นักเทศน์ส่วนใหญ่รู้สึกตื่นเต้นที่จะเทศนา แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกหนักอกหนักใจด้วย นักเทศน์ใช้เวลามากมายในการอธิษฐานเพื่อเตรียมการเทศนา และยังขอให้คนอื่นอธิษฐานเผื่อการเตรียมเทศน์ และ การเทศน์ของตนด้วย
ในฐานะนักเทศน์
ท่านมีความรู้สึกอย่างที่กล่าวต่อไปนี้...หรือเปล่าครับ?
1. เรารักในการเทศนา แต่เราก็รู้อยู่เต็มอกว่า
เป็นภาระที่หนักอึ้ง
เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้กล่าวถึง
“ข่าวดีที่ดีที่สุด” สำหรับมนุษยชาติ แต่เรารู้สึกว่างานนี้เป็นภาระที่หนักหนาเอาการอยู่
2. เรายืนอยู่ในฐานะ
“ผู้นำ” ที่พระเจ้าทรงเรียก แต่เราก็รู้ด้วยว่าเราจะต้องตอบสนองพระองค์ในฐานะ
“คนรับใช้” ของพระองค์
สิ่งแรกเป็นความเชื่อที่ครอบคลุมความคิดของเราอย่างเต็มที่
ส่วนประการที่สองเป็นความเชื่อมั่นที่หยั่งรากลงลึกในชีวิตของเรา
3.
เราตื่นเต้นที่ได้เห็นผู้คนยืนยันเห็นพ้องกับพระกิตติคุณ แต่เราก็รู้อยู่ว่าจะมีบางคนที่จะเดินจากไปโดยชีวิตไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แม้มีคนได้รับความรอด
แต่ก็มีคนที่แข็งขืนไม่ยอมรับ เรานักเทศน์มักรู้สึกเสียใจอย่างมากสำหรับคนกลุ่มหลังนี้
4.
เราศึกษาค้นคว้าอย่างหนัก (ผมเชื่อเช่นนั้น...) แต่เราก็รู้แน่แก่ใจว่าเราไม่สามารถที่จะสื่อสารเนื้อหาเรื่องราวที่เราต้องการสื่อสารได้ดีเต็มที่ดั่งตั้งใจ
และจะมีนักเทศน์บางคนจมจ่อมอยู่กับจุดอ่อนในการเทศน์ของตน
แทนที่จะยืนมั่นอยู่บนจุดแข็งในการเทศนาของตน
5.
เรานักเทศน์ได้อธิษฐานเพื่อเนื้อหา และการเทศนาของตน แต่เราไม่เคยมั่นใจเลยว่าเราอธิษฐานเพียงพอ
นักเทศน์มากมายที่ผมได้พบผ่านมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
เราควรใช้เวลาในการอธิษฐานมากกว่านี้ในการเตรียมเทศนา แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หรือ
เป็นอย่างไรถ้าเราอธิษฐานมากกว่าที่เคยทำ
6.
เรารู้สึกถ่อมตัวกับสิทธิพิเศษในการเทศนา แต่เราก็ต้องยอมรับว่าในส่วนลึกจิตใจของเราชอบให้คนฟังยอมรับในทักษะการเทศนาของเรา
เรายอมรับว่าเรามีทั้งความรู้สึกที่เราต้องการให้พระเจ้าทรงใช้เราด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
และ ความรู้สึกต้องการให้ผู้คนรับรู้ว่าพระเจ้าทรงใช้เรามากแค่ไหน
7.
เรารู้สึกปลื้มอกพอใจที่มีคนมานั่งฟังการเทศนาของเรา แต่บางครั้งเราก็ไม่มั่นใจว่าถ้าเราเทศน์ทางออนไลน์จะมีคนตั้งใจฟังเทศน์ของเรามากน้อยแค่ไหน
ในส่วนลึกของเราหลายคนไม่ชอบที่ต้องเทศนาอยู่กับหน้ากล้องวีดีโอ
เราต้องการให้คนกลับมาร่วมนมัสการที่โบสถ์อย่างพร้อมเพียงกันในการนมัสการพระเจ้าด้วยกันมากกว่า
8.
เราต่างตั้งใจที่ต้องการสื่อสารพระกิตติคุณให้ดีที่สุด แต่ก็รู้ว่า
การสนทนาในบางเรื่องกับผู้คนก่อนการเทศนาอาจจะรบกวนจิตใจ และ
เป็นสิ่งรบกวนใจของเขาเมื่อฟังเทศนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราอยู่ในคริสตจักรที่อยู่ในภาวะที่ยากลำบาก
การเทศนาเป็นทั้งความชื่นชมยินดี
แต่เราก็รู้ว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่เราพูดคุยกับบางคนก่อนการเทศนาก็ยังแฝงตัวและรบกวนความคิดจิตใจของผู้ฟังเทศน์เหล่านั้น
และติดออกไปหลังการเทศนาจบอีกด้วย
ในฐานะนักเทศน์
ท่านมีความรู้สึกอะไรอีกครับ? และรับมืออย่างไรกับความรู้สึกเหล่านี้? ขอคำแนะนำด้วยครับ...