16ฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ
ถึงแม้ว่าสภาพภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป
แต่สภาพภายในนั้นก็ได้รับการเปลี่ยนใหม่ทุก
ๆ วัน
17เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา
จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ
(2โครินธ์ 4:16-17)
การยอมแพ้...คือการที่คน ๆ นั้นเลือกความล้มเหลวในชีวิตแทนความสำเร็จ!
การยอมแพ้...คือการที่เราฝืนต้านสวนทางกับพระฉายาของพระเจ้าในตัวเรา!
คริสตชนเชื่อว่า เราทุกคนเป็นคนที่พระเจ้าทรงสร้าง และทรงสร้างทุกคนตามพระฉายาของพระองค์ ตลอดเรื่องราวในพระคัมภีร์เราได้เห็นและเรียนรู้ว่า พระเจ้าไม่เคยยอมแพ้ แม้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างจะ “กบฏ”
ต่อพระประสงค์ของพระองค์ จนชีวิตตกหลุมพรางของอำนาจแห่งความบาปผิด แต่พระเจ้าทรงกระทำทุกหนทางที่จะเข้าไปช่วย กอบกู้
ปลดปล่อยมนุษย์ออกจากการตกเป็น “เหยื่อ” ของอำนาจแห่งความบาปผิด
จนกระทั่งยอมสละพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อฉุดเราให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่วนั้นโดยทางพระเยซูคริสต์ แล้วทรงพลิกฟื้น และ
เสริมสร้างชีวิตใหม่แก่เราทุกคน
พระฉายา หรือ
พระลักษณะหนึ่งของพระเจ้าที่พระองค์ใส่ลงในชีวิตของเราทุกคนคือ “ไม่ยอมแพ้”
พระเจ้ามิได้ทรงสร้างเราให้เป็นคนยอมแพ้
แต่ทรงสร้างให้เราแต่ละคนเป็นคนที่มีความอดทน บากบั่น
ทนสู้ มุ่งมั่น และ ยืนหยัดที่จะค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าวบนเส้นทางล้านลี้ ด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแผนการชีวิตของเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า
เรามีเสรีที่จะเลือกกรอบคิดกรอบเชื่อ
และ มุมมองในชีวิตของเรา
และเราก็รู้อยู่กับใจว่า เราเลือกโดยเสรีแต่ต้องรับผลของการเลือกนั้น
เราท่านมีเสรีที่พระเจ้าทรงประทานให้ที่จะตัดสินใจเลือกว่า จะยอมแพ้แล้วยอมรับเอาความล้มเหลว หรือ
จะบากบั่นมุ่งหน้าไปสู่หลักชัยที่พระคริสต์ประทานแก่เราในชีวิตเพื่อรับเอารางวัลแห่งความสำเร็จ
การเลือกที่จะยอมแพ้
หรือ บากบั่นมุ่งไปด้วยการยืนหยัด มุ่งมั่น อดทน
เป็นเรื่องของความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณของเรา
ความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของเรา แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อศรัทธา ความคิด
และมุมมองในชีวิตของเรา
เราจะมองความยากลำบาก
อุปสรรค
สิ่งที่มาขวางก้าวเดินแห่งความสำเร็จของเราว่า เป็นเครื่องบ่งบอกถึง “ทางตัน” “จุดจบ”
ในชีวิต ทำให้เราเกิดจิตใจที่ย่อท้อ สงสัยในความสำเร็จ
บดบังจนมองไม่เห็นชัดถึงศักยภาพที่พระเจ้าทรงประทานแก่เรา สิ้นหวัง
แล้วในที่สุดก็ “ยอมแพ้”
หรือเราจะมองว่า
ความยากลำบาก อุปสรรค
สิ่งกีดขวางก้าวเดินแห่งความสำเร็จที่ขวางหน้าเราในขณะนี้เป็นก้าวขั้นบันไดที่เราจะต้องก้าวขึ้นไป แต่จะต้องออกแรงมากกว่าที่เคยก้าวมา เพราะไม่ใช่ก้าวเดินบนทางราบ แต่ต้องยันตัวเราให้ขึ้นสูงขึ้นด้วย ต้องออกแรงมากขึ้นกว่าที่เคย แต่มองเห็นจนมีความหวังว่า นอกจากตนจะก้าวไปข้างหน้า แต่จะก้าวสูงขึ้นอีกด้วย และมองอีกว่า “ความสำเร็จ” ไม่ได้อยู่ที่เพียงก้าวเดินก้าวเดียวหรือก้าวใดก้าวหนึ่ง แต่มองว่าความสำเร็จคือแต่ละก้าวที่บากบั่นพากเพียรก้าวด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการทรงนำของพระเจ้าด้วยความเชื่อศรัทธาที่สัตย์ซื่อต่อเนื่อง
คนเช่นนี้ย่อมไม่รู้ว่าจะยอมแพ้ในชีวิตได้อย่างไร! คนพวกนี้ปฏิเสธที่จะ “ยอมแพ้”
ริค วอเรน
เล่าว่า เมื่อท่านเริ่มตั้งคริสตจักรแห่งแรกของท่าน ท่านเทศนาครั้งแรกในคริสตจักรนั้นมีผู้ร่วมนมัสการหนึ่งท่าน
คือภรรยาท่านเอง แต่สมาชิกคนนี้ยังวิพากษ์ว่าท่านเทศนายาวเกินไป แม้ผ่านไปอีกกว่าสามสิบปีสมาชิกคนนี้ก็ยังบอกท่านว่าท่านเทศนายาวเกินไป?
เมื่อท่านเริ่มทำพันธกิจตั้งคริสตจักร ท่านคาดหวังว่าในไม่กี่ปีท่านจะสามารถสร้างอาคารโบสถ์ขึ้น แต่ปรากฏว่า ริค
ทำงานพันธกิจคริสตจักรโดยไม่มีอาคารโบสถ์ของตนเองเป็นเวลา 15
ปี และ 13
ปีท่านนับได้ว่าต้องย้ายไปใช้ที่ต่าง ๆ นมัสการพระเจ้าและทำพันธกิจคริสตจักรถึง 79 แห่ง
ท่านบอกว่า ผู้อ่านคงทราบว่า กี่ครั้งที่ท่านรู้สึกอยากจะเลิกราจากงานนี้ แต่ท่านบอกว่าไม่รู้จะเลิกรายอมแพ้อย่างไร
เมื่อท่านสงบใจและอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า มีเสียงในใจของท่านว่า “ริค
ถ้าเราไม่ประทานอาคารโบสถ์แก่เจ้า
เจ้ายังจะรับใช้เราอยู่หรือ? ริคตอบเสียงในใจนั้นว่า
“แน่นอนพระเจ้าข้าฯ”
คริสตจักรแห่งแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อคริสตจักรของริคมีสมาชิกมากกว่า
10,000 คนที่มานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้คงไม่ใช่สถานการณ์ที่สร้างความพออกพอใจแก่ริคในแต่ละช่วงเวลา เขาพบแต่ความทุกข์ยากลำบาก ความสับสนวุ่นวายใจ แต่ท่ามกลางเหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่พึงประสงค์เช่นนี้เองที่พระเจ้าใช้หล่อหลอม
เสริมสร้างความคิด ความเชื่อ มุมมอง และชีวิตของริคขึ้นใหม่ให้เป็นคนที่พระองค์จะทรงใช้ได้
คือเป็นคนที่ยอมกระทำงานชีวิตให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้า
พระเจ้าทรงสนพระทัยว่า
“เราเป็นคนเช่นไรแล้วในเวลานี้”
มากกว่าจะสนใจว่าอะไรที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเท่านั้น พระเจ้าทรงใช้ความยากลำบาก การทดลองที่มาถึงชีวิตเรา อุปสรรค
ปัญหา เหตุการณ์ที่เราไม่พึงประสงค์ ในการสอนและเสริมสร้าง
หล่อหลอมชีวิตของเราให้เป็นผู้ที่มีปัญญา
สามารถคิดพิจารณา และมีท่าทีบุคลิกภาพชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์
ความทุกข์ยากลำบาก การไม่ได้ดั่งใจคาดหมายของทั้งคนรอบข้าง และ
ของตนเอง รวมถึงความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต ความวุ่นวายใจไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป....และอื่น
ๆ ...ที่ท่านกำลังเผชิญหน้าในเวลานี้
พระเจ้าทรงมีพระทัยเมตตาที่จะใช้สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ในการหล่อหลอม
เสริมสร้างชีวิตของท่านขึ้นใหม่ต่อไป
ถ้าเช่นนั้นท่านยังจะยอมเป็นคนของพระองค์หรือไม่ เมื่อชีวิตยังต้องทุกข์ยากลำบากเช่นนี้?
“อย่าให้เราเมื่อยล้า(หมดแรง)ในการทำดี
เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร”
วันนี้ พระเจ้าทรงกำลังพลิกฟื้น หล่อหลอม
และเสริมสร้างชีวิตของท่านขึ้นใหม่ครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น