16 กรกฎาคม 2561

ทำพันธกิจอย่างไรที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของความเครียด?

การทำพันธกิจในคริสตจักร เป็นงานหนึ่งที่สร้างความเครียดแก่ผู้อภิบาลและทีมงานคริสตจักรที่ไม่แพ้งานอื่น ๆ เลยทีเดียว   ทีมงานพันธกิจคริสตจักรต้องเผชิญหน้ากับประเด็นต่าง ๆ ในพันธกิจที่ทำ  จนทำให้ความดันขึ้น   แต่มีศิษยาภิบาลบางท่านเคยตั้งข้อสังเกตว่า   แล้วเมื่อพระเยซูคริสต์ทำพันธกิจในสมัยของพระองค์  พระองค์ถูกกดดันจนเครียดหรือไม่?

ในสมัยที่พระเยซูคริสต์ทำพันธกิจ   ประชาชนรอบข้างเรียกร้องต้องการให้พระองค์ช่วยทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ   แน่นอนครับ นั่นก็เป็นการ “กดดัน” ลักษณะหนึ่ง   นอกจากนั้นแล้วพระองค์ยังถูกเข้าใจผิด และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำศาสนาในสมัยนั้น   แต่ถ้าเราสังเกต เราจะเห็นว่าพระองค์เผชิญกับสถานการณ์เหล่านั้น  แต่ไม่มีอาการหดหู่ หรือ ท้อแท้  พระองค์ไม่ได้ยกธงขาวยอมแพ้   เกิดคำถามว่า พระองค์ทำอย่างไรที่มีความสงบท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักเช่นนั้นได้?   แล้วเราท่านในปัจจุบันจะมีสันติ สงบในชีวิตท่ามกลางแรงกดดันมากมายในปัจจุบันนี้อย่างพระคริสต์ได้หรือไม่?

1.   รู้ว่าตนเองคือใคร?

พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ว่า “เรา​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก คน​ที่​ตาม​เรา​มา​จะ​ไม่​ต้อง​เดิน​ใน​ความ​มืด แต่​จะ​มี​ความ​สว่าง​แห่ง​ชีวิต” (ยอห์น 8:12 มตฐ.)

ตลอดชีวิตของพระเยซูคริสต์  พระองค์บอกชัดเจนว่าพระองค์เป็นใคร   มากกว่า 18 ครั้งที่พระองค์บอกว่า พระองค์คือใคร หรือ พระองค์เปรียบเหมือนอะไร   และตามด้วยคำอธิษฐาน   พระองค์ชัดเจนว่า พระองค์เป็นใคร  พระองค์บอกเสมอว่า “เรารู้ว่าเราคือใคร”   และเพราะการที่พระองค์รู้ชัดเจนว่าพระองค์เป็นใคร  ทำให้พระองค์ไม่ตกเป็นเหยื่อของการกดดันจากรอบข้างชีวิตของพระองค์

บ่อยครั้งใช่ไหมที่เราต้องเครียดเพราะเราพยายามที่จะเป็นเหมือนคนบางคนที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา  เราสวมหน้ากากแล้วซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเราจากคนรอบข้าง   เรากลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตน  และนี่ทำให้เราเครียดมิใช่หรือ?   ถ้าเรายังไม่ชัดเจนในตนเองว่า “เราคือใคร” นั่นเรากำลังมีชีวิตที่ “ตีสองหน้า” หรือ ต้องดำเนินชีวิตในสองตัวตนในคน ๆ เดียวกัน...   เหนื่อยครับ?

ให้เราลดความเครียดนี้  ด้วยการให้เกิดความพึงพอใจภายในของเราว่า เราคือใคร และ พระเจ้าทรงสร้างให้เราเป็นใคร   เราจะค้นพบว่า ตัวเราคือใครก็ด้วยการที่เราค้นพบว่า เราเป็นคนของใคร

2.   รู้เท่าทันว่าตนเองมีชีวิตอยู่เพื่อใคร

“เรา​จะ​ทำ​สิ่ง​ใด​ตาม​ใจ​ไม่​ได้ เรา​ได้​ยิน​อย่าง​ไร​เรา​ก็​พิ​พาก​ษา​อย่าง​นั้น และ​การ​พิ​พาก​ษา​ของ​เรา​ก็​ยุติ​ธรรม เพราะ​เรา​ไม่​ได้​มุ่ง​ที่​จะ​ทำ​ตาม​ใจ​ของ​เรา​เอง แต่​ตาม​พระ​ประ​สงค์​ของ​ผู้​ทรง​ใช้​เรา​มา (ยอห์น 5:30 มตฐ.)

พระเยซูคริสต์อุทิศทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อที่จะมีชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า   พระองค์มิได้มีชีวิตเพื่อความปรารถนาของตนเอง   หรือ มีชีวิตเพื่อให้ถูกใจคนบางคน   พระเยซูคริสต์รู้ชัดว่าการมีชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้าเป็นการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง   เราไม่สามารถที่จะมีชีวิตถูกใจหรือเป็นที่พอใจของทุกคนได้   สำหรับพระคริสต์แล้วพระองค์ดำเนินชีวิตในโลกนี้ ทำพันธกิจในโลกนี้เพื่อให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า เท่านั้น

และพระบืดาได้ยืนยันว่า  พระเยซูคริสต์มีชีวิตที่พอพระทัยพระบิดา   เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติสมาจากยอห์น   มีเสียงยืนยันจากฟ้าว่า  “ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา เรา​ชอบ​ใจ​ท่าน​มาก” (มัทธิว 3:17 มตฐ.)   และเมื่อพระคริสต์จำแลงพระกายที่บนภูเขาก็มีเสียงจากฟ้าเช่นกันว่า  “ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา จง​เชื่อ​ฟัง​ท่าน​เถิด” (มาระโก 9:7 มตฐ.)

พระเยซูคริสต์มิได้มาในโลกนี้เพื่อทำให้ทุกคนพอใจในพระองค์   เราก็เช่นกันการรับใช้พระคริสต์มิใช่การทำให้คนทั้งหลายพึงพอใจในตัวเรา   เราทำทุกอย่างในชีวิตเพื่อให้เป็นที่พึงพอพระทัยของพระเจ้า   ชีวิตและการงานของเรา  เรากระทำด้วยสำนึกถึงการกระทำเพื่อให้เป็นที่พระเจ้าพึงพอพระทัย

เมื่อเราทำเพื่อให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า   นั่นหมายความว่าเรากระทำด้วยความรับผิดชอบและเพื่อตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้า   แม้ว่าการกระทำดังกล่าวของเราอาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่เป็นที่พึงพอใจของใครบางคนก็ไม่ทำให้เราท้อแท้หมดกำลังใจ   เพราะเราเป็นคนของพระเจ้า   กระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในสถานการณ์นั้น ๆ เรามิได้ทำเพื่อให้ใครบางคนชื่นชอบพอใจเรา หรือ ยอมรับในตัวเรา

3.  รู้แน่ชัดว่าเราทำเพื่อให้บรรลุสำเร็จในเรื่องใด

พระเยซูตรัสตอบว่า “... เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปไหน แต่พวกท่านไม่รู้เลยว่าเรามาจากไหนหรือจะไปไหน...” (ยอห์น 8:14 อมธ.)

พระเยซูคริสต์รู้ชัดเจนว่าพระองค์ต้องการบรรลุสำเร็จในเรื่องอะไร   เราก็ควรที่จะรู้ชัดเจนเช่นกันว่าที่เรากระทำนั้นเพื่อให้บรรลุสำเร็จในเรื่องอะไร   ให้ชีวิตของเรามีเป้าหมาย   และจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในการดำเนินให้บรรลุตามเป้าหมายนั้น

คนที่ตกเป็นเหยื่อของความเครียดมักเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมาย  หรือ มีเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน   แต่ละคนต้องเลือกเอาว่าชีวิตประจำวันของเราจะเป็นคนที่มีระบบขั้นตอนที่สำคัญก่อนหลังในการดำเนินชีวิต  หรือไม่ก็ต้องเลือกที่จะพบกับความกดดันจนเครียดในชีวิต   ถ้าเราไม่ตัดสินใจว่าอะไรที่มีความสำคัญในชีวิต  และเราต้องการบรรลุสำเร็จในเรื่องอะไรแล้ว   ระวัง...คนอื่นจะเข้ามาจัดการตัดสินและเลือกให้เรา

การที่เรามีการจัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตช่วยป้องกันมิให้เราตกเป็นเหยื่อถูกครอบงำของความเร่งด่วน   แล้วเราต้องวิ่งไล่แก้ตามปัญหาที่เกิดขึ้น   ไม่มีใครต้องการที่ทำงานแทบตายตลอดวันแต่กลับงงงวยประหลาดใจว่า  วันนี้เราทำอะไรสำเร็จบ้างหรือไม่เนี่ย!   วันนี้เราทำสิ่งที่คุณค่าความหมายอะไรสำเร็จบ้าง?   คนที่ต้องทำงานยุ่งวุ่นตลอดวันไม่ได้หมายความว่าเขาจะบรรลุสำเร็จสิ่งสำคัญในวันนั้น   เราอาจจะทำงานเหมือน “หนูติดจั่น” วิ่งหมุนกงล้อตลอดวันแต่ไปไม่ถึงไหนเลยนอกจากวิ่งในกงล้อนั้น   การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้งานพันธกิจและชีวิตครอบครัวของท่านง่ายขึ้น   และลดความเครียดจากการทำลงได้

วันนี้เรารู้ไหมครับว่า   “เราคือใคร?”  “เรามีชีวิตอยู่เพื่อใคร?”  “เราทำเพื่อบรรลุอะไร?”

ถ่าเรารู้ชัดและดำเนินตามนั้น   นี่คือเส้นทางชีวิตที่ไม่ตกในหลุมพรางแห่งความเครียด ท้อแท้ สิ้นหวัง

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น