14 พฤศจิกายน 2557

ไม่ยอมแพ้

16ฉะนั้น​เรา​จึง​ไม่​ย่อ​ท้อ
ถึง​แม้​ว่า​สภาพ​ภาย​นอก​ของ​เรา​กำ​ลัง​ทรุด​โทรม​ไป
แต่​สภาพ​ภาย​ใน​นั้น​ก็​ได้​รับ​การ​เปลี่ยน​ใหม่​ทุก ๆ วัน
17เพราะ​ว่า​ความ​ยาก​ลำ​บาก​ชั่ว​คราว​และ​เล็ก​น้อย​ของ​เรา
จะ​ทำ​ให้​เรา​มี​ศักดิ์​ศรี​นิรันดร์​มาก​มาย​อย่าง​ไม่​มี​ที่​เปรียบ  (2โครินธ์ 4:16-17)

การยอมแพ้...คือการที่คน ๆ นั้นเลือกความล้มเหลวในชีวิตแทนความสำเร็จ!
การยอมแพ้...คือการที่เราฝืนต้านสวนทางกับพระฉายาของพระเจ้าในตัวเรา!

คริสตชนเชื่อว่า  เราทุกคนเป็นคนที่พระเจ้าทรงสร้าง   และทรงสร้างทุกคนตามพระฉายาของพระองค์   ตลอดเรื่องราวในพระคัมภีร์เราได้เห็นและเรียนรู้ว่า   พระเจ้าไม่เคยยอมแพ้   แม้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างจะ “กบฏ” ต่อพระประสงค์ของพระองค์   จนชีวิตตกหลุมพรางของอำนาจแห่งความบาปผิด   แต่พระเจ้าทรงกระทำทุกหนทางที่จะเข้าไปช่วย กอบกู้ ปลดปล่อยมนุษย์ออกจากการตกเป็น “เหยื่อ” ของอำนาจแห่งความบาปผิด   จนกระทั่งยอมสละพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อฉุดเราให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่วนั้นโดยทางพระเยซูคริสต์   แล้วทรงพลิกฟื้น และ เสริมสร้างชีวิตใหม่แก่เราทุกคน

พระฉายา หรือ พระลักษณะหนึ่งของพระเจ้าที่พระองค์ใส่ลงในชีวิตของเราทุกคนคือ  “ไม่ยอมแพ้”

พระเจ้ามิได้ทรงสร้างเราให้เป็นคนยอมแพ้   แต่ทรงสร้างให้เราแต่ละคนเป็นคนที่มีความอดทน  บากบั่น  ทนสู้  มุ่งมั่น   และ ยืนหยัดที่จะค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าวบนเส้นทางล้านลี้   ด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแผนการชีวิตของเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า

เรามีเสรีที่จะเลือกกรอบคิดกรอบเชื่อ และ มุมมองในชีวิตของเรา   และเราก็รู้อยู่กับใจว่า เราเลือกโดยเสรีแต่ต้องรับผลของการเลือกนั้น      

เราท่านมีเสรีที่พระเจ้าทรงประทานให้ที่จะตัดสินใจเลือกว่า  จะยอมแพ้แล้วยอมรับเอาความล้มเหลว  หรือ  จะบากบั่นมุ่งหน้าไปสู่หลักชัยที่พระคริสต์ประทานแก่เราในชีวิตเพื่อรับเอารางวัลแห่งความสำเร็จ

การเลือกที่จะยอมแพ้ หรือ บากบั่นมุ่งไปด้วยการยืนหยัด มุ่งมั่น อดทน เป็นเรื่องของความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณของเรา   ความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของเรา   แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อศรัทธา  ความคิด  และมุมมองในชีวิตของเรา

เราจะมองความยากลำบาก อุปสรรค  สิ่งที่มาขวางก้าวเดินแห่งความสำเร็จของเราว่า  เป็นเครื่องบ่งบอกถึง “ทางตัน” “จุดจบ” ในชีวิต  ทำให้เราเกิดจิตใจที่ย่อท้อ  สงสัยในความสำเร็จ  บดบังจนมองไม่เห็นชัดถึงศักยภาพที่พระเจ้าทรงประทานแก่เรา   สิ้นหวัง   แล้วในที่สุดก็ “ยอมแพ้”

หรือเราจะมองว่า ความยากลำบาก อุปสรรค  สิ่งกีดขวางก้าวเดินแห่งความสำเร็จที่ขวางหน้าเราในขณะนี้เป็นก้าวขั้นบันไดที่เราจะต้องก้าวขึ้นไป   แต่จะต้องออกแรงมากกว่าที่เคยก้าวมา   เพราะไม่ใช่ก้าวเดินบนทางราบ   แต่ต้องยันตัวเราให้ขึ้นสูงขึ้นด้วย   ต้องออกแรงมากขึ้นกว่าที่เคย   แต่มองเห็นจนมีความหวังว่า  นอกจากตนจะก้าวไปข้างหน้า  แต่จะก้าวสูงขึ้นอีกด้วย   และมองอีกว่า “ความสำเร็จ” ไม่ได้อยู่ที่เพียงก้าวเดินก้าวเดียวหรือก้าวใดก้าวหนึ่ง   แต่มองว่าความสำเร็จคือแต่ละก้าวที่บากบั่นพากเพียรก้าวด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการทรงนำของพระเจ้าด้วยความเชื่อศรัทธาที่สัตย์ซื่อต่อเนื่อง  

คนเช่นนี้ย่อมไม่รู้ว่าจะยอมแพ้ในชีวิตได้อย่างไร!   คนพวกนี้ปฏิเสธที่จะ “ยอมแพ้”

ริค วอเรน เล่าว่า เมื่อท่านเริ่มตั้งคริสตจักรแห่งแรกของท่าน ท่านเทศนาครั้งแรกในคริสตจักรนั้นมีผู้ร่วมนมัสการหนึ่งท่าน คือภรรยาท่านเอง แต่สมาชิกคนนี้ยังวิพากษ์ว่าท่านเทศนายาวเกินไป แม้ผ่านไปอีกกว่าสามสิบปีสมาชิกคนนี้ก็ยังบอกท่านว่าท่านเทศนายาวเกินไป?

เมื่อท่านเริ่มทำพันธกิจตั้งคริสตจักร  ท่านคาดหวังว่าในไม่กี่ปีท่านจะสามารถสร้างอาคารโบสถ์ขึ้น   แต่ปรากฏว่า ริค ทำงานพันธกิจคริสตจักรโดยไม่มีอาคารโบสถ์ของตนเองเป็นเวลา 15 ปี   และ 13 ปีท่านนับได้ว่าต้องย้ายไปใช้ที่ต่าง ๆ นมัสการพระเจ้าและทำพันธกิจคริสตจักรถึง 79 แห่ง

ท่านบอกว่า  ผู้อ่านคงทราบว่า  กี่ครั้งที่ท่านรู้สึกอยากจะเลิกราจากงานนี้   แต่ท่านบอกว่าไม่รู้จะเลิกรายอมแพ้อย่างไร   เมื่อท่านสงบใจและอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า   มีเสียงในใจของท่านว่า  “ริค  ถ้าเราไม่ประทานอาคารโบสถ์แก่เจ้า   เจ้ายังจะรับใช้เราอยู่หรือ?   ริคตอบเสียงในใจนั้นว่า “แน่นอนพระเจ้าข้าฯ”

คริสตจักรแห่งแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อคริสตจักรของริคมีสมาชิกมากกว่า 10,000 คนที่มานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์   จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้คงไม่ใช่สถานการณ์ที่สร้างความพออกพอใจแก่ริคในแต่ละช่วงเวลา  เขาพบแต่ความทุกข์ยากลำบาก  ความสับสนวุ่นวายใจ   แต่ท่ามกลางเหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่พึงประสงค์เช่นนี้เองที่พระเจ้าใช้หล่อหลอม เสริมสร้างความคิด ความเชื่อ มุมมอง และชีวิตของริคขึ้นใหม่ให้เป็นคนที่พระองค์จะทรงใช้ได้   คือเป็นคนที่ยอมกระทำงานชีวิตให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้า

พระเจ้าทรงสนพระทัยว่า “เราเป็นคนเช่นไรแล้วในเวลานี้”  มากกว่าจะสนใจว่าอะไรที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเท่านั้น   พระเจ้าทรงใช้ความยากลำบาก   การทดลองที่มาถึงชีวิตเรา  อุปสรรค  ปัญหา  เหตุการณ์ที่เราไม่พึงประสงค์  ในการสอนและเสริมสร้าง หล่อหลอมชีวิตของเราให้เป็นผู้ที่มีปัญญา  สามารถคิดพิจารณา  และมีท่าทีบุคลิกภาพชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์

ความทุกข์ยากลำบาก  การไม่ได้ดั่งใจคาดหมายของทั้งคนรอบข้าง และ ของตนเอง   รวมถึงความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต  ความวุ่นวายใจไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป....และอื่น ๆ ...ที่ท่านกำลังเผชิญหน้าในเวลานี้   พระเจ้าทรงมีพระทัยเมตตาที่จะใช้สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ในการหล่อหลอม เสริมสร้างชีวิตของท่านขึ้นใหม่ต่อไป   

ถ้าเช่นนั้นท่านยังจะยอมเป็นคนของพระองค์หรือไม่  เมื่อชีวิตยังต้องทุกข์ยากลำบากเช่นนี้?

“อย่า​ให้​เรา​เมื่อย​ล้า​(หมดแรง)ใน​การ​ทำ​ดี เพราะ​ว่า​ถ้า​เรา​ไม่​ท้อ​ใจ​แล้ว เรา​ก็​จะ​เก็บ​เกี่ยว​ใน​เวลา​อัน​สม​ควร”

วันนี้  พระเจ้าทรงกำลังพลิกฟื้น หล่อหลอม และเสริมสร้างชีวิตของท่านขึ้นใหม่ครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น