18 ตุลาคม 2563

“ผู้เผยพระวจนะที่หลงหาย”

บางคนห่วงกังวลว่า ผู้เชื่อใหม่มีการเปลี่ยนแปลงเติบโตในชีวิตอย่างเชื่องช้า แต่เราน่าจะห่วงกังวลผู้เชื่อเก่าที่หยุดการเปลี่ยนแปลงเติบโตในชีวิตมานานแล้วมากกว่า?

ผู้เชื่อใหม่เพิ่งพบกับความเชื่อศรัทธาใหม่ เขาต้องพบกับสิ่งใหม่ ความไม่คุ้นชินเกี่ยวกับชีวิตใหม่ หรือบ้างอาจจะเผลอพลาดทำผิดตามความคุ้นชินในอดีต หรืออิทธิพลที่ชั่วร้ายในตัวเขายังขจัดออกไปไม่หมด และมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเติบโตเพียงเล็กน้อย นั่นเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจกันได้

โดยปกติเราจะอดทนกับลักษณะชีวิตของผู้เชื่อใหม่ที่กล่าวข้างต้น แต่ที่น่าห่วงกังวลและต้องใส่ใจคือคนที่มีความเชื่อศรัทธาที่ยาวนานพอประมาณแต่ชีวิตกลับหยุดชะงักในการเปลี่ยนแปลงและเติบโตมานานแล้ว กลายเป็นคนที่อารมณ์ฉุนเฉียว ใจแคบ แต่พวกนี้มักเก่งในการอ้างข้อพระคัมภีร์ป้องกันตนเองเสมอ

คนกลุ่มนี้จะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอย่างรุนแรงเสียดแทงให้เจ็บปวดด้วยจิตใจขมขื่นของตน พันธกิจแนวใหม่ของเขาคือการฉุดลากทำร้ายคนอื่นให้เสียหายบาดเจ็บ พวกนี้เปลี่ยนจากที่เคยทุ่มเทชีวิตให้แก่การประกาศพระกิตติคุณเป็นนักวิพากษ์วิจารณ์คริสตชนคนอื่น ๆ อย่างเสียหาย

อะไรเกิดขึ้นกับคนพวกนี้หรือ? ทำไมเขาถึงกลายมาเป็นคนแบบนี้? ทำไมเขาถึงหยุดที่จะเดินไปกับพระคริสต์   ชีวิตของคริสตชนกลุ่มนี้หยุดการเปลี่ยนแปลงเติบโต

เมื่อเราอ่านถึงโยนาห์บทที่ 4 เราจะเห็นเหตุการณ์ในทำนองนี้เกิดขึ้น โยนาห์เป็นคนที่มีวุฒิภาวะในความเชื่อมาก่อน   เขาน่าจะมีความรู้มากมาย แต่ชีวิตและความเชื่อของเขากลับทรุดเลวร้ายไปเป็นชีวิตอย่างเดิมของเขา ถ้าจะกล่าวว่า โยนาห์เป็นผู้เผยพระวจนะที่หลงหายคงไม่ผิด และเขามีความโกรธและรู้สึกขมขื่นต่อพระเจ้า

“...เหตุการณ์นี้ไม่เป็นที่พอใจโยนาห์อย่างยิ่ง และท่านโกรธ” (โยนาห์ 4:1 มตฐ.) 

พระเจ้าทรงช่วยผู้คนต่าง ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง และพวกเขาอาจจะกระทำสิ่งผิดพลาดที่ร้ายแรงและกระทำผิดบาปในเวลาต่อมา เราสามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ในชีวิตของอับราฮัม โมเสส แซมสัน ดาวิด และ ซีโมน เปโตร

โยนาห์นั่งรอเวลาการพิพากษาเมืองนีนะเวห์จากเบื้องบน แต่ปรากฏว่ากลับเป็นพระเมตตาคุณของพระเจ้าหลั่งไหลลงสู่เมืองนีนะเวห์ ในทำนองเดียวกัน คริสตชนคนบางกลุ่มมักมีฐานเชื่อ กระบวนคิด และ มุมมองต่อคนที่กระทำความผิดบาปว่า คนพวกนี้ไม่มีความหวัง ไม่มีทางที่จะพบกับความรอด แต่กลับมองไม่เห็นความบาปผิดของตนเอง   และสำคัญผิดคิดว่าตนเองเป็นผู้ถูกต้องชอบธรรมเสมอ คนกลุ่มนี้จึงมักหลีกเลี่ยงการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนผิดคนบาปในสายตาของเขา เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าคนบาปคนชั่วในสายตาของเขาจะมีทางกลับใจใหม่ มีแต่การสาปแช่งและความตายเท่านั้นที่จะมาถึงคนพวกนี้

ยิ่งกว่านั้น ผู้รับใช้อย่างโยนาห์กลับโกรธและต่อว่าพระเจ้า ที่ทำให้คนนีนะเวห์กลับใจใหม่ แต่ต้นไม้บังแดดของตนกลับเหี่ยวเฉา เขาโกรธและต่อว่าพระเจ้าว่า ทำไมไม่ช่วยตนเองแต่กลับไปช่วยคนผิดคนบาปในเมืองนีนะเวห์   แล้วพูดประชดพระเจ้าว่า “(ให้)ข้าตายเสียก็ดีกว่าอยู่” (4:8)

พระเจ้าทรงตำหนิโยนาห์คิดแต่ความสำคัญและคุณค่าในชีวิตของตนเอง และหวงแม้แต่ทรัพย์สินสิ่งของที่ให้ประโยชน์แก่ตนเอง แต่กลับไม่เห็นคุณค่าชีวิตคนในเมืองนีนะเวห์ 

พระยาห์เวห์ตรัสแก่โยนาห์ว่า “เจ้าหวงต้นไม้ซึ่งเจ้าไม่ได้ลงแรงปลูกและไม่ได้ทำให้มันเจริญ มันงอกเจริญขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียว ไม่สมควรหรือที่เราจะห่วงใยนีนะเวห์นครใหญ่นั้น ซึ่งมีพลเมืองมากกว่า 120,000 คน ผู้ไม่ทราบว่าข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วย” (4:10-11)

พระเจ้าจะต่อว่าเรา อย่างที่ตำหนิต่อว่าโยนาห์ได้หรือไม่หนอ? เราเป็น “ผู้เผยพระวจนะที่หลงหาย” “ผู้รับใช้ที่หลงหาย” “คริสตชนที่หลงหาย” “ลูกของพระเจ้าที่หลงหาย” หรือเปล่า?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น