14 ธันวาคม 2555

ช่วงเวลาใคร่ครวญชีวิตคริสตชน (4): เมื่อพระเจ้าทรงเรียก...ให้เรียนรู้ว่าพระเจ้าทำอะไร


สี่สัปดาห์ก่อนวันคริสตสมภพ
เป็นช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญถึงการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน   แล้วเราจะตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าวด้วยท่าทีแบบไหน
และด้วยการอุทิศทุ่มเทชีวิตอย่างไร

อ่านลูกา 1:39-56

มารีย์จึงกล่าวว่า
“จิตใจของข้าพเจ้าสรรเสริญยกย่องพระเจ้า
และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ฐานะอันต่ำต้อยของผู้รับใช้ของพระองค์
นับแต่นี้ไป คนทุกชั่วอายุจะเรียกข้าพเจ้าว่าผู้ได้รับพร
เพราะว่าองค์ทรงฤทธิ์ได้ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อข้าพเจ้า   พระนามของพระองค์บริสุทธิ์
พระเมตตาของพระองค์แผ่มาถึงบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์  ทุกชั่วอายุสืบไป

พระองค์ทรงประกอบกิจอันยิ่งใหญ่ด้วยพระกรของพระองค์
พระองค์ทรงกระทำให้ผู้(มีใจหยิ่ง)ผยองในส่วนลึกของความคิด(ต้อง)กระจัดกระจายไป
พระองค์ทรงปลดเจ้านายลงจากบัลลังก์   แต่ทรงยกผู้ต่ำต้อยขึ้น
พระองค์ให้ผู้หิวโหยอิ่มเอมด้วยสิ่งดี   แต่ทรงส่งคนมั่งมีไปมือเปล่า
พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
ทรงไม่ลืมที่จะเมตตาต่ออับราฮัมและวงศ์วานของเขาตลอดไป...”  (ข้อ 46-55 อมตธรรม)

มารีย์เดินทางไปยังแถบเทือกเขายูเดีย  เพื่อหานางเอลีซาเบธ ซึ่งเป็นญาติของเธอ ที่ทูตสวรรค์บอกเธอว่าเอลีซาเบธที่แก่แล้ว  ยิ่งกว่านั้นทุกคนในแถบนั้นรู้ว่านางเป็นหมันตอนนี้ก็ตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนแล้วตามแผนการของพระเจ้า   ดังนั้น  มารีย์จึงเดินทางไปหานางเอลีซาเบธ   ที่ไปมิใช่เพื่อพิสูจน์ว่าคำของทูตสวรรค์เป็นจริงหรือไม่   แต่ที่เธอไปเพื่อพบกับคนที่ได้รับการทรงเรียกให้ร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าเช่นเธอ   เพื่อที่จะมีโอกาสหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิตที่กระทำตามการทรงเรียกแก่กันและกัน  

ในตอนที่แล้ว เราเรียนรู้ว่ามารีย์ตกอยู่ในสภาพการณ์ชีวิตที่ล่อแหลมอันตรายที่จะถูกเข้าใจผิดและถูกกล่าวหาว่าเธอ “มีชู้” จนตั้งครรภ์   และเป็นการง่ายที่จะถูกลงประชาทัณฑ์ตามบทบัญญัติ   การที่มารีย์ไปอยู่ที่บ้านเอลีซาเบธอย่างเงียบๆ เป็นเวลาสามเดือนเป็นหนทางหนึ่งที่ยอมทำตามการทรงเรียกของพระเจ้า แต่อยู่ในความปลอดภัยด้วย   ทั้งนี้เพราะเธอเข้าไปอยู่ในบ้านของปุโรหิตเศคาริยาห์   และในเวลาสามเดือนนี้เป็นการให้เวลาแก่โยเซฟคู่หมั้นของเธอที่จะคิดใคร่ครวญในเหตุการณ์ที่เธอตั้งครรภ์ว่า เขาจะตัดสินใจทำอะไรและอย่างไร

โดยทั่วไปแล้ว  ถ้าใครที่ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า   มักถามต่อไปว่า แล้วพระเจ้าต้องการเรียกให้เขาคนนั้นทำอะไร?   แต่บทเรียนจากบทเพลงของมารีย์เราได้เรียนรู้ว่า   เมื่อพระเจ้าทรงเรียก  เราจะไม่ถามว่าเราจะต้องทำอะไร   แต่เราจะถามว่า แล้วพระเจ้าทรงกระทำอะไรอยู่ในตอนนี้?   ทั้งนี้เพราะว่า   เมื่อพระเจ้าทรงเรียกใครก็ตาม พระองค์ทรงเรียกให้คนๆ นั้นเข้ามาร่วมในแผนการแห่งพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำ   เมื่อผู้ได้รับการทรงเรียกถูกเรียกไปเพื่อเข้าไปร่วมพระราชกิจของพระเจ้า   นั่นหมายความว่า  สิ่งแรกที่คนๆ นั้นต้องรู้ชัดเจนคือ  พระเจ้ากำลังกระทำอะไรอยู่ที่พระองค์ทรงเรียกให้เราเข้าร่วมในสิ่งที่พระองค์ทรงกำลังกระทำ   เพื่อเราจะเข้าไปร่วมพระราชกิจตามแผนการ ตามพระประสงค์ของพระองค์   มิใช่ตามใจปรารถนาของเราเอง

ในบทเพลงของมารีย์  แบ่งออกเป็นสองตอนใหญ่ๆ คือ  ตอนแรกเป็นการที่มารีย์เรียนรู้ถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำในชีวิตของเธอ(ข้อ 46-50)   ตอนที่สอง  มารีย์เรียนรู้ถึงแผนการแห่งพระประสงค์ของพระเจ้าที่กำลังกระทำในผู้คนอื่นๆ (ข้อ 51-55)   การที่เราต้องรู้ถึงพระราชกิจของพระเจ้าทั้งสองลักษณะ เพื่อเราจะรู้ว่าเราเป็นใครที่พระเจ้าทรงเรียกให้เข้าร่วมในพระราชกิจ   และเราจะร่วมในการทำพระราชกิจในเรื่องอะไร

ตอนแรก ชี้ชัดให้เราได้เรียนรู้ว่า   ประการแรก  การที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้เข้ามาร่วมในพระราชกิจของพระองค์นั้นมิใช่เพราะเรามีความเก่งกล้าสามารถ   ตรงกันข้าม  การทรงเรียกของพระเจ้าแสดงชัดเจนถึงการเอาใจใส่ของพระเจ้าต่อความยากไร้ ต่ำต้อย ขาดแคลนในชีวิตของเรา  “พระเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ฐานะอันต่ำต้อยของผู้รับใช้” (ข้อ 48)   ประการที่สอง  การทรงเรียกของพระเจ้าให้เข้าร่วมในพระราชกิจของพระองค์มิใช่เรียกเราให้ไปทำงานเพื่อพระองค์   แต่การทรงเรียกกลับเป็นการที่พระเจ้าทรงกระทำการใหญ่ในชีวิตของเรา  ในประสบการณ์ของเรา   และที่สำคัญคือทรงเสริมสร้างให้ชีวิตของเราเติบโต แข็งแรงยิ่งขึ้น (ข้อ 49ประการที่สาม  ที่พระองค์ทรงเรียกเราให้เข้าร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าทรงเรียกเราด้วยพระทัยเมตตาของพระองค์  เพื่อให้พระเมตตานั้นแผ่ขยายไปยังคนอื่นๆ ที่ยำเกรงพระองค์ด้วย (ข้อ 50)   ที่พระเจ้าทรงเรียกให้เราเข้าร่วมในพระราชกิจที่พระองค์กำลังทำสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ  พระองค์กำลังสร้างเราขึ้นผ่านการร่วมทำพระราชกิจของพระองค์   เพื่อชีวิตของเราจะสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์

บทเรียนจากบทเพลงของมารีย์ตอนที่สองที่แสดงถึงพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำคือ  การทรง “พลิกฟื้น”  สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกนี้ที่มิได้เป็นไปตามคุณค่าแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า   ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจ   ผู้นำทางการเมืองการปกครอง   ผู้นำศาสนายิว   กำลังมีระบบคุณค่าและคุณธรรมที่สวนกระแส  ที่ฝืนต้านต่อพระประสงค์ของพระเจ้า  

พระราชกิจของพระองค์คือการ “พลิก” สิ่งเหล่านี้ให้ไปในทิศทางที่ถูกต้องตามพระประสงค์   พระราชกิจของพระองค์คือ  “ปลดเจ้านายจากบัลลังก์  แต่ทรงยกผู้ต่ำต้อยขึ้น” (ข้อ 52)   นี่คือพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำ  และพระองค์ทรงเรียกให้มารีย์เข้าร่วมในพระราชกิจนี้

ระบบคุณค่าที่มองว่า  ผู้มั่งมี  ผู้มีอำนาจ คือผู้ที่ถูกต้องเสมอ   พระเจ้าจะทรงพลิกด้วยการ “ให้ผู้หิวโหยอิ่มด้วยสิ่งดี”   แต่ทรงกระทำให้ “คนมั่งมีต้องไปมือเปล่า” (ข้อ 53)   และพระองค์ทรงเรียกมารีย์ให้เข้าร่วมในพระราชกิจนี้

พระราชกิจของพระเจ้าคือการที่พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลในสมัยนั้นที่กำลังตกเป็นเบี้ยล่างทางการเมือง  ถูกแทรกซึมเปลี่ยนแปลงทางความคิด   ถูกยัดเยียดระบบคุณค่าใหม่  ถูกกดขี่เอาเปรียบด้วยอำนาจที่ฉ้อฉลทั้งจากนักการเมือง  ผู้นำทางการศาสนา   และพวกพ่อค้านักธุรกิจในสมัยนั้น   ให้หลุดรอดออกจากการครอบงำเหล่านี้   ด้วยพระทัยเมตตาและตามวิธีการของพระองค์   เพื่อสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์   และพระเจ้าทรงเรียก  มารีย์ให้เข้าร่วมในพระราชกิจนี้ที่พระองค์ทรงกระทำ

ในปัจจุบันนี้   เราได้เห็น  เข้าใจ  และสัมผัสได้ไหมว่า  พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์อะไรบ้างในสังคมชุมชน คริสตจักร ประเทศไทย  และประเทศเพื่อนบ้าน?   และพระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนเข้าไปร่วมในพระราชกิจที่ทรงกระทำในด้านไหน?  เรื่องอะไร?   และพระองค์มีพระประสงค์อะไรในชีวิตของเราที่เป็นอยู่ในขณะนี้?   

ในช่วงสี่สัปดาห์ก่อนคริสตสมภพแห่งการใคร่ครวญในชีวิตคริสตชนของเราในปีนี้   ให้เราเปิดชีวิต จิตใจ และจิตวิญญาณของเราออกกว้างเพื่อฟังให้ได้ยินเสียงแห่งการทรงเรียกของพระเจ้า     มิใช่อย่างที่เศคาริยาห์ได้ยินและรู้สึกว่าเสียงการทรงเรียกนั้นแปร่งหู   เพราะฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้    แต่ให้เราได้ยินเสียงการทรงเรียกอย่างที่มารีย์ได้ยิน   ที่เธอได้ยินและเห็นถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำ  และเข้าร่วมในพระราชกิจนั้นตามการทรงเรียกด้วยจิตใจที่สรรเสริญพระเจ้า

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น