10 ธันวาคม 2555

ช่วงเวลาใคร่ครวญชีวิตคริสตชน(2):เมื่อพระเจ้าทรงเรียก...ท่านตอบสนองอย่างไร?


สี่สัปดาห์ก่อนวันคริสตสมภพ
เป็นช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญถึงการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน   แล้วเราจะตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าวด้วยท่าทีแบบไหน
และด้วยการอุทิศทุ่มเทชีวิตอย่างไร


อ่านลูกา 1:5-25

“มีทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เศคาริยาห์  ยืนอยู่ที่ข้างขวาแท่นเผาเครื่องหอมนั้น...
 เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็ตกใจ   แต่ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวแก่ท่านว่า  “เศตาริยาห์เอ๋ย อย่ากลัวเลย
         เพราะพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของท่านแล้ว  
 นางเอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชาย  ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่ายอห์น...(ข้อ 11-13)
 เศคาริยาห์จึงพูดกับทูตสวรรค์ว่า  “ข้าพเจ้าจะรู้แน่ได้อย่างไร  
 เพราะข้าพเจ้าชราและภรรยาก็อายุมากแล้ว?
 ทูตสวรรค์องค์นั้นจึงตอบว่า...
 “เราคือกาเบรียล  ซึ่งยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  และพระองค์ทรงใช้ให้มาพูดกับท่าน 
         และนำข่าวดีนี้มาแจ้ง  
         นี่แน่ะ  เพราะท่านไม่ได้เชื่อถ้อยคำของเราที่จะสำเร็จตามกำหนด 
         ท่านจะเป็นใบ้  พูดไม่ได้จนกว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น” (ข้อ 18-20)

บ่อยครั้ง  ที่คริสตชนมิได้ใส่ใจต่อการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน   จึงมิได้ตระหนักรู้ถึงการทรงเรียกของพระองค์  และพลาดโอกาสที่จะตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าในครั้งนั้นๆ  

แต่ก็มีหลายครั้งอีกเช่นกันที่พระเจ้าทรงเรียกเราในการดำเนินชีวิตประจำวัน   ให้เรากระทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ขอพระองค์ตามวิธีการของพระองค์    แต่เพราะการทรงเรียกดังกล่าวมิได้เป็นไปตามอย่างที่เราคิดเราคาดหวัง   ดังนั้น เราจึงมิได้ตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าว  เพราะมิได้เป็นไปอย่างที่คิดอย่างที่คาดจึงไม่คิดว่านั่นเป็นการทรงเรียกของพระเจ้า   เราจึงไม่สนใจ  ละเลย ต่อการทรงเรียกของพระองค์

ในชีวิตของบางคนเคยทูลขอพระเจ้าในบางสิ่งบางอย่าง   แต่สิ่งที่ทูลขอไม่เห็นเกิดเป็นจริง หรือ พระเจ้ามิได้ประทานให้สักที   เหตุการณ์เหล่านั้นล่วงเลยไปเป็นเวลานมนาน   จนคนนั้นบอกกับตนเองว่า พระเจ้าคงไม่ประสงค์ที่จะประทานสิ่งที่ตนได้ทูลขอ   และตนเองก็เลิกที่จะคาดหวังจากพระเจ้า   เพราะเวลาและโอกาสที่ควรจะเกิดขึ้นเป็นจริงได้ล่วงเลยไปแล้ว   แต่จู่ๆ พระเจ้ากลับตอบคำอธิษฐานที่เราทูลขอมานานโขในอดีต   แล้วเจ้าตัวกลับสงสัยว่า สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเป็นจริงได้อย่างไร   เพราะมันเลยเวลาที่ควรจะเกิดควรจะมี   เพราะเขาคิดว่าพระเจ้ามิได้ตอบในเวลาที่เหมาะสมที่ควรตอบตามความคิดของเขา  

แต่คนนั้นลืมไปว่า  เมื่อพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์   พระองค์มีเวลาที่เหมาะสมสำหรับการกระทำพระราชกิจของพระองค์เอง   มิได้ทรงกระทำพระราชกิจตามความคิด ความเหมาะสม ตามตรรกะหลักการเหตุผลของมนุษย์

เศคาริยาห์  เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนี้   ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปุโรหิตสืบทอดจากตระกูลอาโรน   เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาอิสราเอล   เป็นตัวกลางที่ติดต่อสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับประชากรของพระองค์   เป็นผู้ประกอบศาสนพิธีในนามตัวแทนของประชาชน   ยิ่งกว่านั้นพระคัมภีร์บอกไว้ชัดเจนว่า  สองสามีภรรยาคู่นี้เป็น “คนชอบธรรมต่อพระเจ้า  และดำเนินตามบัญญัติและกฎหมายทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีที่ติ” (ข้อ 6 ฉบับมาตรฐาน)   แต่ในข้อ 7 บอกชัดว่าทั้งสองไม่มีบุตร  เพราะภรรยาเป็นหมัน   และตอนนี้ทั้งสองก็แก่เกินกว่าที่จะมีบุตรได้แล้ว

การที่ทั้งสองไม่มีบุตรในวัฒนธรรมและความเชื่อของยิวเชื่อว่า  ทั้งสองมิได้รับพระพรจากพระเจ้า   หรืออาจจะสร้างความสงสัยคลางแคลงใจสำหรับบางคนว่า  ทั้งสองได้มีชีวิตที่ไม่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือไม่?   พระเจ้าจึงไม่อวยพระพรให้ทั้งสองมีบุตร   ซึ่งเป็นเหมือนการถูก     ตีตราจากสังคม   และเรื่องนี้ได้ตีตราทั้งสองมาตลอดชีวิต   อย่างที่เอลีซาเบธเมื่อรู้ว่าพระเจ้าให้ตนมีบุตรชาย  นางกล่าวว่า  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำเช่นนี้แก่ข้าพเจ้าในวันที่พระองค์ทรงทอดพระเนตร   เพื่อว่าความอดสูของข้าพเจ้าที่มีอยู่ท่ามกลางคนทั้งปวงจะหมดสิ้นไป”  (ข้อ 25 ฉบับมาตรฐาน)

แน่นอนว่าทั้งเศคาริยาห์และเอลีซาเบธ ได้เคยทูลขอบุตรต่อพระเจ้า   แต่คำทูลขอของทั้งสองไม่เป็นจริงอย่างที่ตนคาดคิดและต้องการ   แต่เมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐานของทั้งสองตามเวลาแห่งแผนการของพระเจ้า   ในมุมมองของเศคาริยาห์มองว่า มันล่วงเลยเวลาในสิ่งที่ทูลขอจะสามารถเกิดเป็นจริงได้   เพราะเศคาริยาห์มองพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องทรงกระทำผ่านมิติความเป็นจริงของโลกนี้   ในที่นี้หมายถึงสรีระ ช่วงอายุที่จะสามารถมีบุตรได้   แทนที่จะเข้าใจว่า พระเจ้าทรงมีฤทธิ์อำนาจเหนือกฎเกณฑ์ของโลกนี้ที่พระเจ้าทรงสร้าง

ในขณะที่พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจตามแผนการ และ ตามเวลาโอกาสที่เหมาะสม   และที่สำคัญคือตามแผนการแห่งพระประสงค์ของพระองค์   แต่เศคาริยาห์มองพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์เท่านั้น   ในที่นี้หมายถึงพระเจ้าประทานบุตรเพื่อเป็นพระพรจากพระเจ้าสำหรับเขาและครอบครัว   และเพื่อจะทำให้สังคมจะตระหนักและยอมรับว่า เขาและครอบครัวเป็นคนที่พระเจ้าทรงโปรดปราณ    แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแผนการของพระเจ้าตามพระประสงค์ของพระองค์   บุตรชายที่เกิดมาในครอบครัวของเศคาริยาห์และเอลีซาเบธมิใช่เพื่อครอบครัวนี้เท่านั้น   แต่เป้าหมายใหญ่คือพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ผ่านครอบครัวนี้   เพื่อสำเร็จตามแผนการของพระเจ้า

พระคัมภีร์ตอนนี้ชี้ชัดว่ายอห์นเกิดมาตามพระประสงค์ของพระเจ้า  “...คนจำนวนมากจะชื่นชมยินดีที่บุตรนั้นเกิดมา...  เขาจะเป็นใหญ่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า...เขาจะเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์...เขาจะนำพงศ์พันธุ์อิสราเอลหลายคนให้หันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า...ให้พ่อกลับคืนดีกับลูก  ให้คนดื้อด้านกลับได้ปัญญาของคนชอบธรรม   เพื่อจัดเตรียมชนชาติหนึ่งไว้ให้พร้อมสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า” (ข้อ 14-17 ฉบับมาตรฐาน)

แท้จริงแล้ว  เหตุการณ์ในครั้งนี้ คือการทรงเรียกของพระเจ้าให้เศคาริยาห์และเอลีซาเบธให้เข้าร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าที่กำลังกระทำในกระบวนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในเวลานั้น   แต่เศคาริยาห์กลับมองการทรงเรียกของพระเจ้าให้เขาเป็นผู้กระทำพันธกิจนี้ด้วยตัวของเขาและภรรยา   ดังนั้น  เขาถึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หรือ เป็นไปไม่ได้เลย   แต่ถ้าเขามองว่านี่เป็นการทรงเรียกของพระเจ้าให้เขาเข้าไปร่วมในพระราชกิจที่พระเจ้าทรงเป็นผู้กระทำหลักแล้ว   เหตุการณ์ทั้งสิ้นจะไม่เป็นเช่นนี้   แต่จะนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีที่มีโอกาสร่วมในพระราชกิจของพระเจ้ามากมายสักปานใด

ในช่วงเวลาของการใคร่ครวญชีวิตคริสตชนถึงการทรงเรียกของพระเจ้าก่อนวันคริสตสมภพสี่สัปดาห์   ขอให้เรามีโอกาสที่จะสงบจิตใจ  ชีวิต  และใส่ใจเสียงแห่งการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตของเราช่วงนี้   เพื่อเราจะไม่พลาดโอกาสที่จะน้อมรับการทรงเรียกให้เราถวายชีวิตทั้งสิ้นกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตประจำวันของเรา  

แต่เราจะต้องตระหนักชัดว่า  เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเรา พระองค์ทรงเรียกเราให้ทุ่มเทชีวิตกระทำงานร่วมในพระราชกิจของพระองค์  เพื่อตอบสนองตามเป้าประสงค์แห่งแผนการของพระองค์   มิใช่ตอบสนองความอยากได้ใคร่มีหรือตามความต้องการของเรา   แต่ถ้าเราหมกมุ่นฟังการทรงเรียกตามความต้องการหรือตามความคิดของตนเอง   เราจะพลาดโอกาสเข้าร่วมงานกับพระองค์ตามพระประสงค์    บางครั้งพระเจ้าจะมีวิธีการปรับเปลี่ยนชีวิตของเรา  อย่างเช่นทรงปรับเปลี่ยนชีวิตและสร้างความเข้าใจใหม่แก่เศคาริยาห์   พระองค์ทรงให้เขามีชีวิตที่เงียบลง   เพื่อมีโอกาสจะได้ยิน ใคร่ครวญ และ เข้าใจการทรงเรียกของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น