สี่สัปดาห์ก่อนวันคริสตสมภพ
เป็นช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญถึงการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน
แล้วเราจะตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าวด้วยท่าทีแบบไหน
และด้วยการอุทิศทุ่มเทชีวิตอย่างไร
อ่านลูกา
1:5-25
“มีทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เศคาริยาห์ ยืนอยู่ที่ข้างขวาแท่นเผาเครื่องหอมนั้น...
เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็ตกใจ แต่ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวแก่ท่านว่า “เศตาริยาห์เอ๋ย อย่ากลัวเลย
เพราะพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของท่านแล้ว
นางเอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่ายอห์น...(ข้อ 11-13)
เศคาริยาห์จึงพูดกับทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะรู้แน่ได้อย่างไร
เพราะข้าพเจ้าชราและภรรยาก็อายุมากแล้ว?
ทูตสวรรค์องค์นั้นจึงตอบว่า...
“เราคือกาเบรียล ซึ่งยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพระองค์ทรงใช้ให้มาพูดกับท่าน
และนำข่าวดีนี้มาแจ้ง
นี่แน่ะ
เพราะท่านไม่ได้เชื่อถ้อยคำของเราที่จะสำเร็จตามกำหนด
ท่านจะเป็นใบ้ พูดไม่ได้จนกว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น”
(ข้อ 18-20)
บ่อยครั้ง ที่คริสตชนมิได้ใส่ใจต่อการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน
จึงมิได้ตระหนักรู้ถึงการทรงเรียกของพระองค์
และพลาดโอกาสที่จะตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าในครั้งนั้นๆ
แต่ก็มีหลายครั้งอีกเช่นกันที่พระเจ้าทรงเรียกเราในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ให้เรากระทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ขอพระองค์ตามวิธีการของพระองค์
แต่เพราะการทรงเรียกดังกล่าวมิได้เป็นไปตามอย่างที่เราคิดเราคาดหวัง ดังนั้น
เราจึงมิได้ตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าว เพราะมิได้เป็นไปอย่างที่คิดอย่างที่คาดจึงไม่คิดว่านั่นเป็นการทรงเรียกของพระเจ้า เราจึงไม่สนใจ ละเลย ต่อการทรงเรียกของพระองค์
ในชีวิตของบางคนเคยทูลขอพระเจ้าในบางสิ่งบางอย่าง แต่สิ่งที่ทูลขอไม่เห็นเกิดเป็นจริง หรือ
พระเจ้ามิได้ประทานให้สักที
เหตุการณ์เหล่านั้นล่วงเลยไปเป็นเวลานมนาน จนคนนั้นบอกกับตนเองว่า
พระเจ้าคงไม่ประสงค์ที่จะประทานสิ่งที่ตนได้ทูลขอ และตนเองก็เลิกที่จะคาดหวังจากพระเจ้า
เพราะเวลาและโอกาสที่ควรจะเกิดขึ้นเป็นจริงได้ล่วงเลยไปแล้ว แต่จู่ๆ พระเจ้ากลับตอบคำอธิษฐานที่เราทูลขอมานานโขในอดีต แล้วเจ้าตัวกลับสงสัยว่า
สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเป็นจริงได้อย่างไร
เพราะมันเลยเวลาที่ควรจะเกิดควรจะมี
เพราะเขาคิดว่าพระเจ้ามิได้ตอบในเวลาที่เหมาะสมที่ควรตอบตามความคิดของเขา
แต่คนนั้นลืมไปว่า เมื่อพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ พระองค์มีเวลาที่เหมาะสมสำหรับการกระทำพระราชกิจของพระองค์เอง มิได้ทรงกระทำพระราชกิจตามความคิด ความเหมาะสม
ตามตรรกะหลักการเหตุผลของมนุษย์
เศคาริยาห์ เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปุโรหิตสืบทอดจากตระกูลอาโรน เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาอิสราเอล เป็นตัวกลางที่ติดต่อสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์
เป็นผู้ประกอบศาสนพิธีในนามตัวแทนของประชาชน ยิ่งกว่านั้นพระคัมภีร์บอกไว้ชัดเจนว่า สองสามีภรรยาคู่นี้เป็น “คนชอบธรรมต่อพระเจ้า
และดำเนินตามบัญญัติและกฎหมายทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีที่ติ” (ข้อ 6 ฉบับมาตรฐาน) แต่ในข้อ 7 บอกชัดว่าทั้งสองไม่มีบุตร
เพราะภรรยาเป็นหมัน
และตอนนี้ทั้งสองก็แก่เกินกว่าที่จะมีบุตรได้แล้ว
การที่ทั้งสองไม่มีบุตรในวัฒนธรรมและความเชื่อของยิวเชื่อว่า ทั้งสองมิได้รับพระพรจากพระเจ้า หรืออาจจะสร้างความสงสัยคลางแคลงใจสำหรับบางคนว่า ทั้งสองได้มีชีวิตที่ไม่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือไม่? พระเจ้าจึงไม่อวยพระพรให้ทั้งสองมีบุตร ซึ่งเป็นเหมือนการถูก ตีตราจากสังคม และเรื่องนี้ได้ตีตราทั้งสองมาตลอดชีวิต
อย่างที่เอลีซาเบธเมื่อรู้ว่าพระเจ้าให้ตนมีบุตรชาย นางกล่าวว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำเช่นนี้แก่ข้าพเจ้าในวันที่พระองค์ทรงทอดพระเนตร เพื่อว่าความอดสูของข้าพเจ้าที่มีอยู่ท่ามกลางคนทั้งปวงจะหมดสิ้นไป” (ข้อ 25 ฉบับมาตรฐาน)
แน่นอนว่าทั้งเศคาริยาห์และเอลีซาเบธ
ได้เคยทูลขอบุตรต่อพระเจ้า
แต่คำทูลขอของทั้งสองไม่เป็นจริงอย่างที่ตนคาดคิดและต้องการ
แต่เมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐานของทั้งสองตามเวลาแห่งแผนการของพระเจ้า ในมุมมองของเศคาริยาห์มองว่า
มันล่วงเลยเวลาในสิ่งที่ทูลขอจะสามารถเกิดเป็นจริงได้ เพราะเศคาริยาห์มองพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องทรงกระทำผ่านมิติความเป็นจริงของโลกนี้ ในที่นี้หมายถึงสรีระ
ช่วงอายุที่จะสามารถมีบุตรได้
แทนที่จะเข้าใจว่า
พระเจ้าทรงมีฤทธิ์อำนาจเหนือกฎเกณฑ์ของโลกนี้ที่พระเจ้าทรงสร้าง
ในขณะที่พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจตามแผนการ
และ ตามเวลาโอกาสที่เหมาะสม
และที่สำคัญคือตามแผนการแห่งพระประสงค์ของพระองค์ แต่เศคาริยาห์มองพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์เท่านั้น
ในที่นี้หมายถึงพระเจ้าประทานบุตรเพื่อเป็นพระพรจากพระเจ้าสำหรับเขาและครอบครัว และเพื่อจะทำให้สังคมจะตระหนักและยอมรับว่า
เขาและครอบครัวเป็นคนที่พระเจ้าทรงโปรดปราณ
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแผนการของพระเจ้าตามพระประสงค์ของพระองค์ บุตรชายที่เกิดมาในครอบครัวของเศคาริยาห์และเอลีซาเบธมิใช่เพื่อครอบครัวนี้เท่านั้น แต่เป้าหมายใหญ่คือพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ผ่านครอบครัวนี้ เพื่อสำเร็จตามแผนการของพระเจ้า
พระคัมภีร์ตอนนี้ชี้ชัดว่ายอห์นเกิดมาตามพระประสงค์ของพระเจ้า “...คนจำนวนมากจะชื่นชมยินดีที่บุตรนั้นเกิดมา...
เขาจะเป็นใหญ่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า...เขาจะเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์...เขาจะนำพงศ์พันธุ์อิสราเอลหลายคนให้หันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า...ให้พ่อกลับคืนดีกับลูก ให้คนดื้อด้านกลับได้ปัญญาของคนชอบธรรม เพื่อจัดเตรียมชนชาติหนึ่งไว้ให้พร้อมสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า”
(ข้อ 14-17 ฉบับมาตรฐาน)
แท้จริงแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ คือการทรงเรียกของพระเจ้าให้เศคาริยาห์และเอลีซาเบธให้เข้าร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าที่กำลังกระทำในกระบวนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในเวลานั้น
แต่เศคาริยาห์กลับมองการทรงเรียกของพระเจ้าให้เขาเป็นผู้กระทำพันธกิจนี้ด้วยตัวของเขาและภรรยา ดังนั้น
เขาถึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หรือ เป็นไปไม่ได้เลย
แต่ถ้าเขามองว่านี่เป็นการทรงเรียกของพระเจ้าให้เขาเข้าไปร่วมในพระราชกิจที่พระเจ้าทรงเป็นผู้กระทำหลักแล้ว เหตุการณ์ทั้งสิ้นจะไม่เป็นเช่นนี้ แต่จะนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีที่มีโอกาสร่วมในพระราชกิจของพระเจ้ามากมายสักปานใด
ในช่วงเวลาของการใคร่ครวญชีวิตคริสตชนถึงการทรงเรียกของพระเจ้าก่อนวันคริสตสมภพสี่สัปดาห์ ขอให้เรามีโอกาสที่จะสงบจิตใจ ชีวิต
และใส่ใจเสียงแห่งการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตของเราช่วงนี้
เพื่อเราจะไม่พลาดโอกาสที่จะน้อมรับการทรงเรียกให้เราถวายชีวิตทั้งสิ้นกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตประจำวันของเรา
แต่เราจะต้องตระหนักชัดว่า เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเรา
พระองค์ทรงเรียกเราให้ทุ่มเทชีวิตกระทำงานร่วมในพระราชกิจของพระองค์
เพื่อตอบสนองตามเป้าประสงค์แห่งแผนการของพระองค์ มิใช่ตอบสนองความอยากได้ใคร่มีหรือตามความต้องการของเรา แต่ถ้าเราหมกมุ่นฟังการทรงเรียกตามความต้องการหรือตามความคิดของตนเอง
เราจะพลาดโอกาสเข้าร่วมงานกับพระองค์ตามพระประสงค์ บางครั้งพระเจ้าจะมีวิธีการปรับเปลี่ยนชีวิตของเรา อย่างเช่นทรงปรับเปลี่ยนชีวิตและสร้างความเข้าใจใหม่แก่เศคาริยาห์ พระองค์ทรงให้เขามีชีวิตที่เงียบลง เพื่อมีโอกาสจะได้ยิน ใคร่ครวญ และ
เข้าใจการทรงเรียกของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น!
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น