หนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมยุคทุนและบริโภคนิยมในปัจจุบัน
ในฐานะสาวกของพระคริสต์เราจะมองและเข้าใจเรื่อง “หนี้” อย่างไร?
แล้วเราจะรับมือกับหนี้สินที่เรามีในชีวิตปัจจุบันอย่างไร?
เรื่องหนี้สินไม่เข้าใครออกใคร ถ้าคริสตชนขาดความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว
โอกาสที่จะตกลงในหลุมพรางของการเป็นหนี้เกิดเป็นจริงได้ทุกขณะ
ปัจจุบันนี้มิใช่สมาชิกคริสตจักรเท่านั้นที่เป็นหนี้
ศิษยาภิบาลหลายต่อหลายท่านก็ตกอยู่ในหลุมพรางของหนี้สินเช่นกัน
คำถามคือเราจะรับมือจัดการกับหนี้สินในชีวิตของเราอย่างไร ในฐานะที่เราเป็นสาวกของพระคริสต์
1. มุ่งมั่นตั้งใจที่จะหลุดรอดออกจากหนี้เดี๋ยวนี้
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากยิ่งที่สุด แต่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
เราจะต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการปลดหนี้ และนี่เป็นงานอภิบาลหนึ่งที่ศิษยาภิบาลจะต้องนำสมาชิกของตนให้หลุดรอดออกจากการเป็นหนี้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการอภิบาลที่สำคัญมากด้วย
ไม่มีใครที่จะหลุดรอดออกจากหนี้โดยไม่รับผิดชอบ
หรือ ชำระหนี้ที่มีอยู่
และการปล่อยให้หนี้อยู่อย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา รังแต่จะเพิ่มพูนหนี้มากขึ้นเพราะดอกเบี้ย
แต่การหลุดรอดออกจากหนี้ต้องเริ่มที่เราตั้งใจจะให้ตนหลุดรอดออกจากหนี้ที่มีอยู่ และไม่ก่อหนี้ใหม่ หลายคนจะบอกว่า “พูดง่ายแต่ทำยาก แต่นี่คือวินัยชีวิตที่คริสตชนแต่ละคนจะต้องมี และเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมที่คริสตชนทุกคนควรกระทำ
2. เริ่มต้นที่รับผิดชอบต่อพระเจ้า และ
รับผิดชอบต่อตนเอง
ถ้าเราจะหลุดรอดออกจากหนี้
หรือ ไม่ก่อหนี้ให้เราเริ่มที่จะรับผิดชอบต่อพระเจ้าในด้านการเงิน คือการถวายสิบลด และรับผิดชอบด้านการเงินต่อตนเอง
คือการออมเพื่อตนเอง 10% ของรายได้
แน่นอนว่าคนที่มีหนี้ติดตัวในขณะนี้จะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอข้างต้น เพราะเขาไม่เข้าใจว่า สิบลด และ
การออมประจำจะช่วยให้เขาหลุดจากการเป็นหนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าเรารอจนกว่าเราชดใช้จ่ายหนี้ที่มีอยู่ให้เรียบร้อยก่อน เราก็จะไม่มีการออมและไม่มีการถวายสิบลดเลย เมื่อเราตกเป็นหนี้เราร้องขอพระเจ้าโปรดช่วยเรา นั่นหมายความว่าเราต้องพึ่งพระเจ้า เราจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามวิถีทางของพระเจ้า ความจริงก็คือว่า
ถ้าเราต้องการให้พระเจ้าทรงอวยพรในชีวิตด้านใดของเรา
เราต้องให้พระองค์เป็นหนึ่งเป็นเอกในชีวิตด้านนั้น ๆ ของเรา
3. เขียนรายการสิ่งที่ท่านเป็นเจ้าของ รายการรายจ่ายและหนี้
และรายการรายได้
เราจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลที่เป็นจริงและเป็นปัจจุบัน ที่จะบ่งบอกส่วนสำคัญ 4 ประการคือ ขณะนี้เราเป็นเจ้าของอะไรบ้าง
ในแต่ละเดือนเรามีรายจ่ายทั้งสิ้นอะไรบ้าง แล้วแต่ละเดือนเรามีรายรับอะไรบ้าง และสำคัญตอนนี้เรามีหนี้สินเท่าใด? การที่เราจะสร้างบ้านสร้างครอบครัว พระธรรมสุภาษิตสอนเราว่า บ้านและครอบครัวของเรานั้นสร้างด้วยปัญญา
และสามารถตั้งยั่งยืนอยู่ได้เพราะความเข้าใจ (สุภาษิต 24:3 อมธ. และ สมช.)
ด้วยวิธีการนี้จะบอกเราอย่างชัดเจนว่า เราใช้จ่ายเงินไปในทางใดบ้าง และแต่ละทางด้วยจำนวนเท่าใด? เพื่อเราจะตอบตนเองอย่างชัดเจนได้ว่า “เงินของฉันมันไปไหนหมด?”
เพราะเราจะรู้ว่าเดือนนี้เรามีรายได้เท่าใด เราจ่ายค่าอะไรไปบ้าง รายรับกับรายจ่ายของเราสมดุลกันไหม? ถ้าจะปรับลดรายจ่ายให้สมดุลกับรายได้ จะต้องปรับลดรายจ่ายในเรื่องใด?
และนี่คือข้อเท็จจริงที่เราจะควบคุมรายจ่ายประจำวันของเรา หรือที่เราเรียกว่าการทำงบประมาณครัวเรือน
หรือ บัญชีครัวเรือน
4. มีอะไรที่เราไม่ได้ใช้ที่เราสามารถเอาไปขายได้
เราจำเป็นที่จะขจัดสิ่งของบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกจากบ้านและชีวิตของเรา เราสามารถที่จะเปลี่ยนสิ่งของที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ให้เป็น
“เงินสด” ในมือของเรา
ลองสำรวจดูว่าเรามีสิ่งของใดบ้างที่ไม่จำเป็นสำหรับเราแล้ว แล้วขายสิ่งเหล่านั้นให้เป็นรายได้ แทนที่เราจะต้องเอาใจใส่และเสียค่าบำรุงรักษาสิ่งนั้น
เป็นภาระที่เราต้องรับผิดชอบโดยไม่เป็นประโยชน์อันใด ส่วนมากจะเป็นของใช้ หรือ เครื่องต่าง ๆ ที่มีมากเกินความจำเป็น หรือมันไม่จำเป็นสำหรับท่านต่อไป ไม่ว่าเก้าอี้ โต๊ะ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และ ฯลฯ นอกจากจะมีรายได้แล้วยังเป็นการลดรายจ่ายการบำรุงรักษาอีกด้วย
5. วางแผนการชำระหนี้สิน
สุภาษิต 21:5 กล่าวว่า
“แผนงานของคนขยันนำไปสู่กำไรแน่นอน...” (อมธ.) เราอาจจะจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องการวางแผนการชำระหนี้ คริสตจักรในสภาคริสตจักรของเราน่าจะมีพันธกิจให้คำปรึกษาวางแผนให้สมาชิกหลุดหนี้?
ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคริสตจักรที่ใหญ่ที่จะมีที่ปรึกษาในการวางแผนขจัดหนี้ แต่ให้เราหาคนในคริสตจักรที่มีใจรักคนอื่นในคริสตจักรและมีความรู้และประสบการณ์ในการวางแผนลดรายจ่าย
เพิ่มรายได้ แล้วมีแผนการขจัดหนี้
หรืออาจจะมีคนที่มีความสามารถดังกล่าวในคริสตจักรใกล้เคียงก็สามารถเชิญให้มาช่วยเรื่องนี้ในคริสตจักรของเราได้
6. เลิก (ห้าม) สร้างหนี้ใหม่
การจัดการขจัดหนี้เป็นเรื่องกล้วย
ๆ
เมื่อเทียบกับการไม่ไปสร้างหนี้ใหม่
บอกเลิกการใช้บัตรเครดิต
และไม่กู้หนี้ยืมสินรายการใหม่
การที่คนเราตกเป็นหนี้เพราะเขาใช้จ่ายในชีวิตที่มากกว่ารายรับที่เขาได้ ตัดสินใจวันนี้ เลิกใช้ “เงินล่วงหน้า” เลิกใช้บัตรเครดิต ไม่กู้ ไม่ผ่อน นั่นหมายความว่าเราต้องพอใจในสิ่งที่เรามี และนี่คือตัวปกป้องเราไม่ให้ตกในหลุมพรางของการเป็นหนี้
7. ประนอมหนี้ (ด้วยตนเอง)
ให้เราบอกเจ้าหนี้ของเราแต่ละคนได้ทราบว่า
เรามีแผนในการชำระหนี้ที่สามารถเป็นจริงได้อย่างไร
แสดงให้เขาเห็นแผนการขจัดหนี้ของเราให้เจ้าหนี้เห็น บอกกับเขาว่าเราไม่ต้องการ “ชักดาบ” เราไม่ต้องการหนีอย่างไม่รับผิดชอบ เราไม่ต้องการเป็นผู้ล้มละลาย เพราะนั่นไม่ดีสำหรับท่านในฐานะเจ้าหนี้ และไม่ดีสำหรับผมในฐานะลูกหนี้ด้วย
สำหรับหนี้ที่ผมจะต้องผ่อนเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ตอนนี้ผมมีความสามารถผ่อนได้เดือนละสองพันห้าร้อยบาท ผมต้องการที่จะชำระหนี้ที่มีจบครบ ท่านจะกรุณาช่วยผมตามแผนการขจัดหนี้นี้ได้ไหม?
พระเจ้าจะทรงทำให้ท่านเป็นผู้ที่เจ้าหนี้โปรดปราน เมื่อเราตั้งใจกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เจ้าหนี้ส่วนใหญ่เมื่อรู้ความจริงนี้เขาจะยอมที่จะให้เราชำระหนี้ตามแผนการขจัดหนี้ที่เราเสนอ เพราะเขาจะได้รับการชดใช้หนี้ที่มีอยู่จนครบ
8. ทำตามแผนขจัดหนี้อย่างเคร่งครัด
การหลุดรอดออกจากหนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องมีวินัยชีวิต มีความอดทนพยายาม แต่เราท่านสามารถทำได้ เพียงท่านจะปฏิบัติตามแผนงานขจัดหนี้อย่างจริงจังเคร่งครัด หลักการนี้จะเกิดผล แต่ท่านต้องลงมือทำตามแผนนั้น ขอเน้นว่า...ท่านต้องทำอย่างเคร่งครัด...(ไม่ใช่อยู่เฉย
ๆ หรือ
คอยแต่ให้คนยกหนี้???)
พระธรรมกาลาเทีย 6:9 เขียนไว้ว่า “อย่าให้เราอ่อนล้าในการทำดี
เพราะถ้าเราไม่ย่อท้อ เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันเหมาะสม” (มตฐ.)
ท่านอาจจะพบกับการทดลองให้หยุดทำตามแผนขจัดหนี้ การที่เรามีเพื่อนสนิทที่เราไว้ใจ
และมีใจต้องการช่วยเรา
ให้เขาอยู่ใกล้เราเพื่อกระตุ้นเตือนให้เรายึดมั่นทำตามแผนขจัดหนี้อย่างมั่นคง
และให้กำลังใจแก่เราที่จะสัตย์ซื่อทำตามแผนขจัดหนี้
อย่าลืมว่า พระเจ้าทรงสนพระทัยในทุกรายละเอียดในชีวิตของท่าน รวมถึงชีวิตในด้านการเงิน รายรับ รายจ่าย และหนี้สิน พระองค์ประสงค์ให้ท่านชำระหนี้ที่มีอยู่ของท่าน
และที่สำคัญคือพระองค์จะเคียงข้างและช่วยท่านในแผนการขจัดหนี้ของท่าน เพียงท่านต้องทูลขอต่อพระองค์ในทุกกรณีที่เกิดขึ้นในแผนการขจัดหนี้นี้
พระองค์จะไม่ละทิ้งท่านให้ต้องเผชิญกับหนี้ที่มีอยู่เพียงตัวคนเดียว พระองค์พร้อมที่จะเคียงข้างช่วยเหลือท่านในเรื่องนี้
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่