สี่สัปดาห์ก่อนวันคริสตสมภพ
เป็นช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญถึงการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน
แล้วเราจะตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าวด้วยท่าทีแบบไหน
และด้วยการอุทิศทุ่มเทชีวิตอย่างไร
อ่านลูกา 1:39-56
มารีย์จึงกล่าวว่า
“จิตใจของข้าพเจ้าสรรเสริญยกย่องพระเจ้า
และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ฐานะอันต่ำต้อยของผู้รับใช้ของพระองค์
นับแต่นี้ไป คนทุกชั่วอายุจะเรียกข้าพเจ้าว่าผู้ได้รับพร
เพราะว่าองค์ทรงฤทธิ์ได้ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อข้าพเจ้า พระนามของพระองค์บริสุทธิ์
พระเมตตาของพระองค์แผ่มาถึงบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ ทุกชั่วอายุสืบไป
พระองค์ทรงประกอบกิจอันยิ่งใหญ่ด้วยพระกรของพระองค์
พระองค์ทรงกระทำให้ผู้(มีใจหยิ่ง)ผยองในส่วนลึกของความคิด(ต้อง)กระจัดกระจายไป
พระองค์ทรงปลดเจ้านายลงจากบัลลังก์ แต่ทรงยกผู้ต่ำต้อยขึ้น
พระองค์ให้ผู้หิวโหยอิ่มเอมด้วยสิ่งดี แต่ทรงส่งคนมั่งมีไปมือเปล่า
พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
ทรงไม่ลืมที่จะเมตตาต่ออับราฮัมและวงศ์วานของเขาตลอดไป...” (ข้อ 46-55 อมตธรรม)
มารีย์จึงกล่าวว่า
“จิตใจของข้าพเจ้าสรรเสริญยกย่องพระเจ้า
และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ฐานะอันต่ำต้อยของผู้รับใช้ของพระองค์
นับแต่นี้ไป คนทุกชั่วอายุจะเรียกข้าพเจ้าว่าผู้ได้รับพร
เพราะว่าองค์ทรงฤทธิ์ได้ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อข้าพเจ้า พระนามของพระองค์บริสุทธิ์
พระเมตตาของพระองค์แผ่มาถึงบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ ทุกชั่วอายุสืบไป
พระองค์ทรงประกอบกิจอันยิ่งใหญ่ด้วยพระกรของพระองค์
พระองค์ทรงกระทำให้ผู้(มีใจหยิ่ง)ผยองในส่วนลึกของความคิด(ต้อง)กระจัดกระจายไป
พระองค์ทรงปลดเจ้านายลงจากบัลลังก์ แต่ทรงยกผู้ต่ำต้อยขึ้น
พระองค์ให้ผู้หิวโหยอิ่มเอมด้วยสิ่งดี แต่ทรงส่งคนมั่งมีไปมือเปล่า
พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
ทรงไม่ลืมที่จะเมตตาต่ออับราฮัมและวงศ์วานของเขาตลอดไป...” (ข้อ 46-55 อมตธรรม)
มารีย์เดินทางไปยังแถบเทือกเขายูเดีย เพื่อหานางเอลีซาเบธ ซึ่งเป็นญาติของเธอ ที่ทูตสวรรค์บอกเธอว่าเอลีซาเบธที่แก่แล้ว ยิ่งกว่านั้นทุกคนในแถบนั้นรู้ว่านางเป็นหมันตอนนี้ก็ตั้งครรภ์ได้
6
เดือนแล้วตามแผนการของพระเจ้า
ดังนั้น
มารีย์จึงเดินทางไปหานางเอลีซาเบธ
ที่ไปมิใช่เพื่อพิสูจน์ว่าคำของทูตสวรรค์เป็นจริงหรือไม่
แต่ที่เธอไปเพื่อพบกับคนที่ได้รับการทรงเรียกให้ร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าเช่นเธอ
เพื่อที่จะมีโอกาสหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิตที่กระทำตามการทรงเรียกแก่กันและกัน
ในตอนที่แล้ว
เราเรียนรู้ว่ามารีย์ตกอยู่ในสภาพการณ์ชีวิตที่ล่อแหลมอันตรายที่จะถูกเข้าใจผิดและถูกกล่าวหาว่าเธอ
“มีชู้” จนตั้งครรภ์
และเป็นการง่ายที่จะถูกลงประชาทัณฑ์ตามบทบัญญัติ การที่มารีย์ไปอยู่ที่บ้านเอลีซาเบธอย่างเงียบๆ
เป็นเวลาสามเดือนเป็นหนทางหนึ่งที่ยอมทำตามการทรงเรียกของพระเจ้า
แต่อยู่ในความปลอดภัยด้วย
ทั้งนี้เพราะเธอเข้าไปอยู่ในบ้านของปุโรหิตเศคาริยาห์
และในเวลาสามเดือนนี้เป็นการให้เวลาแก่โยเซฟคู่หมั้นของเธอที่จะคิดใคร่ครวญในเหตุการณ์ที่เธอตั้งครรภ์ว่า
เขาจะตัดสินใจทำอะไรและอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าใครที่ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า มักถามต่อไปว่า
แล้วพระเจ้าต้องการเรียกให้เขาคนนั้นทำอะไร?
แต่บทเรียนจากบทเพลงของมารีย์เราได้เรียนรู้ว่า เมื่อพระเจ้าทรงเรียก เราจะไม่ถามว่าเราจะต้องทำอะไร แต่เราจะถามว่า แล้วพระเจ้าทรงกระทำอะไรอยู่ในตอนนี้? ทั้งนี้เพราะว่า เมื่อพระเจ้าทรงเรียกใครก็ตาม
พระองค์ทรงเรียกให้คนๆ นั้นเข้ามาร่วมในแผนการแห่งพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำ เมื่อผู้ได้รับการทรงเรียกถูกเรียกไปเพื่อเข้าไปร่วมพระราชกิจของพระเจ้า นั่นหมายความว่า สิ่งแรกที่คนๆ นั้นต้องรู้ชัดเจนคือ
พระเจ้ากำลังกระทำอะไรอยู่ที่พระองค์ทรงเรียกให้เราเข้าร่วมในสิ่งที่พระองค์ทรงกำลังกระทำ เพื่อเราจะเข้าไปร่วมพระราชกิจตามแผนการ
ตามพระประสงค์ของพระองค์ มิใช่ตามใจปรารถนาของเราเอง
ในบทเพลงของมารีย์ แบ่งออกเป็นสองตอนใหญ่ๆ คือ
ตอนแรกเป็นการที่มารีย์เรียนรู้ถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำในชีวิตของเธอ(ข้อ
46-50) ตอนที่สอง
มารีย์เรียนรู้ถึงแผนการแห่งพระประสงค์ของพระเจ้าที่กำลังกระทำในผู้คนอื่นๆ
(ข้อ 51-55)
การที่เราต้องรู้ถึงพระราชกิจของพระเจ้าทั้งสองลักษณะ
เพื่อเราจะรู้ว่าเราเป็นใครที่พระเจ้าทรงเรียกให้เข้าร่วมในพระราชกิจ และเราจะร่วมในการทำพระราชกิจในเรื่องอะไร
ตอนแรก
ชี้ชัดให้เราได้เรียนรู้ว่า ประการแรก การที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้เข้ามาร่วมในพระราชกิจของพระองค์นั้นมิใช่เพราะเรามีความเก่งกล้าสามารถ ตรงกันข้าม
การทรงเรียกของพระเจ้าแสดงชัดเจนถึงการเอาใจใส่ของพระเจ้าต่อความยากไร้
ต่ำต้อย ขาดแคลนในชีวิตของเรา “พระเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ฐานะอันต่ำต้อยของผู้รับใช้”
(ข้อ 48)
ประการที่สอง
การทรงเรียกของพระเจ้าให้เข้าร่วมในพระราชกิจของพระองค์มิใช่เรียกเราให้ไปทำงานเพื่อพระองค์
แต่การทรงเรียกกลับเป็นการที่พระเจ้าทรงกระทำการใหญ่ในชีวิตของเรา ในประสบการณ์ของเรา และที่สำคัญคือทรงเสริมสร้างให้ชีวิตของเราเติบโต
แข็งแรงยิ่งขึ้น (ข้อ 49)
ประการที่สาม
ที่พระองค์ทรงเรียกเราให้เข้าร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าทรงเรียกเราด้วยพระทัยเมตตาของพระองค์ เพื่อให้พระเมตตานั้นแผ่ขยายไปยังคนอื่นๆ ที่ยำเกรงพระองค์ด้วย
(ข้อ 50)
ที่พระเจ้าทรงเรียกให้เราเข้าร่วมในพระราชกิจที่พระองค์กำลังทำสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ พระองค์กำลังสร้างเราขึ้นผ่านการร่วมทำพระราชกิจของพระองค์
เพื่อชีวิตของเราจะสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์
บทเรียนจากบทเพลงของมารีย์ตอนที่สองที่แสดงถึงพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำคือ การทรง “พลิกฟื้น” สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกนี้ที่มิได้เป็นไปตามคุณค่าแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจ ผู้นำทางการเมืองการปกครอง ผู้นำศาสนายิว กำลังมีระบบคุณค่าและคุณธรรมที่สวนกระแส ที่ฝืนต้านต่อพระประสงค์ของพระเจ้า
พระราชกิจของพระองค์คือการ
“พลิก” สิ่งเหล่านี้ให้ไปในทิศทางที่ถูกต้องตามพระประสงค์ พระราชกิจของพระองค์คือ “ปลดเจ้านายจากบัลลังก์ แต่ทรงยกผู้ต่ำต้อยขึ้น” (ข้อ 52)
นี่คือพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำ
และพระองค์ทรงเรียกให้มารีย์เข้าร่วมในพระราชกิจนี้
ระบบคุณค่าที่มองว่า ผู้มั่งมี
ผู้มีอำนาจ คือผู้ที่ถูกต้องเสมอ
พระเจ้าจะทรงพลิกด้วยการ “ให้ผู้หิวโหยอิ่มด้วยสิ่งดี”
แต่ทรงกระทำให้ “คนมั่งมีต้องไปมือเปล่า” (ข้อ 53) และพระองค์ทรงเรียกมารีย์ให้เข้าร่วมในพระราชกิจนี้
พระราชกิจของพระเจ้าคือการที่พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลในสมัยนั้นที่กำลังตกเป็นเบี้ยล่างทางการเมือง ถูกแทรกซึมเปลี่ยนแปลงทางความคิด ถูกยัดเยียดระบบคุณค่าใหม่ ถูกกดขี่เอาเปรียบด้วยอำนาจที่ฉ้อฉลทั้งจากนักการเมือง ผู้นำทางการศาสนา และพวกพ่อค้านักธุรกิจในสมัยนั้น ให้หลุดรอดออกจากการครอบงำเหล่านี้ ด้วยพระทัยเมตตาและตามวิธีการของพระองค์ เพื่อสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์ และพระเจ้าทรงเรียก มารีย์ให้เข้าร่วมในพระราชกิจนี้ที่พระองค์ทรงกระทำ
ในปัจจุบันนี้ เราได้เห็น
เข้าใจ และสัมผัสได้ไหมว่า พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์อะไรบ้างในสังคมชุมชน
คริสตจักร ประเทศไทย
และประเทศเพื่อนบ้าน?
และพระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนเข้าไปร่วมในพระราชกิจที่ทรงกระทำในด้านไหน? เรื่องอะไร?
และพระองค์มีพระประสงค์อะไรในชีวิตของเราที่เป็นอยู่ในขณะนี้?
ในช่วงสี่สัปดาห์ก่อนคริสตสมภพแห่งการใคร่ครวญในชีวิตคริสตชนของเราในปีนี้ ให้เราเปิดชีวิต จิตใจ
และจิตวิญญาณของเราออกกว้างเพื่อฟังให้ได้ยินเสียงแห่งการทรงเรียกของพระเจ้า
มิใช่อย่างที่เศคาริยาห์ได้ยินและรู้สึกว่าเสียงการทรงเรียกนั้นแปร่งหู เพราะฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่ให้เราได้ยินเสียงการทรงเรียกอย่างที่มารีย์ได้ยิน
ที่เธอได้ยินและเห็นถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำ และเข้าร่วมในพระราชกิจนั้นตามการทรงเรียกด้วยจิตใจที่สรรเสริญพระเจ้า
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น