ท่านเชื่อไหมว่า การเทศนา และ การสอน อาจจะเสริมหนุนคริสตจักรให้เข้มแข็งเติบโตขึ้น หรือไม่ก็ทำให้แตกแยก อ่อนแอหมดแรงไปก็ได้?
พระเจ้าทรงมีจุดประสงค์เฉพาะสำหรับการเทศนา และพระประสงค์ของพระองค์สำคัญกว่าจุดประสงค์อื่นใด และสำคัญกว่าจุดประสงค์ของเราเองในการเทศนา
“ในใจของมนุษย์มีแผนงานมากมาย แต่พระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะสำเร็จ” (สุภาษิต 19:21 อมธ.)
แล้วพระเจ้ามีพระประสงค์อะไรในการเทศนาของเรา? พระองค์มีพระประสงค์อะไรให้เราฟังเทศน์?
เราเทศนาไปทำไม? ... ฟังเทศน์ไปทำไม?
การเทศนาเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการชี้นำสมาชิกคริสตจักรที่ฟังเทศน์ คำเทศนาที่ทำอย่างมีเป้าหมายชัดเจนจะเสริมสร้างให้สมาชิกมีสุขภาพจิตใจ-จิตวิญญาณที่แข็งแรง เป็นการหนุนเสริมให้ชีวิตของสมาชิกมีชีวิตชีวาและมีพลัง และทำให้เกิดการเจริญเติบโตขึ้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า การเทศนาและฟังเทศนาเป็นวิธีการเดียวที่สมาชิกทั้งหมดหรือเกือบทุกคนที่มาคริสตจักรในวันอาทิตย์ได้ฟังเทศนาอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่น่าเสียดายและเสียใจที่หลายแห่งเป็นเพียงการพูดและการฟังเท่านั้น แต่ไม่ได้นำไปสู่การกระทำตามพระวจนะที่เทศนานั้น
2 โครินธ์ 3:18 กล่าวว่า “...เรากำลังรับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระองค์...ซึ่งมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ” (อมธ.) เป้าหมายประการสำคัญสุดของการเทศนาก็เพื่อทำให้เราทุกคนมีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์ กล่าวคือ
[1] คิดเหมือนกับพระเยซูคริสต์ “...มีจิตใจ...เหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 2:5 มตฐ.)
[2] มีบุคลิกภาพ ท่าทีชีวิต อารมณ์ความรู้สึกเหมือนพระเยซูคริสต์ “ให้สันติสุขของพระคริสต์ครองใจท่าน...” (โคโลสี 3:15 อมธ.)
[3] มีการกระทำเหมือนกับพระเยซูคริสต์
“...ทำทุกสิ่งในพระนามขององค์พระเยซูเจ้า...” (โคโลสี 3:17
อมธ.)
ดังนั้น เป้าหมายของการเทศนาคือการบ่มเพาะเพื่อเสริมสร้างให้ชีวิตของผู้ฟังเทศน์ทุกคนมีชีวิตที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์
“แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง...แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพและตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ที่ฟังแล้วก็ลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติตาม ผู้นั้นจะได้รับความสุขในการประพฤติของตน” (ยากอบ 1:22, 25 มตฐ.)
เมื่อเราช่วยให้ผู้คนได้ “อ่าน” พระวจนะ และ “จดจำ” พระวจนะ แล้ว “กระทำตาม” พระวจนะ ชีวิตของคน ๆ นั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนี่คือฤทธานุภาพแห่งพระวจนะของพระเจ้า
แก่นหลักของปัญหาคือ ศิษยาภิบาลหลายท่านมักจะให้สมาชิกอ่านพระวจนะ หรือ ฟังพระวจนะ แต่ไม่ใส่ใจที่จะนำสมาชิกให้จดจำพระวจนะ และ กระทำตามพระวจนะ การกระทำดังกล่าวคือวิธีการหนึ่งที่ทำลายชีวิตสมาชิกโดยไม่ตั้งใจและคิดไม่ถึง
ถ้าผู้เทศน์เบลอในจุดประสงค์ของการเทศนา ผู้ฟังเทศน์ก็จะฟังเทศน์เพื่อรู้เรื่องราวในพระคัมภีร์ หรือมีจุดประสงค์เพื่อได้มีส่วนร่วมในการนมัสการ หรือไม่ก็คิดว่า ขอมีโอกาสอาทิตย์ละครั้งได้นั่งฟังเทศนาเพื่อพระเจ้าจะพอพระทัย? ส่วนที่จะรู้หรือไม่รู้เรื่อง จะเป็นประโยชน์อย่างไรหรือไม่ ไม่ได้ใส่ใจ?
ท่านศิษยาภิบาลครับ ถ้าผู้ฟังพระวจนะฟังการเทศนาของท่าน แต่ไม่ได้กระทำตามพระวจนะที่ท่านเทศนานั้น ท่านอาจจะต้องกลับมาพิจารณาถึงเป้าหมายในการเทศนาของท่านใหม่ เพื่อท่านจะเทศนาตามเป้าหมายที่พระเจ้าประสงค์ และทูลขอพระองค์ช่วยท่านในการเตรียมคำเทศนา และ เสริมหนุนท่านในการเทศนาให้เกิดผลตามเป้าหมายของพระองค์ที่ทรงเรียกให้ท่านเทศนา
ตัวชี้วัด ประสิทธิภาพ และ การบรรลุเป้าหมายในการเทศนาของท่านคือ สมาชิกที่ฟังเทศน์แล้วกระทำตามพระวจนะในคำเทศนานั้นหรือไม่?
แล้วเราจะเตรียมเทศนาอย่างไร และ เทศนาอย่างไร ที่กระตุ้นหนุนเสริมให้สมาชิกกระทำตามพระวจนะในคำเทศนาในชีวิตประจำวันของเขา? (ซึ่งเราจะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป)
ตลอดสัปดาห์นี้ให้เราลองประเมินชี้วัดประสิทธิภาพ และ การบรรลุเป้าหมายในการเทศนาที่ผ่านมาของเรา ด้วยตัวชี้วัดที่ว่า คนที่ฟังเทศนาในวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีกี่คนที่ทำตามพระวจนะในคำเทศน์ของเรา? มีกี่คนที่ยังไม่ได้กระทำตามพระวจนะตามคำเทศน์ของเรา? อันไหนที่มากกว่ากัน? และอธิษฐานใคร่ครวญต่อพระพักตร์พระเจ้า และแสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ที่ทรงมอบหมายให้เราเทศนาพระวจนะของพระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น