เมื่อเราบังเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ ประสบการณ์ใหม่ เราประกาศพระกิตติคุณอย่างไร?
เราประกาศพระกิตติคุณแบบกลยุทธ์
“การเสนอขาย” สินค้าหรือเปล่า?
พระเยซูคริสต์บอกกับคนที่ติดตามพระองค์ว่า
พระองค์จะทำให้เราเป็น “ผู้จับคน ดั่งชาวประมงจับปลา” (มัทธิว 4:19) พระองค์บอกอีกว่า
เราจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์และเป็นพยานของพระองค์ (กิจการ 1:8) พระธรรมทั้งสองข้อนี้บ่งชี้ชัดเจนว่า
คริสตชนหรือคนที่ติดตามเป็นสาวกของพระองค์จะต้องเป็น
“ผู้ประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์”
อย่างไรก็ตามเกิดคำถามว่า
การประกาศหรือเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์นั้น เป็นการที่เราเป็นพยานชีวิตถึงประสบการณ์ตรงที่เราประสบสัมพันธ์กับพระคริสต์
หรือ การเป็นผู้เสนอ “สินค้าชิ้นใหม่” ที่ชื่อว่าพระเยซูคริสต์กันแน่?
การเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์
ต่อผู้อื่นควรทำในฐานะ
ผู้มีประสบการณ์ตรงกับพระองค์เป็นประสบการณ์ที่เราเองพึงพอใจและต้องการให้คนอื่นที่เราแบ่งปันมีประสบการณ์ให้ได้รับสิ่งพึงพอใจเหล่านั้น
แต่การเป็นพยานของพระเยซูคริสต์มิใช่การเป็น “พนักงานขาย” มิใช่การเสนอให้ใครบางคน
“ซื้อ” สินค้า(พระเยซูคริสต์)ที่เราเสนอขาย
การประกาศ หรือ
เป็นพยานชีวิตถึงพระเยซูคริสต์ เป็นการชวนให้คน ๆ นั้นมามีประสบการณ์ตรงกับพระเยซูคริสต์ในชีวิตของตนอย่างที่เราได้รับประสบการณ์ตรงจากพระองค์มาแล้วด้วยความพึงพอใจ
กลยุทธ์การขาย
“ผู้เสนอขายที่ดี”
ในร้านขายรถยนต์ คือคนที่สามารถเสนอขายจนผู้มาดูรถตัดสินใจซื้อรถจากร้านของเขา ผู้เสนอขายรู้ถึงวิธีที่จะทำให้
“ลูกค้า” ที่มาดูรถเกิดความสนใจสูง เขาจะนำลูกค้าไปนั่งในที่คนขับ แล้วอธิบายถึงอุปกรณ์ต่าง
ๆ ที่มีในรถว่าเป็นประโยชน์อย่างน่าสนใจ และทำให้เห็นว่าเราสามารถใช้อุปกรณ์เหล่านั้นอย่างง่ายดาย
มีอุปกรณ์ที่ควบคุมรถอย่างสวยหรูและสูงด้วยประสิทธิภาพในการสั่งงาน มีอุปกรณ์สร้างความบันเทิงที่เป็นระบบที่ทันสมัย
นอกจากนั้นยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิในรถยนต์ให้เป็นอย่างที่เราต้องการ ด้วยวิธีที่ง่ายดาย
จากนั้น
ก็จะพาลูกค้าไปข้างหน้าแล้วเปิดฝากระโปรงรถยนต์ เพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นเครื่องยนต์ที่เพรียวบางแต่ทรงพลังและขัดจนเงาวับจากโรงงาน
และชี้ให้เห็นข้อดีและประโยชน์ที่พึงปรารถนาอื่น ๆ อีกมากมายของรถ ผู้เสนอขาย
เสนอสิ่งดีเยี่ยมมากมายจนคนมาดูรถรู้สึกว่า มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธซื้อรถคันนี้
ผู้เสนอขายอาจจะเชื่อว่า
รถคันนี้ดีเยี่ยมอย่างที่เขาพรรณนาก็ได้ และเขาอาจจะมีความประสงค์จริง ๆ ที่จะให้คนมาดูได้รถที่ดีเยี่ยมในราคาที่คุ้มค่า
แต่อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาจริง ๆ ที่แรงกล้าของผู้เสนอขายคือ “เขาต้องการขายรถคันนั้นให้ได้”
ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าคนที่เขาชวนซื้อในขณะนี้ หรือ คนต่อไปก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่มีคน
“ถอย” รถคันนี้ออกร้านของเขา และเขาได้รับ “แต้ม” จากการขาย
นี่คือเป้าหมายสูงสุดของเขา นี่ไงครับ กลยุทธ์ของคนขาย
ความพึงพอใจของคนซื้อรถ
เป็นอันว่า
ลูกค้าที่มาดูรถตัดสินใจซื้อรถคันนั้น และลูกค้าก็ขับรถใหม่เอี่ยมของเขาไปที่บริษัทที่เขาทำงาน
ไปจอดในที่จอดรถของบริษัท เขามีความสุขที่ได้ซื้อรถคันนี้ เขาขับรถไปฟังเพลงจากเครื่องเสียงในรถ
และมีความสุขที่ขับเคลื่อนไปด้วยความนุ่มนวล พร้อมกับกลิ่นหอมของรถคันใหม่ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งในบริษัทเดินมาหาเขาที่รถใหม่
เขาออกจากรถพอดี เพื่อนถามเขาถึงเรื่องของรถคันใหม่
เขาเปิดประตูรถกว้างให้เพื่อนคนนั้นเข้าไปดูอุปกรณ์ที่สวยหรูและทันสมัยในรถของเขา
แล้วทำคล้ายอย่าง “เซลแมน” ที่เสนอขายรถคันนี้ แต่เขาไม่ได้ “พยายามขายรถ”
คันนี้ให้แก่เพื่อนร่วมงาน แต่เขาพยายามอธิบายถึงประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมที่เขาได้ขับรถใหม่คันนี้
และเขาบอกว่าเขารักรถใหม่คันนี้อย่างไร และเขาบอกเพื่อนว่า เขาเชื่ออย่างมั่นใจว่า
ถ้าเพื่อนมีโอกาสขับรถคันนี้จะต้องชอบแน่ๆ
การมีส่วนร่วมในการทำพันธกิจ
การประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
จะมีลักษณะเหมือนกับคนที่ซื้อรถใหม่ มากกว่าคนที่เสนอขายรถในร้าน การประกาศพระกิตติคุณคือการแบ่งปันประสบการณ์ เราบอกถึงบางเรื่องที่เรารู้และเข้าใจจากประสบการณ์
และก็ยอมรับว่ายังมีอีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่รู้ไม่เข้าใจ เราจะไม่สร้างความกดดันหรือแรงกระตุ้นให้เพื่อนของเราซื้อรถคันใหม่อย่างเรา
ถ้าเพื่อนของเราไม่สนใจที่จะมีรถใหม่ หรือเขาอาจจะไม่ชอบรถคันใหม่ก็ไม่เป็นไร แต่เราบอกเพื่อนว่าเรามีประสบการณ์ในการขับรถคันนี้และเราชอบมัน
และในอนาคต ถ้าเพื่อนของเราตัดสินใจที่จะซื้อรถคันใหม่อย่างของเราและต้องการรู้ว่าไปซื้อที่ร้านไหน
แน่นอนเราเต็มใจอย่างยิ่งที่จะแนะนำ
พระเยซูคริสต์บอกกับสาวกว่า
“...พระบิดาได้ทรงส่งเรามาฉันใดเราก็ส่งพวกท่านไปฉันนั้น” (ยอห์น 20:21 อมธ.) พระเจ้าประทานโอกาสแก่ท่านในการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งการคืนดีด้วยการประกาศข่าวดี
หรือ พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์แก่คนในโลกนี้ ชีวิตของเราได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
และเรามีความพึงพอใจในประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เรามิได้ประกาศพระกิตติคุณเพื่อที่จะได้
“สะสมแต้ม” เพื่อไปแสดงผลงานและรับรางวัลจากพระเจ้า เราบอกคนอื่นถึงความหวัง
ความชื่นชมยินดี การยกโทษบาป และเป้าหมายชีวิตที่เราพบในพระเยซูคริสต์ เราได้
“ชิม” และ “เห็น” และมีประสบการณ์ตรงถึงความดีขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เรารักผู้คน และ
เรารักพระเจ้า การประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ของเราควรเป็นความพยายามที่จะนำความรักทั้งสองนี้ร่วมกันไปถึงผู้คนที่เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์
ทุกวันนี้ท่านประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์แบบไหนครับ? แบบเซลแมนคนเสนอขายสินค้า หรือผู้ที่บอกเพื่อนถึงประสบการณ์ที่เป็นคำตอบชีวิตที่ดีเยี่ยมที่เราได้สัมผัสกับพระเยซูคริสต์?