สำหรับคริสตชนแล้ว เป้าหมายปลายทางสุดท้ายที่คริสตชนมุ่งไปให้ถึงคือ
พระประสงค์ที่พระเจ้าต้องการให้สำเร็จเกิดผลในชีวิตที่พระองค์ประทานแก่เรา
แต่ในความเป็นจริง
กว่าที่เราแต่ละคนจะไปถึงเป้าหมายปลายทางแห่งชีวิตนั้น เราจะต้องจาริกไปบนเส้นทางชีวิตแต่ละวัน แต่ละเดือน และ ในแต่ละปี
ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาเราก็มีเป้าหมายชีวิตสำหรับช่วงเวลานั้น ๆ นั่นหมายความว่า
ถ้าเราจะจาริกให้ไปถึงเป้าหมายปลายทาง ในแต่ละช่วงเวลาเราชีวิตต้องรู้ว่าอะไรคือเป้าหมายชีวิตในช่วงเวลานั้น และเมื่อไปถึงเป้าหมายของช่วงเวลานั้น เราก็จะพบก้าวเดินใหม่ที่เราจะต้องก้าวต่อไปอีก ซึ่งเป็นการเข้าสู่อีกช่วงเวลาหนึ่ง เราก็จะต้องชัดเจนถึงเป้าหมายของช่วงเวลาใหม่นั้น แล้วก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น
เรากล่าวได้ว่า การที่แต่ละคนจะจาริกไปให้ถึงเป้าหมายปลายทางแห่งชีวิตนั้น จะต้องก้าวผ่านเป้าหมายเล็กเป้าหมายย่อยแต่ละช่วงเวลาที่เชื่อมต่อเนื่องกัน
เป็นเหมือนการที่เราจะก้าวข้ามธารน้ำ ที่มีหินวางให้เราเหยียบจากก้อนหนึ่งไปสู่หินรองเท้าให้เราเหยียบอีกก้อนหนึ่งที่วางในลำธารนั้น แล้วค่อย ๆ ก้าวข้ามไปในลำธารนั้นไปทีละก้าวบนหินที่รองให้เราเหยียบทีละก้อน
ไปเป็นทางยาวจนกว่าเราจะถึงอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางของเรา
หินแต่ละก้อนที่วางต่อกันอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นเหมือนเป้าหมายย่อยของแต่ละช่วงเวลา
หรือ แต่ละช่วงทางชีวิตที่เราจะต้องบรรลุหรือก้าวให้ถึงทีละก้าว บนหินทีละก้อน จนกว่าหินรองเท้าเดินข้ามลำธารนั้นพาเราไปถึงอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางที่เราต้องการไปให้ถึง
การที่เราจะบรรลุเป้าหมายปลายทาง
หรือ เป้าหมายสูงสุดในชีวิต
เราจะต้องก้าวไปทีละก้าวผ่านเป้าหมายย่อยที่รายเรียงกันเป็นทางที่เราจะต้องก้าวเหยียบลงบนหินรองเท้าเดินแต่ละก้อนอย่างต่อเนื่อง
ความจริงที่เราต้องพบและต้องตระหนักเสมออีกประการหนึ่งว่า
หินรองเท้าที่เราต้องก้าวไปทีละก้าวนั้นมิได้เป็นเส้นตรงเสมอไป อาจะจะต้องคดเคี้ยวเลี้ยวย้อนในบางช่วง ซึ่งบางครั้งก็ดูเหมือนว่า ไม่ได้ก้าวหน้า
หรือ ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนกำลังย้อนมาข้างหลัง
แต่เราต้องค่อย
ๆ สังเกต ค่อย ๆ เรียนรู้ และ ค่อย ๆ เข้าใจว่า
หินรองเท้าเดินไปแต่ละก้อนต้องผ่านสภาพธารน้ำที่ลึกตื้นไม่เท่ากัน ต้องผ่านกระแสน้ำที่เชี่ยวหรือเฉื่อยไม่เหมือนกัน นอกจากที่มีขนาดก้อนไม่เท่ากันแล้ว ยังคดเคี้ยวไปตามเส้นทางที่เหมาะสมปลอดภัยอีกด้วย
การทรงนำของพระเจ้าเป็นเหมือนเส้นทางที่ก้อนหินรองเท้าเดินข้ามลำธารที่วางไปทีละก้อนถ้าเราตัดสินใจก้าวไปบนหินก้อนที่หนึ่งไปยังก้อนที่สอง เราก็จะเห็นก้อนที่สามที่ชัดขึ้น และ
สามารถประเมินได้ว่าเราจะก้าวต่อไปยังก้าวที่สามอย่างไร
พอก้าวไปยืนบนหินรองเท้าเดินก้อนที่สามเราก็จะเริ่มเห็นก้อนต่อไป เป็นกระบวนการที่ก้าวไปด้วยความไว้วางใจที่ตัดสินใจเสี่ยงก้าวไปอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่สามารถมองเห็นอีกฝั่งหนึ่งว่าเป็นอย่างไร แต่เราไว้วางใจในการทรงนำของพระเจ้าเพราะแต่ละก้าวเดินเราพบหินรองเท้าเดินอีกก้อนหนึ่งที่เราสามารถก้าวต่อไป แล้วทำให้เราสามารถก้าวอย่างต่อเนื่องได้
พระเจ้าทรงวางย่างก้าวแต่ละก้าวไว้
เราต้องตัดสินใจที่จะวางใจในพระองค์แล้วกล้าที่จะก้าวไปสู่หินรองเท้าเดินก้อนที่อยู่ข้างหน้า
ทีละก้อน
โดยไม่จำเป็นว่าเราต้องเห็นหินรองเท้าเดินตลอดเส้นทางก่อน หรือ
เห็นเป้าหมายปลายทางอีกฝั่งหนึ่งอย่างชัดเจนก่อนถึงจะตัดสินใจเดินไป
เพราะบนเส้นทางนี้เราต้องเดินไปด้วยความเชื่อศรัทธาที่ไว้ใจในการทรงนำของพระเจ้า
“พระเจ้า...วางเท้าของข้าพเจ้าลงบนศิลา
ทำให้ย่างเท้าของข้าพเจ้ามั่นคง”
(สดุดี 40:2 มตฐ.)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น