การทำพันธกิจในคริสตจักร
เป็นงานหนึ่งที่สร้างความเครียดแก่ผู้อภิบาลและทีมงานคริสตจักรที่ไม่แพ้งานอื่น ๆ เลยทีเดียว
ทีมงานพันธกิจคริสตจักรต้องเผชิญหน้ากับประเด็นต่าง ๆ ในพันธกิจที่ทำ จนทำให้ความดันขึ้น แต่มีศิษยาภิบาลบางท่านเคยตั้งข้อสังเกตว่า
แล้วเมื่อพระเยซูคริสต์ทำพันธกิจในสมัยของพระองค์ พระองค์ถูกกดดันจนเครียดหรือไม่?
ในสมัยที่พระเยซูคริสต์ทำพันธกิจ
ประชาชนรอบข้างเรียกร้องต้องการให้พระองค์ช่วยทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แน่นอนครับ นั่นก็เป็นการ “กดดัน”
ลักษณะหนึ่ง
นอกจากนั้นแล้วพระองค์ยังถูกเข้าใจผิด
และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำศาสนาในสมัยนั้น แต่ถ้าเราสังเกต
เราจะเห็นว่าพระองค์เผชิญกับสถานการณ์เหล่านั้น
แต่ไม่มีอาการหดหู่ หรือ ท้อแท้
พระองค์ไม่ได้ยกธงขาวยอมแพ้
เกิดคำถามว่า พระองค์ทำอย่างไรที่มีความสงบท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักเช่นนั้นได้? แล้วเราท่านในปัจจุบันจะมีสันติ
สงบในชีวิตท่ามกลางแรงกดดันมากมายในปัจจุบันนี้อย่างพระคริสต์ได้หรือไม่?
1. รู้ว่าตนเองคือใคร?
พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า
“เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด
แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” (ยอห์น 8:12 มตฐ.)
ตลอดชีวิตของพระเยซูคริสต์ พระองค์บอกชัดเจนว่าพระองค์เป็นใคร มากกว่า 18 ครั้งที่พระองค์บอกว่า พระองค์คือใคร หรือ
พระองค์เปรียบเหมือนอะไร และตามด้วยคำอธิษฐาน พระองค์ชัดเจนว่า พระองค์เป็นใคร พระองค์บอกเสมอว่า “เรารู้ว่าเราคือใคร”
และเพราะการที่พระองค์รู้ชัดเจนว่าพระองค์เป็นใคร
ทำให้พระองค์ไม่ตกเป็นเหยื่อของการกดดันจากรอบข้างชีวิตของพระองค์
บ่อยครั้งใช่ไหมที่เราต้องเครียดเพราะเราพยายามที่จะเป็นเหมือนคนบางคนที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา
เราสวมหน้ากากแล้วซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเราจากคนรอบข้าง
เรากลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตน และนี่ทำให้เราเครียดมิใช่หรือ? ถ้าเรายังไม่ชัดเจนในตนเองว่า “เราคือใคร”
นั่นเรากำลังมีชีวิตที่ “ตีสองหน้า” หรือ ต้องดำเนินชีวิตในสองตัวตนในคน ๆ เดียวกัน... เหนื่อยครับ?
ให้เราลดความเครียดนี้ ด้วยการให้เกิดความพึงพอใจภายในของเราว่า
เราคือใคร และ พระเจ้าทรงสร้างให้เราเป็นใคร
เราจะค้นพบว่า ตัวเราคือใครก็ด้วยการที่เราค้นพบว่า เราเป็นคนของใคร
2. รู้เท่าทันว่าตนเองมีชีวิตอยู่เพื่อใคร
“เราจะทำสิ่งใดตามใจไม่ได้
เราได้ยินอย่างไรเราก็พิพากษาอย่างนั้น
และการพิพากษาของเราก็ยุติธรรม
เพราะเราไม่ได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง
แต่ตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา (ยอห์น 5:30 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์อุทิศทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อที่จะมีชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
พระองค์มิได้มีชีวิตเพื่อความปรารถนาของตนเอง หรือ มีชีวิตเพื่อให้ถูกใจคนบางคน
พระเยซูคริสต์รู้ชัดว่าการมีชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้าเป็นการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
เราไม่สามารถที่จะมีชีวิตถูกใจหรือเป็นที่พอใจของทุกคนได้
สำหรับพระคริสต์แล้วพระองค์ดำเนินชีวิตในโลกนี้
ทำพันธกิจในโลกนี้เพื่อให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า เท่านั้น
และพระบืดาได้ยืนยันว่า พระเยซูคริสต์มีชีวิตที่พอพระทัยพระบิดา เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติสมาจากยอห์น มีเสียงยืนยันจากฟ้าว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา
เราชอบใจท่านมาก” (มัทธิว 3:17 มตฐ.)
และเมื่อพระคริสต์จำแลงพระกายที่บนภูเขาก็มีเสียงจากฟ้าเช่นกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา
จงเชื่อฟังท่านเถิด” (มาระโก 9:7 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์มิได้มาในโลกนี้เพื่อทำให้ทุกคนพอใจในพระองค์ เราก็เช่นกันการรับใช้พระคริสต์มิใช่การทำให้คนทั้งหลายพึงพอใจในตัวเรา เราทำทุกอย่างในชีวิตเพื่อให้เป็นที่พึงพอพระทัยของพระเจ้า ชีวิตและการงานของเรา เรากระทำด้วยสำนึกถึงการกระทำเพื่อให้เป็นที่พระเจ้าพึงพอพระทัย
เมื่อเราทำเพื่อให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
นั่นหมายความว่าเรากระทำด้วยความรับผิดชอบและเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้า
แม้ว่าการกระทำดังกล่าวของเราอาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่เป็นที่พึงพอใจของใครบางคนก็ไม่ทำให้เราท้อแท้หมดกำลังใจ เพราะเราเป็นคนของพระเจ้า กระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในสถานการณ์นั้น ๆ
เรามิได้ทำเพื่อให้ใครบางคนชื่นชอบพอใจเรา หรือ ยอมรับในตัวเรา
3. รู้แน่ชัดว่าเราทำเพื่อให้บรรลุสำเร็จในเรื่องใด
พระเยซูตรัสตอบว่า “...
เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปไหน แต่พวกท่านไม่รู้เลยว่าเรามาจากไหนหรือจะไปไหน...”
(ยอห์น 8:14 อมธ.)
พระเยซูคริสต์รู้ชัดเจนว่าพระองค์ต้องการบรรลุสำเร็จในเรื่องอะไร เราก็ควรที่จะรู้ชัดเจนเช่นกันว่าที่เรากระทำนั้นเพื่อให้บรรลุสำเร็จในเรื่องอะไร ให้ชีวิตของเรามีเป้าหมาย และจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในการดำเนินให้บรรลุตามเป้าหมายนั้น
คนที่ตกเป็นเหยื่อของความเครียดมักเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมาย หรือ มีเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน แต่ละคนต้องเลือกเอาว่าชีวิตประจำวันของเราจะเป็นคนที่มีระบบขั้นตอนที่สำคัญก่อนหลังในการดำเนินชีวิต หรือไม่ก็ต้องเลือกที่จะพบกับความกดดันจนเครียดในชีวิต
ถ้าเราไม่ตัดสินใจว่าอะไรที่มีความสำคัญในชีวิต และเราต้องการบรรลุสำเร็จในเรื่องอะไรแล้ว ระวัง...คนอื่นจะเข้ามาจัดการตัดสินและเลือกให้เรา
การที่เรามีการจัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตช่วยป้องกันมิให้เราตกเป็นเหยื่อถูกครอบงำของความเร่งด่วน แล้วเราต้องวิ่งไล่แก้ตามปัญหาที่เกิดขึ้น
ไม่มีใครต้องการที่ทำงานแทบตายตลอดวันแต่กลับงงงวยประหลาดใจว่า วันนี้เราทำอะไรสำเร็จบ้างหรือไม่เนี่ย!
วันนี้เราทำสิ่งที่คุณค่าความหมายอะไรสำเร็จบ้าง?
คนที่ต้องทำงานยุ่งวุ่นตลอดวันไม่ได้หมายความว่าเขาจะบรรลุสำเร็จสิ่งสำคัญในวันนั้น เราอาจจะทำงานเหมือน “หนูติดจั่น”
วิ่งหมุนกงล้อตลอดวันแต่ไปไม่ถึงไหนเลยนอกจากวิ่งในกงล้อนั้น การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้งานพันธกิจและชีวิตครอบครัวของท่านง่ายขึ้น และลดความเครียดจากการทำลงได้
วันนี้เรารู้ไหมครับว่า “เราคือใคร?”
“เรามีชีวิตอยู่เพื่อใคร?” “เราทำเพื่อบรรลุอะไร?”
ถ่าเรารู้ชัดและดำเนินตามนั้น นี่คือเส้นทางชีวิตที่ไม่ตกในหลุมพรางแห่งความเครียด
ท้อแท้ สิ้นหวัง
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น