การทำงานอาชีพ หรือ พันธกิจ กลายเป็นเรื่องสำคัญและใช้เวลาชีวิตของเรามากมาย ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าจะต้องมีความสมดุลในการใช้เวลาชีวิต แต่กลับพบว่า งานอาชีพ งานพันธกิจกลับครอบงำงับเอาเวลาชีวิต “ก้อนโต” ของเราไป ในที่นี้รวมไปถึงบรรดาศิษยาภิบาลด้วย
ถ้าเราพิจารณาในการใช้เวลาชีวิต เราสามารถแบ่งเวลาเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ (1) การใช้เวลาในการทำงานอาชีพ และ พันธกิจรับใช้ต่าง ๆ รวมทั้งใช้เวลาในการคิดวางแผน แก้ไขวิกฤติ หาทางสร้างเสริมคุณภาพในการทำงานอาชีพ และ ทำพันธกิจรับใช้ (2) จำนวนเวลาที่ใช้กับตนเอง เช่น การรับประทานอาหาร การพักผ่อน การทำธุระส่วนตัว การดูแลสุขภาพของตน การหาความสุข/บันเทิงส่วนตัว รวมทั้งการใช้เวลา “หน้าจอ” เพื่อตนเอง (3) เวลาที่ใช้กับการรับผิดชอบหน้าที่การงานต่าง ๆ ในครอบครัวของเรา
แล้วนำไปเปรียบเทียบกันดูว่า ในแต่ละกลุ่มกิจกรรมใช้เวลาอย่างละเท่าใด? ใช้เวลาในกลุ่ม (1)-(3) กลุ่มไหนที่ใช้เวลามากที่สุด และ น้อยที่สุด?
พระเจ้าก็ให้ความสำคัญกับการทำงานด้วยเช่นกัน และทรงมีพระประสงค์ให้คนที่พระองค์ทรงสร้างทำงานรับผิดชอบ และทรงสอนให้มนุษย์รู้จักการสร้างสมดุลในการใช้เวลาชีวิตที่พระองค์ประทานแก่เราแต่ละคน พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เราประสบความสำเร็จในการทำงานอาชีพ และ พันธกิจ ในพระวจนะของพระเจ้าได้ให้หลักประกันในความสำเร็จของการทำพันธกิจว่า...
“[3] จงมอบการงานของเจ้าไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงรับรองแผนงานของเจ้า” (สุภาษิต 16:3 อมธ.)
ที่ว่า “พระเจ้าจะทรงรับรองแผนงานของเจ้า” นั้นหมายความว่าอย่างไร? หรือเราจะต้องทำเช่นไรเพื่อพระเจ้าจะทรงรับรอง “แผนงาน” ของเรา? ในพระธรรมตอนนี้มีความหมายอีกว่า “พระเจ้าจะทรงรับผิดชอบแผนงานของเจ้า” แผนงานของเราแบบไหนที่พระเจ้าจะเข้ามา “รับรอง” และ “รับผิดชอบ”? ย่างก้าวของเราที่จะเข้าสู่ “แผนงานที่พระเจ้ารับรอง หรือ ร่วมรับผิดชอบ” มี 3 ขั้นตอนดังนี้...
[1] แสวงหาเป้าหมายและพระประสงค์ของพระเจ้าในงานที่เราทำ
ในทุกวัน...ให้เราทูลขอการทรงนำจากพระองค์ช่วยให้เราเห็นถึงเป้าหมาย และ พระประสงค์ของพระเจ้าในแผนงานวันนี้... การรับมือ และการบริหารจัดการ ขอการทรงนำในการลงมือทำตามแผนงาน และขอทรงนำในการติดต่อสัมพันธ์กับทุกคนในวันนี้ “[8] องค์พระผู้เป็นเจ้า...พอพระทัยคำอธิษฐานของคนชอบธรรม” (สุภาษิต 15:8 อมธ.)
ถ้างานอาชีพ และ งานพันธกิจที่เราทำในแต่ละวันมีเป้าหมายและพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นหลักชัย นี่คือส่วนสำคัญส่วนแรกของแผนงานที่พระองค์จะเข้ามา “ร่วมรับผิดชอบ” หรือ “รับรอง” ในแผนงานของเราอย่างแน่นอน
[2] “ฝน” และ “ลับ” ทักษะให้แหลมคมเสมอ
ให้เราฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่มีทักษะความชำนาญในของประทานที่พระเจ้าประทานแก่เราเพื่อใช้ในการงานให้เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ อย่าหยุดในการเรียนรู้ “[10] หากขวานทื่อ และไม่ได้ลับให้คม เวลาใช้ก็ต้องออกแรงมากขึ้น แต่ความเชี่ยวชาญจะนำความสำเร็จมาให้” (ปัญญาจารย์ 10:10 อมธ.)
เมื่อแผนงานของเราทำเพื่อบรรลุเป้าหมาย และ พระประสงค์ของพระองค์ พระเจ้าจึงรู้ชัดว่า ในชีวิตการงานอาชีพ และ งานพันธกิจที่เราต้องทำนั้นต้องการความรู้ ความสามารถและทักษะอะไร พระเจ้าจะประทานแก่เราแน่นอน แต่เราต้องใฝ่หาที่จะเรียนรู้ ฝึกฝน หาความชำนาญ เพื่อใช้ความสามารถทักษะที่พระเจ้าประทานให้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาศักยภาพให้เป็นความสามารถ เพื่อเราจะทำอาชีพการงาน และ พันธกิจอย่างเกิดผลตามเป้าหมายและพระประสงค์
และนี่คือส่วนที่สอง ที่พระเจ้าเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบ หรือ รับรองในแผนงานของเรา
[3] มีทัศนะมุมมองที่สร้างสรรค์เสมอ
หลีกเลี่ยงจากการถูกครอบงำโดยอิทธิพลของความวิตกกังวลและกลัดกลุ้มใจที่เกิดจากคนขี้บ่น หรือคนเกียจคร้านรอบข้างเรา คำว่า ความกระตือรือร้น ในภาษากรีกมาจากคำว่า “en theos” ซึ่งมีความหมายว่า “อยู่ในพระเจ้า” “[23] ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะทำสิ่งใดจงทุ่มเททำอย่างสุดใจเหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์” (โคโลสี 3:23 อมธ.)
สิ่งสำคัญต่อการทำงานอาชีพและงานพันธกิจคือ “ทัศนะมุมมอง” ของเรา ต่องานและคนที่เราทำงานด้วย ในเมื่อแผนงานของเรามีเป้าหมาย และ พระประสงค์เป็นธง ทัศนะมุมมองของเราพึงมาจาก “ฐานเชื่อ-กระบวนคิด” ตามพระวจนะของพระเจ้า ตามพระสัญญาของพระองค์ที่พระองค์จะรับผิดชอบ หรือ “รับรอง” ในงานอาชีพและพันธกิจที่เราทำในชีวิตประจำวัน
ทัศนะมุมมองต่องานและทีมงาน และ คนที่เกี่ยวข้องไม่ควรขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกของเราต่องานนั้น และ ผู้คน ไม่ควรขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและการยอมรับของคนอื่น และ ข่าวสารรอบตัวเรา ในเมื่อแผนงานของเรามีเป้าหมาย และ พระประสงค์ของพระเจ้าเป็นหลักชัย ทัศนะมุมมองของเราต่อคนและงานดังกล่าวต้องหยั่งรากลงในพระวจนะของพระเจ้าด้วย
และนี่คือส่วนสำคัญที่สาม ที่พระเจ้าร่วมในความรับผิดชอบ หรือ รับรองแผนงานและการทำงานอาชีพและพันธกิจในแต่ละวันของเรา
แผนงานของท่านในวันนี้เป็นแผนงานที่พระเจ้าร่วมในความรับผิดชอบ หรือ “รับรอง” หรือไม่? ทั้ง 3 ขั้นตอนดังกล่าวเป็นแนวทางที่พระเจ้าทรง “รับผิดชอบ” หรือ “รับรอง” และ “ทรงอวยพระพร” ในแผนงานที่เราทำในแต่ละวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น