19 สิงหาคม 2562

การสร้างสาวกพระคริสต์เริ่มต้นที่ชีวิตส่วนตัวของศิษยาภิบาล


คริสตจักรท้องถิ่นไทยหลายแห่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เรียกว่าเป็นคริสตจักรที่มีวัฒนธรรมและประเพณีปฏิบัติเฉพาะที่ส่งทอดกันมายาวนาน ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรมักไม่คุ้นชินกับคำว่า “การสร้างสาวกพระคริสต์” แต่คุ้นชินกับคำว่า “การเสริมสร้างชีวิตคริสเตียน” ในสมาชิกมากกว่า และบ่อยครั้งที่เป็นการเสริมสร้าง ความรู้เรื่องชีวิตคริสเตียน มากกว่าการมี “ชีวิตคริสเตียน” เรียนจากชั้นเรียนหนึ่งขึ้นไปสู่อีกชั้นเรียนหนึ่ง

เมื่อต้องมาเผชิญกับสิ่งใหม่อย่าง “การสร้างสาวกพระคริสต์” เกิดคำถามในจิตใจว่า แล้วเขาสร้างสาวกพระคริสต์กันอย่างไร? และยิ่งมีการพูดออกมาชัดเจนว่า “คนที่จะสร้างสาวกพระคริสต์ได้นั้น คน ๆ นั้นต้องมีประสบการณ์ได้รับการสร้างให้เป็นสาวกพระคริสต์มาก่อน” นั่นหมายความว่า ศิษยาภิบาลที่ทำงานต่อเนื่องในคริสตจักรท้องถิ่นในกลุ่มนี้ถูกตีกรอบให้ไม่สามารถสร้างสาวกพระคริสต์(?) ถ้าจะสร้างสาวกพระคริสต์ต้องไปรับการ “สร้าง” จากกลุ่มที่มีผลงานในการสร้างสาวกพระคริสต์ก่อน(?) ถ้าเป็นศิษยาภิบาลรุ่นหนุ่มสาวอายุน้อยที่รับการสร้างจากศิษยาภิบาลรู้พี่ รุ่นพ่อ(แม่)ก็ทำได้สะดวกใจ แต่ถ้าเป็นศิษยาภิบาลรุ่นใหญ่รุ่นพี่ หรือ รุ่นพ่อต้องรับการสร้างให้เป็นสาวกพระคริสต์จากศิษยาภิบาลรุ่นน้องรุ่นลูกคงจะลำบากใจไม่ใช่น้อย 

เริ่มต้นที่สร้างชีวิตสาวกพระคริสต์ในชีวิตตนเอง

การสร้างสาวกพระคริสต์ คือการที่ผู้เชื่อท่านนั้น ๆ ตัดสินใจที่จะมีชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างชีวิตของพระคริสต์ และ ตามคำสอนที่พระองค์สั่งและสอน ด้วยการหนุนเสริมสร้างใหม่จากพระวิญญาณของพระเจ้า และ จากพระคริสต์ที่เข้ามาทำงานในชีวิตประจำวันของเราให้มีชีวิตอย่างที่พระองค์ต้องการ

แล้วเราจะมีชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์ตามการสอนของพระองค์อย่างไร?

ในอุปมาที่พระเยซูคริสต์ใช้สอนถึงชีวิตที่ เติบโต เข้มแข็ง และเกิดผล ต้องเป็นชีวิตที่ติดสนิทเป็นเนื้อเดียวกับพระองค์ ดั่งคำอุปมาเรื่อง “เถา และ แขนงองุ่น” จากยอห์น 15:1-8 เราเรียนรู้ความจริงจากอุปมานี้คือ  

ประการแรก พระเยซูคริสต์เป็นเถาองุ่น เราแต่ละคนเป็นแขนง และ พระบิดาเป็นเจ้าของสวนที่ดูแลเอาใจใส่สวนองุ่นนี้(ข้อ 1)  

ประการที่สอง พระบิดาจะตัดกิ่ง/แขนงที่ไม่เกิดผลออกไปจากชีวิต(แขนง)ของเรา เราจะยอมให้พระบิดาตัดบางส่วนในชีวิตเราออกหรือไม่? ยิ่งกว่านั้น แขนงหรือส่วนที่เกิดผลพระองค์จะ “ลิด” เพื่อให้เกิดผลมากขึ้น(ข้อ 2)

ประการที่สาม แขนงที่เกิดผลได้นั้นก็เพราะแขนงนั้นติดแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกับเถาหรือลำต้น และการที่เราติดสนิทกับพระคริสต์เป็นโอกาสที่ “พระคำและแบบอย่างชีวิตของพระองค์” จะซึมซับเข้าไปหล่อเลี้ยงชีวิตของแขนงคือชีวิตประจำวันของเราให้เกิดผล(ข้อ 3-7)

ประการที่สี่ ถ้าชีวิตของเราไม่ติดสนิทกับพระคริสต์ ชีวิตของเราก็จะเหี่ยวแห้ง ถูกตัดออกจากลำต้น แล้วถูกนำไปเผาไฟเสีย(ข้อ 6) และพระคริสต์ยังสัญญาว่า ถ้าเราเข้าติดสนิทในพระองค์  เราจะมีประสบการณ์ส่วนตัวที่จะเข้มแข็งเติบโตขึ้นในชีวิตการเป็นสาวกพระคริสต์ ชีวิตของเราจะไม่มีทางแห้งเหี่ยว หรือ เฉาตาย

ประการที่ห้า ชีวิตที่ติดสนิทกับพระคริสต์จะเป็นชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์ที่เกิดผลมาก   เป็นชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า(ข้อ 8) ชีวิตที่ติดสนิทแนบกับพระคริสต์เป็น “หัวใจ” ของการเป็นสาวกของพระคริสต์

ถ้าเป็นเช่นนี้ ข่าวดีคือ การเป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตส่วนตัวของเราในพระคริสต์ พระเจ้าทรงตัดแต่งชีวิตของเราเพื่อชีวิตของเราจะเติบโตเข้มแข็งขึ้น พระองค์ปรับแต่งเป้าหมายในชีวิตของเราให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง นำเราให้กลับใจ เปลี่ยนฐานเชื่อกรอบคิดเสียใหม่ และเมตตากรุณาในการขจัดกอบกู้ชีวิตของเราจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว

ความจริงก็คือ พระเจ้าต้องการให้เราเติบโต เกิดผล และรุ่งเรือง ทางเดียวที่ชีวิตของเราจะสำเร็จตามที่พระเจ้าต้องการดังกล่าวคือ เริ่มต้นที่เรามอบกายถวายชีวิตให้พระองค์เอาใจใส่ในการตัดแต่งชีวิตด้านต่าง ๆ ของเรา ชีวิตสาวกพระคริสต์เริ่มต้นที่พระคริสต์ทรงสร้างเราให้มีชีวิตใหม่ตามพระประสงค์ของพระองค์

และนี่คือทางหนึ่งที่ทั้งศิษยาภิบาล ผู้นำคริสตจักร และสมาชิกแต่ละคนจะสามารถเริ่มต้นมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นสาวกพระคริสต์ได้ด้วยการรับการสร้างใหม่จากพระคริสต์  เพื่อเราจะเป็นคนที่เสริมหนุนผู้เชื่อคนอื่น ๆ ให้ยอมมอบกายถวายชีวิตรับการเสริมสร้างชีวิตใหม่ ให้มีชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์ คือการที่มีชีวิตเป็นเหมือนแบบอย่างและคำสั่งสอนของพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน   เป็นชีวิตที่เติบโต เข้มแข็ง และเกิดผลอย่างพระคริสต์ต่อไป

หากเราปรารถนาที่จะเห็นสวน(คริสตจักร)ที่เราเพาะปลูกดูแลเติบโตขึ้นอย่างสวนที่พระคริสต์ปรารถนา เราต้องใส่ใจชีวิตการเป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตส่วนตัวของเราเอง ซึ่งมี 4 ขั้นตอนของการปฏิบัติสำหรับชีวิตสาวกพระคริสต์ในชีวิตส่วนตัวของเรา ดังนี้
  1. กลับใจจากความบาปชั่วที่เราได้กระทำ
  2. มีชีวิตประจำวันที่ติดสนิทกับพระคริสต์ 
  3. ดูดซับเอาพระวจนะของพระเจ้าเป็นน้ำเลี้ยงในการดำเนินชีวิตประจำวัน และภาวนาอธิษฐานขอกำลังในการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างและคำสั่งสอนของพระคริสต์
  4. มีชีวิตเกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า






ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น