ถ้าใครเก่งในเรื่องไหนเรื่องหนึ่งจริง เขาไม่จำเป็นต้องคุยโตโอ้อวดโพนทะนาว่าตนเองเก่งในเรื่องนั้น และคนที่คุยโตโอ้อวดในยุคนี้หลายคนมักทำได้ด้อยกว่าที่
“โฆษณาตนเอง” หรือ มัก “ไม่สมราคาคุย”?
ถ้าเราสังเกตและสำรวจตลอดชีวิตของพระคริสต์ พระองค์มิได้เป็นคนที่คุยโตโอ้อวดว่าตนนั้นสำคัญ ยกเว้นเรื่องเดียวที่พระองค์พูดความจริงที่พวกผู้นำศาสนายิวรับไม่ได้คือ
ที่พระองค์พูดความจริงว่าพระเจ้าเป็นพระบิดาของพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่เคยกะเกณฑ์หรือเรียกร้องให้คนทั้งหลายปฏิบัติต่อพระองค์ในฐานะ
“พระบุตรของพระเจ้า” ดังในพระธรรมฟิลิปปีได้ยืนยันชัดเจนถึงท่าทีของพระคริสต์ในฐานะพระบุตรของพระเจ้าว่า “(พระเยซูคริสต์)
ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า
ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้” (มตฐ.)
แต่น่าเศร้าใจ ที่ผู้นำคริสตชนในปัจจุบันนี้ติดยึดกับ “ฐานะ
ตำแหน่ง” ที่ตนได้รับ และสำคัญผิดคิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ เหนือกว่า สำคัญกว่า
หรือหลายคนพูดต่อว่าสมาชิกคริสตจักรไม่ได้กระทำอย่างเหมาะสมกับตำแหน่ง
ศาสนศักดิ์ของตนในคริสตจักร (แล้วก็ไปเปรียบเทียบผู้นำคริสตจักรของบางประเทศ) ผู้นำคริสตจักรกลุ่มนี้ช่างแตกต่างจากพระเยซูคริสต์แบบหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
ให้เราใคร่ครวญถึงคำอธิษฐานของพระเยซูที่พระองค์ทูลอธิษฐานต่อพระบิดา ถึงท่าทีที่พระองค์ต้องการกระทำต่อสาวกที่ติดตามพระองค์
และ อนาคตของเหล่าสาวก ในยอห์น 17:12-14,19,21
(มตฐ.)
- “ข้าพระองค์ได้พิทักษ์รักษาเขา...ปกป้องพวกเขาไว้”
- “ข้าพระองค์สอนเขา...เพื่อเขาจะมีความชื่นชมยินดี...”
- “โลกเกลียดชังพวกเขาเพราะพวกเขามิใช่คนของโลก เหมือนข้าพระองค์มิใช่ของโลก...”
- “เพราะเห็นแก่พวกเขาข้าพระองค์จึงชำระตนให้บริสุทธิ์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์อย่างแท้จริงด้วย” (อมธ.)
- พระองค์ทูลขอว่า “ขอทรงชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ ด้วยความจริงแห่งพระวจนะของพระองค์”
- ข้าพระองค์ไม่ได้อธิษฐานเผื่อคนเหล่านี้เพียงพวกเดียว แต่เพื่อทุกคนที่วางใจในข้าพระองค์โดยผ่านทางถ้อยคำ(ประกาศ)ของพวกเขา
- เพื่อพวกเขาจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดั่งเช่นพระองค์ผู้เป็นพระบิดาสถิตย์ในข้าพระองค์ เพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในพระองค์และในข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระบิดาทรงใช้ข้าพระองค์มา
เราจะเห็นชัดว่า พระเยซูคริสต์มิได้เน้นความสำคัญของตนเอง ดังคำอธิษฐานของพระองค์ที่ว่า เพื่อพวกเขาจะรู้ว่า
ข้าพระองค์กับพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
พระองค์ทรงรักพวกเขาเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์ พระเยซูคริสต์มิได้กล่าวอ้าง หรือ เรียกร้องสัมพันธภาพที่พิเศษเหนือกว่าสาวกที่มีในพระบิดา แต่พระองค์กลับทูลขอให้พระบิดาทรงรักพวกสาวกในระดับเดียวกันหรือเหมือนอย่างที่พระบิดารักพระองค์ และนี่เป็นความสำคัญที่ล้ำค่ายิ่งที่พระคริสต์ทรงมี พระองค์ไม่ได้เรียกร้องความสัมพันธ์ที่เหนือกว่าพิเศษกว่าจากพระบิดา ตรงกันข้ามพระองค์กลับทูลขอความสัมพันธ์สุดยอดเพื่อสาวกของพระองค์เสียอีก
นี่คือแบบอย่างที่เป็นรูปธรรมของพระเยซูคริสต์
ที่ทรงกระทำและวางเป็นแบบอย่างแก่สาวกของพระองค์ทุกคน ที่เป็นแบบอย่างชีวิตที่เป็นพลังหนุนเสริมให้สาวกของพระองค์กล้าที่จะทุ่ม
เสี่ยง และยอมตายเพื่อพระนามของพระองค์
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น