สม​ควร”

วันนี้  พระเจ้าทรงกำลังพลิกฟื้น หล่อหลอม และเสริมสร้างชีวิตของท่านขึ้นใหม่ครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

03 พฤศจิกายน 2557

ชีวิตของท่านขับเคลื่อนไปได้ด้วยพลังอะไร?

ถ้าจะถามว่ารถยนต์ของท่านขับเคลื่อนด้วยพลังอะไร?
คงตอบไม่ยากว่า  ด้วยน้ำมัน  หรือไม่ก็ด้วยแก๊ส

แต่ถ้าจะถามว่า  แล้วทุกวันนี้ชีวิตของท่านขับเคลื่อนไปด้วยพลังอะไร?
ท่านจะตอบว่าอะไรก็ตาม   คำตอบของท่านจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง  เพราะ...
ถ้าชีวิตของท่านทุกวันนี้  ขับเคลื่อนโลดแล่นไปอย่างงดงาม
ชีวิตของท่านก้าวหน้าไปอย่างรุ่งโรจน์   มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกว้างขวาง
ด้วยพลัง....เงิน....   เงินก็จะเป็นทุกสิ่งในชีวิตของท่าน
งบประมาณจะเป็นคำตอบที่ยิ่งใหญ่ในทุกงาน ทุกโครงการ และ ทุกพันธกิจที่ท่านทำ

ถ้าชีวิตของท่านโลดแล่นไปได้สวยหรูด้วย “พลังเงิน...งบประมาณ” แล้ว
ท่านก็จะทำให้คริสตจักรขับเคลื่อน (และขับเคี่ยว) ไปด้วยเงินเช่นกัน!

เปโตรและยอห์นเพ่งมองไปที่คนขอทานแต่กำเนิดที่นั่งข้างประตูงาม 
และหวังจะได้เงินจากทั้งสอง   เปโตรกล่าวกับขอทานคนนั้นว่า 
เงิน​และ​ทอง​เรา​ไม่​มี แต่​สิ่ง​ที่​เรา​มี​นั้น​เรา​จะ​ให้​ท่าน
คือ​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​ชาว​นาซาเร็ธ จง​เดิน​เถิด
แล้ว​เป​โตร​ก็​จับ​มือ​ขวา​ของ​เขา​พยุง​ขึ้น   ใน​ทัน​ใด​นั้น​เท้า​และ​ข้อ​เท้า​ของ​เขา​ก็​มี​กำ​ลัง
เขา​จึง​กระ​โดด​ขึ้น​ยืน​และ​เดิน​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร พร้อม​กับ​เป​โตร​และ​ยอห์น
ทั้ง​เดิน​ทั้ง​เต้น​โลด​และ​สรร​เสริญ​พระ​เจ้า (กิจการ 1:6-8 มาตรฐาน)

ชีวิตสาวกของพระคริสต์  มิได้ขับเคลื่อนไปด้วยเงินทอง และ งบประมาณ
แต่ขับเคลื่อนไปด้วย “พลังชีวิต” ที่มาจากพระนามแห่งพระเยซูคริสต์
เราจะรับใช้พระเจ้า  ช่วยให้คนอื่นลุกขึ้น เดินได้ “ทั้งเต้นโลดและสรรเสริญพระเจ้า”
ด้วยพลังชีวิตแห่งพระนามของพระคริสต์  และ 
ให้เรายื่นชีวิตของเรา “จับมือขวาของเขาพยุงขึ้น”

วันนี้ชีวิตของท่านขับเคลื่อนด้วยพลังอะไร?
วันนี้ท่านรับใช้พระคริสต์ด้วยพลังอะไร?
วันนี้คริสตจักรของท่านขับเคลื่อนไปด้วยพลังของใคร?
โครงการ 1979/2005 หนุนเสริมคริสตจักรให้ขับเคลื่อนไปด้วยพลังอะไร?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499